เรียนภาษาอังกฤษ (แบบแพงแสรดดดดด) ครั้งแรก

เนื่องจากทักษะภาษาที่ต่ำต้อยจนถึงขีดสุด (╥﹏╥)
หาหนังสือมา ก็ไม่ยอมอ่าน ᕙ(`皿´)╯
เลยต้องบีบบังคับกันทางอ้อม
ไปเรียนพิเศษซะ!!!!

หลังจากค้นหา อ่านรีวิวมาหลายที่
ก็ตัดสินใจเลือกเรียนที่

Fast English!

ทำไมน่ะหรอ ...
ก็เพราะมันดีน่ะสิ (ขอค่าโฆษณาให้นู๋ด้วยค่ะ (‐^▽^‐) )

อิอิ
จริงๆ ก็คือ หลังจากอ่านรีวิวมาได้สักพัก
ก็ลิสต์รายชื่อสถาบันกับคอร์สเด่นๆ ของที่นั่นไว้เรียบร้อย

ตอนแรกตั้งใจจะเริ่มตั้งแต่ Vocab ซึ่งกะจะเรียนที่ BB&C
แต่เว็บของที่นี่ช่างเก่าเหลือเกิน ไม่มีวิธีติดต่อแบบอื่นๆ นอกจากโทรหา และเดินเข้าไปที่สถาบัน
เลยเมล์ไปถาม Fast English ที่มีคอร์สเด่นเป็นซิกเนเจอร์เลยก็คือ Grammar

หลายวันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมา
หลังจากถามรายละเอียดเรียบร้อย ก็ตัดสินใจโอนค่าเรียนในทันที 10000 บาท (จำเลขเป๊ะๆ ไม่ได้)
(เพราะเจ๊แกบอกเหลือที่สุดท้าย ... ถูกหลอกรึเปล่าเนี่ย +.+)


รายละเอียดการเรียน
รายละเอียดที่เจ้าหน้าที่อธิบายไว้ในตอนแรกสำหรับคอร์สนี้คือ

  • เรียนได้สาขาเดียว
เราเลือกเรียนที่สาขาสีลม (ใกล้ BTS และ MRT) เพราะงั้นก็ต้องไปที่นี่เท่านั้น ข้ามสาขามิได้
  • โปรบุฟเฟต์
เรียนแบบบุฟเฟต์ 5 เดือน ไม่จำกัดชั่วโมง อยากเรียนซ้ำก็เรียน ถ้ามีแรง
เราอยากเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์ ซึ่งบทที่เรียนก็จะซ้ำกัน
ไปเรียนวันเสาร์แล้วไปทบทวนวันอาทิตย์ได้
  • เป็นเทปบันทึกการสอน (ถ้าจะเรียนเสาร์อาทิตย์)
เสาร์อาทิตย์เรียนจากเทปบันทึกของวันอังคารกับพฤหัสก่อนหน้า (ก็ถือว่าใหม่อยู่)
  •  สามารถเรียนจบใน 2 เดือนครึ่งได้
ปกติช่วงเช้ากับช่วงบ่าย เนื้อหาจะไม่ต่อเนื่องกัน
เนื้อหามี 25 บท สมมติเราเลือกเรียนวันเสาร์เต็มวัน
เสาร์เช้า ของสัปดาห์ที่ 1 - 13 จะเป็นเนื้อหาบทที่ 1-13
ส่วนเสาร์บ่าย ของสัปดาห์ที่ 1 - 12 จะเป็นเนื้อหาบทที่ 14-25
หมายความว่า เราสามารถเรียนจบภายใน 2 เดือนครึ่งได้
ซึ่งเราก็ว่าดีนะ เพราะเรียนนานๆ เบื่อแย่เลย (ยังไม่ทันเรียนก็เบื่อซะแล้วหรอออออ)

วันแรกของการไปเรียน
สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ชั้น 22 ลิเบอร์ตี้ สแควร์ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า
ถ้ามา BTS หรือ MRT ก็ลงฝั่ง สีลมคอมแพล็ค เดินเลยสีลมคอมแพล็คไปนิดนึง ก่อนถึงตึกซีพี
ไปถึงปุ๊บ เหมือนออฟฟิศร้าง ಠ_ಠ   (แน่ละ วันเสาร์ ใครจะมาทำงาน)
ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 22 ออกจากลิฟต์มาก็เจอสถาบันเลย

เข้าไปข้างใน เอาใบเสร็จกับรูปถ่าย 1 นิ้วมั้ง 2 ใบไปยื่นให้เจ้าหน้าที่
จะได้คัมภีร์มาเล่มหนึ่ง (อยากถ่ายให้ดู แต่ติดลิขสิทธิ์) กะตารางเรียนให้

ซึ่งตารางเรียนนั้น ไม่ค่อยจะเหมือนที่เจ้าหน้าที่บอกตอนแรกเท่าไหร่
คือมันจะไม่ได้เรียน บท 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ
แต่มีสลับๆ กันไปบ้าง ซึ่งจะเรียนให้จบแบบเร็วๆ น่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แล้วกระโดดข้ามไปเรียนในบางสัปดาห์ที่มีบทที่เราพลาดไปอยู่

บัตรชั่วคราว ก็ใช้แสดงตนชั่วคราวไง เพราะบัตรนักเรียนยังไม่เสร็จ ห้ามหาย!! ไม่งั้นอดเข้าเรียน!

ภายในสถาบันจะแบ่งเป็นห้องสำหรับเรียนคอร์สต่างๆ
ซึ่งจะไม่ประจำห้องนะ ต้องถามเจ้าหน้าที่หรือดูหน้าห้องว่า ตอนนี้ห้องนี้เค้าเรียนอะไร
ก่อนเข้าห้อง จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรอยู่แล้ว เค้าก็จะคอยบอกว่าคอร์สนี้เรียนห้องไหน
อันนี้ดูยุ่งยากเหมือนกัน เคยเข้าห้องผิดด้วย 5555

ออกนอกห้องเรียน ต้องพกบัตรไปด้วยนะ เด๋วเค้าไม่ให้เข้าห้อง

สามารถจองโต๊ะเรียนได้ แต่บังคับให้ใช้หนังสือคู่มือของสถาบันในการจองเท่านั้น 1 ชั่วโมงก่อนเรียนมั้ง ถ้าจำไม่ผิด ถ้าถึงเวลาเรียนแล้วไม่มีใครมานั่ง จะเอาคู่มือไปเก็บไว้

อนุญาตให้จอดรถในอาคารได้แค่ 2 ชั่่วโมงเท่านั้น นอกนั้นเสียตังค์เอง

ห้ามบันทึกภาพ อัดเสียง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์

และกฎอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะได้ยินทุกครั้งเมื่อเริ่มเรียน

มีห้องน้ำ แยกชายหญิง ฝั่งละ 3 ห้อง
มีห้องครัวให้นะ เพราะในห้องเรียนเค้าไม่ให้เอาน้ำกะขนมเข้าไปกิน (เสียจัย T_T)
มีน้ำเปล่าบริการฟรี ในห้องครัว

ตรงบริเวณนี้ช่วงเที่ยงๆ จะเห็นคนเข้ามารวมตัวกันเยอะ เพราะซื้อข้าวกลางวันมานั่งกินกันบริเวณนี้

ในห้องเรียนก็จะเป็นเหมือนห้องเลคเชอร์ทั่วไป เก้าอี้ให้อารมณ์ตอนเรียนมหาลัยมาก
ห้องใหญ่อยู่ แบ่งเป็น 3 ล็อค ล็อคนึงนั่งได้ 3-4 คน ไม่แน่ใจว่ามีกี่แถว จุคนได้เยอะ น่าจะถึงร้อย
คนที่นั่งด้านหลังก็ไม่ต้องห่วง เค้ามีจอทีวี แยกซ้ายขวาให้ สำหรับคนที่นั่งแถวหลังๆ
แต่ปัญหาของการมองจอนี้คือ มีแสงสะท้อนอ่ะ
ปกติเรานั่งหน้าสุด เพราะเตี้ย! เด๋วคนอื่นบัง
ลองมาทุกมุมแระ นั่งหน้าสุด ดีที่สุด
ถ้าไม่ได้เข้าห้องน้ำบ่อย ก็ไปนั่งในสุดเลย จะได้ไม่มีใครมาเบียดบัง
ถ้าเข้าบ่อยก็นั่งติดประตู แต่ข้อเสียคือ เวลามีคนเข้าๆ ออกๆ ก็จะมาบังเราได้

เรียน 1.5 ชั่วโมง พัก ทั้งวันเรียน 6 ชั่วโมง
สารภาพว่า หลับๆ ตื่นๆ ปกติเรียนได้แค่ 1 ชั่วโมงแรกก็หมดแรงแระ

เทปบันทึการสอน
จะอัดมาจากการสอนสดในรอบวันอังคารและวันพฤหัสก่อนหน้า
เพราะงั้นเนื้อหาจึงใหม่และอัพเดทตลอด
ภาพคมชัด เสียงชัดเจน แต่บางทีก็มีค้างบ้าง ก็ให้ผู้ดูแลมาดูให้
จะอัดแบบตั้งกล้องไว้เฉยๆ ให้สามารถมองเห็นไวท์บอร์ดได้ทั้งอัน
เวลาอาจารย์สอน ก็จะเขียนบนไวท์บอร์ด แล้วก็พูดอยู่ตรงนั้น
ทำให้เราสามารถจดทุกอย่างที่อาจารย์เขียนไว้เได้ ถ้าอาจารย์ยังไม่ลบไปซะก่อนนะ 55

วิธีการสอนของอาจารย์นั้น .... พูดนอกตำรา 70% 55555555
เรื่องที่พูดส่วนใหญ่คือ
- คาถาชินบัญชร อาจารย์ท่านจะเน้นเสมอให้เราสวดเป็นประจำ
- ตัวอย่างนักเรียน คนนู่น คนนี้ ที่ประสบความสำเร็จ เรียนจบม.ดังๆ ในต่างประเทศ ได้เงินเป็นล้าน เทคนิคการเรียน การฝึกภาษา อะไรทำนองนี้
- สถานการ์ทั่วๆ ไป การเมืองนิดหน่อย แซวนักเรียนของตัวเองบ้างเล็กน้อย เล่าประสบการณ์ชีวิต

ส่วนการสอนตามตำรานั้น
ก็จะอธิบายหลักการและกฎต่างๆ ที่อาจารย์ท่านได้สรุปให้เรียบร้อย
และส่วนใหญ่ก็จะทำแบบฝึกหัด ให้เวลาทำบ้าง ทำพร้อมอาจารย์บ้าง เฉลยเลย ไม่ต้องมารออาทิตย์ถัดไป

คืออธิบายกฎแล้วให้ทำแบบฝึกหัดเลยอ่ะ
ประเด็นคือ ยังจำไม่ได้ 555
อาจารย์จะสอนเร็วมากก Fast สมชื่อ
พูดเร็ว ทำแบบฝึกหัดเร็ว บางครั้งถ้าโม้นานไป ต้องรีบๆ สอนเด๋วไม่ทันเวลา
ที่สำคัญ เนื้อหาของกฎมันนิดเดียว แต่แบบฝึกหัดจะเยอะมากกกกก
ส่วนใหญ่จะจบด้วยอาการ งง Σ(゚Д゚;≡;゚д゚)   กร๊าาาาาก

วิธีการอีกอย่างหนึ่งที่อาจารย์จะให้ทำคือ เวลาอาจารย์จะให้ทำแบบฝึกหัด
จะอ่านโจทย์ก่อน 1 รอบ ซึ่งทุกคนต้องอ่านตาม
หรือเวลาอาจารย์พูดอะไรเป็นภาษาอังกฤษ ต้องพูดตามด้วย
เป็นการฝึกพูด ฝึกฟังไปในตัว
ระหว่างสอนก็มีศัพท์ใหม่ๆ บ้าง

เนื่องจากอยากเรียนจบเร็วๆ ก่อนจะเบื่อซะก่อน
ทำให้ในหนึ่งวันนั้นเร่งรีบมาก
เริ่มเรียน 9 โมง เที่ยงกินข้าว บ่ายโมงเรียนต่อ 4 โมงเลิก กลายเป็นซอมบี้กลับบ้าน 5555

ในที่สุดก็เรียนจบ แต่เหมือนจะพลาดไป 1 บท เพราะดันหยุดวันที่ มีเรียนบทนี้ ทั้ง 2 รอบเลย

สรุปว่าได้อะไรมาบ้าง???
- ตำราดีๆ เล่มนึง
- แรงฮึด
5555555555555555555555555555555555

คือเนื้อหามันดีนะ อาจารย์สอนดี แต่ไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่
ประเด็นคือ เราจัดตารางเรียนผิดพลาดด้วยแหละ

ที่เหมาะคือ เรียนแค่ครึ่งเช้าหรือบ่าย แต่เรียนให้ครบ 5 เดือนไปเลย
ชวงครึ่งวันที่เหลือทบทวน แล้วมาเรียนซ้ำอีกที หรือถ้ามีเวลาอ่านก่อนไปเรียนยิ่งดี

ทำไมถึงบอกว่ามัน(น่าจะ)เวิร์ค?
แบบว่าเคยอ่านก่อนไปเรียนแล้ว บทนั้น เข้าใจมากกกก ทำแบบฝึกหัดได้ จำได้ด้วย เริดดดดด
แต่ก็แค่คร้งเดียวแหละ ที่มีเวลาอ่านก่อน 55555 \(◎o◎)/

จะเรียนต่อมั๊ย?
ไม่ใช่ตอนนี้อ่ะ แบบว่าขอตัวไปฝึกวิทยายุทธ์ให้กล้าแกร่งก่อน แล้วค่อยกลับมา

คุ้มกับที่เรียนมั๊ย?
- เรื่องราคา แพงมาก 555 คอร์สละเป็นหมื่นนี่เนอะ แต่จริงๆ แล้วเทียบกับที่อื่นๆ ก็คือว่าโอเคนะ สมัยนี้สถาบันสอนภาษาส่วนใหญ่มีแต่ราคาประมาณนี้ อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้แหละ
- เรื่องประสบกาณ์ เต็มเปี่ยม พร้อมออกไปเรียนในที่อื่นๆ ต่อไป คงไม่มีที่ไหนเร็วเท่านี้แล้วล่ะ 555
- เรื่องเนื้อหา ก็ดีนะ สมกับที่คัดมาแล้ว แบบฝึกหัดเยอะดี แต่เทคนิคลัดหรือเทคนิคการจำ ไม่ค่อยมีนะ
จากที่เคยเรียนกับ Recovery มา อันนี้เทคนิคเยอะกว่า (ถ้าได้เรียนกับอาจารย์ถูกคน ไม่งั้นอาจนั่งหลับ)
แต่ถ้าใครอยากเรียนพื้นฐานแบบว่า noun คืออะไร verb คืออะไร สละที่นี่ทิ้งไปก่อนเลย เค้าคัดเอาเฉพาะตัวเด่นมาให้แล้ว ควรมีพื้นฐานระดับหนึ่งแล้วมาเรียนอ่ะนะ ไม่งั้นเหนื่อยหน่อย

สรุปข้อดีข้อเสียมาเลยละกัน
ข้อดี
- เนื้อหาดีจ่ะ สั้นๆ กระทัดรัด ได้ใจความ
- แบบฝึกหัดเยอะ
- ถึงจะพูดนอกเรื่องแต่ก็มีเฮฮานะจ๊ะ เพราะอาจารย์ปล่อยมุกตลก อยู่ตลอด บางเรื่องก็มีสาระ
- มีให้ฝึกพูด ฝึกฟังไปด้วย 
- มีให้เลือกทั้งสอนสด และเทปบันทึกการสอน
- เทปบันทึกเนื้อหาอัพเดทตลอด

ข้อเสีย
- สอนเร็ว Fast สมชื่อมาก
- พูดนอกเรื่องเยอะไปหน่อย
- แพง ถ้าไปบอกใครว่า เรียนภาษาอังกฤษหมื่นนึงนี่หลายคนที่ได้ยินก็คงทำหน้าเหวอๆ มั่งแหละ
เอาไปซื้อตำราดีๆ ได้หลายเล่ม (ประเด็นคือ มีตำราก็ไม่ยอมอ่านไง)
- ห้องเรียนคนเยอะมาก ไม่ได้เรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ
- การดีไซน์ตำราเรียน ไม่ค่อยดึงดูดให้อ่านเลย (จะมีที่ไหนออกแบบให้สวยๆ มั๊ยน้ออออ)
- โต๊ะเล็กอ่ะ เขียนไม่ถนัดมือ

เนื้อหา : ★★★★
เทคนิคการจำ :
เทคนิคการสอน : ★★★
บรรยากาศ : ★★★
การเดินทาง :  ★★★★★
ราคา : $ $ $ $




สนใจ Fast English ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ ที่นี่

=====================================================

เขียนมาซะยาว รูปก็ไม่มีให้ดู แหะๆ เรียนจบมาเป็นชาติ ก็อยากจะเขียนอะไรลงบล็อกมั่งงะ
ทนๆ อ่านกันหน่อยน๊าาาาา ʕ•ᴥ•ʔ




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>