ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 เชียงราย #1】 ตะลุยแดนเหนือ เหนือสุดแดนสยาม ตอนที่ 1 บ้านดำ ไร่บุญรอด หอนาฬิกา และบ้านจารุ

ก่อนหน้านี้ เห็นเพื่อนๆ โพสต์รูปไร่บุญรอดกันใหญ่
ความอยากก็บังเกิด (/◕ヮ◕)/
และมันก็ชอบเกิดหลัง สายการบินหมดโปรซะด้วยสิ


ซัดไปเลย ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง-เชียงราย 1700+ by Thai Lion Air
3 วันไปเลยจ้า เน้นๆ ลางาน 1 วัน
17-19 ตุลา 2558 (กลับมาทำงานอีก 3 วันก้อหยุดต่อ เย้)


ด้วยความโลภ กลัวได้เที่ยวน้อย เลือกรอบเช้าๆ
เครื่องออก 8.20 แต่ต้องไปสนามบินประมาณตอน 6.30 ตามมารยาทอันดีงาม ซึ่งหมายความว่า 
ต้องตื่นก่อน ตี 5!! (⊙▂⊙)
(จริงๆ ไปถึงช้ากว่านี้ก็ได้นะ เพราะเช็คอินออนไลน์มาแล้ว กระเป๋าก็ไม่มีโหลด แต่การจราจรกรุงเทพ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เผื่อไว้ดีกว่า)

สนามบินดอนเมืองยามเช้า
(ถ่ายแอร์เอเชีย แต่เราบินกับไลอ้อนแอร์นะ 55)


หลังจากนั่งรอนอนรอที่สนามบินอยู่พักนึง ก็ได้เวลา Take Off

I believe I can fly


ถึงสนามบินเชียงราย 9 โมงกว่าๆ

ชั้นหนึ่งของสนามบินเชียงราย

การเดินทางในเชียงรายครั้งนี้
เราได้เช่ารถไว้กับ Sixt Thailand
เพราะมันมีรถฟอร์จูนเนอร์ ในราคาถูกที่สุดในบรรดาบริษัทเช่ารถ (รวมประกันชั้นหนึ่งแล้ว) 
ประมาณ 7,115 บาท 


ไปถึงสนามบินก็ไปรับรถที่เคาน์เตอร์
เคาน์เตอร์ไม่ได้เปิดตลอดเวลานะ เค้าจะเปิดช่วงที่มีเที่ยวบินลง


เคาน์เตอร์ Sixt


ไปถึงเคาน์เตอร์ก็นำเอกสารไปยื่น ได้แก่

  • เอกสารการจอง
  • พร้อมกับใบขับขี่ของผู้ที่จะขับรถ (หลายคนได้)
  • บัตรประชาชนและบัตรเครดิตที่จะใช้ในการชำระเงิน

ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าจะรูดกันวงเงินไว้กี่ % จำไม่ได้
แต่โดนรูดกันวงเงินไป 10,672 บาท
ตอนขากลับให้เอาสลิปมายื่นด้วย พร้อมเอกสารที่เค้าให้มา


ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีในการดำเนินการรับรถ
ก็ได้ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ แลดูมีชาติตระกูลมาขับ
ก่อนขับก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เอ้ย ไม่ใช่ ถ่ายรูปรถไว้ เพื่อตรวจเช็คสภาพรถไปในตัว  (>‿♥)


ราชรถของเรา เลขทะเบียนสวย หวยเพิ่งออกไปงวดที่แล้ว แฮ่ๆ


คนพร้อม ของพร้อม รถพร้อม ออกสตาร์ทได้


เนื่องจากเพิ่ง 10 โมงกว่าๆ เร็วไปที่จะเข้าเมืองไปกินข้าว
เลยเลือกแวะ ที่เที่ยวสักที่นึงก่อน


ซึ่งที่ที่ใกล้ที่สุดตอนนั้น คือ "พิพิธภัณฑ์บ้านดำ" ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี


พิพิธภัณฑ์บ้านดำ


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
สถานที่อยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่มากนัก
ที่จอดรถน้อย แต่มีที่จอดรถเสียตังค์อยู่ใกล้ๆ
ถ้าวนไปหนึ่งรอบ ไม่เจอที่จอดรถฟรี ก็เข้าไปจอดที่จอดรถแบบเสียตังค์ก็ได้ 40 บาท
แต่ตัวพิพิธภัณฑ์ ไม่เสียค่าเข้าชมนะจ๊ะ



ภายในพิพิธภัณฑ์ โซนแรก จะมีผลงานศิลปะของศิลปินต่างๆ จัดแสดงอยู่
นอกจากนี้ยังรวบรวมผลงานและของสะสมของอาจารย์ไว้ด้วย


อาคารแรกที่มองเห็นจากด้านหน้า


ภายในอาคาร

รูปปั้นอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี

ภาพศิลปะของบรรดาศิลปิน


ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นอาคารหลังเดียว แต่พอเดินเข้าไปอีก จะเห็นบ้านทรงไทยล้านนา
หลายหลัง ซึ่งสิ่งที่คล้ายกันคือ จะเป็นสีดำ


มีลวดลายแกะสลักสวยงาม ประดับประดาด้วยไม้แกะสลัก กระดูกสัตว์ เขาสัตว์


ด้านหลังของอาคารแสดงศิลปะ

ของสะสมเป็นพวกกระดูก เขา หนังสัตว์



บรรยากาศร่มรื่น


อาคารส่วนใหญ่เป็นเรือนทรงไทยสีดำ


ต้นไม้เยอะ ร่มรืน อากาศไม่ร้อน (╯▽╰)
ถึงคนจะเยอะไปหน่อย แต่ก็ไม่วุ่นวายจนเกินไป


ในนี้ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามานะ มีเจ้าหน้าที่ตรวจตราเข้มงวดเลยทีเดียว
แต่ข้างนอกก็มีร้านอาหารของชาวบ้านวางขายอยู่ ออกไปซื้อได้นะ แต่ก็ต้องกินข้างนอก ห้ามนำเข้ามา


ด้านนอกมีน้ำดื่มเย็นๆ ขายนะ


หลังจากเดินจนทั่วแล้ว ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
ก็ได้เวลาเดินทางเข้าตัวเมือ


พอออกจากบ้านดำ เข้าถนนใหญ่ เท่านั้นแหละ
รถติดจ้า ติดแหง็กเลย  (ーー;)
เหยยยยย ถึงไม่ใช่กรุงเทพ รถก็ติดได้เหมือนกันนะจ๊ะ
ใช้เวลาเพื่อยูเทิร์น 30 นาที
คือ เค้าปิดถนน เนื่องในโอกาสอันใดมิทราบ แต่ติดหนักมากกกกกก


มุ่งหน้าสู่ "ร้านภูแล"
กลางวันนี้เราจะฝากท้องกันที่นี่


ร้านอยู่ริมถนน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องจอดรถไว้ริมถนนเช่นกัน
บริเวณนี้ เป็นโซนจัดถนนคนเดินด้วย


ไปถึงร้านปุ๊บ ผิดคาดมาก คือเป็นร้านรีวิวอ่ะ ทำใจไว้แล้วว่า คนจะเยอะ
แต่เปล่าเลย คนน้อย สบายเราล่ะ
(づ ̄ ³ ̄)づ อาหารมาเร็ว รสชาติดี บริการดีด้วย 


ร้านหาไม่ยาก อยู่ริมถนนเลย
ออเดิฟ ไส้อั๋ว "อร่อย"


ปลาทอด "อร่อย"


ไข่เจียวคุณย่าหรือคุณยายเนี่ยแหละ มันไปหน่อย


กินอิ่มแล้ว มีกำลัง 
มุ่งสู่เป้าหมายหลักของทริป


วัดร่องขุน
แม่เจ้า ☼ ☼  ☼ ร้อนนนนนนนนนนน ☼ ☼ ☼ 
เข้าไม่ถึงความงามของวัด เพราะโดนแสงแดดทำร้าย
ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของการมาตอนบ่ายๆ คือ ไมมีทัวร์จีน เพราะมันร้อนมากนั่นเอง



ป้ายยังมีศิลปะ


เข้าใจมาตลอดว่าที่นี่ ไม่ใช่วัด มันเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ ซึ่ง ผิดจ่ะ
เป็นวัดอ่ะ แต่ไม่เจอพระนะ แต่มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ด้านใน


มาที่นี่ต้องแต่งกายสุภาพ สายเดี่ยว นุ่งสั้น ห้ามเข้านะจ๊ะ
แต่ไม่ต้องห่วง ที่นี่เค้ามีผ้าถุง ผ้าคลุมให้ "เช่า"
สนนราคาที่ผืนละ 20 บาท แต่มีค่ามันจำอีกผืนละ 100 บาท
ใครไม่อยากเสียตังค์ โปรดแต่งกายสุภาพ หรือพกผ้าถุง/ผ้าคลุมส่วนตัวมาเอง
(จริงๆ เอามาด้วย แต่ไม่ได้เอาลงจากรถ ก็นึกว่าไม่ใช่วัดจริงๆ นี่นา) 


ค่าเข้าฟรีอีกแล้ว (แต่เสียค่าผ้าถุงไปแล้วงะ  (╥﹏╥) )


แดดร้อน คนเลยน้อย

ผลละเอียดมาก

มีการซ่อมบำรุงเล็กน้อย

ห้องน้ำก็กำลังปรับปรุง


ใช้เวลาชมประมาณ 30 นาที จริงๆ ก็อยากเดินให้ทั่วๆ อ่ะนะ แต่มันร้อนมาก
ตอนไป ห้องน้ำสีทอง กำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมบำรุง
ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำอีกแห่ง ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกล
สองข้างทางไม่มีร่มเงาเลย ดีว่าพกร่มไปด้วย
เป้าหมายแรก มิชชั่นคอมพลีส

เป้าหมายต่อไป "ไร่บุญรอด"
อยู่ไม่ไกลจาก วัดร่องขุน มาก 


มาถึงปุ๊บ เห็นรูปปั้นสิงห์ อยู่ใกล้ทางเข้าเลย
เอารถไปจอดตรงลานใกล้ทางเข้า
กะว่าจะนั่งรถรางไปรอบๆ


ไปถึงรถเต็มจ้าาาาา อด
แต่เค้าอนุญาตให้เอารถเข้าไปได้อีก 2 จุดด้านใน คือ จุดเช่าจักรยาน และร้านภูภิรมย์


เราเลือกไปที่เดียวคือ "ร้านภูภิรมย์"
ระยะห่างจากทางเข้า ค่อนข้างไกลทีเดียว ไร่นี้กว้างมาก

ร้านภูภิรมย์


ตรงร้านอาหารจะมีไร่ชาอยู่ บรรยากาศดี
ถ่ายรูปรอบๆ ร้านก่อนแป๊บนึง



ร้านรายล้อมด้วยไร่ชา


จากนั้นแวะไปกินน้ำปั่นกะขนม แต่ "น้ำไม่ไหล" ปั่นไมไ่ด้ ต้องสั่งเครื่องดื่มเย็นแทน
มีขนมแต่ไม่หลากหลาย และหลายอย่างไม่ขายแล้วด้วย แถม
พนักงานยังทำหน้าบึ้งๆ อีก


ชาเขียวเย็น ไม่ปั่น เพราะไฟดับ 555

ชามะนาว

ไอติมโฮมเมด อันนี้อร่อย


กินเสร็จก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

บรรยากาศดีๆ


จนอากาศเริ่มเย็นลง ถึงไปถ่ายรูปกะสิงห์ ตรงทางเข้าไร่
คนค่อนข้างเยอะ แต่ไม่แออัด ส่วนใหญ่มานั่งเล่นชิลๆ  (─‿‿─)



มีบอลลูนด้วย



รูปปั้นสิงห์ ตอนคนยังไม่เยอะเท่าไหร่

พอใกล้ๆ มืดคนก็เริมมา ด้านหลังสิงห์ท้องฟ้ากำลังสวยเลย

ถ่ายรูปกันจนแสงหมด (คือแค่รูปปั้นสิงห์นี่ถ่ายไปเกือบ 30 รูปอ่ะ ไม่รู้จะถ่ายอะไรเยอะแยะ 555)
ก็กลับเข้าไปในเมือง


เข้าที่พัก

คืนนี้นอน "บ้านจารุ"
ที่พักชั้นดี ราคาประหยัด การันตีโดย TripAdvisor และ UraiwanAdvisor ให้ 5 ดาว ✪✪✪✪✪


ป้ายที่พัก

รถจอดบริเวณหน้าบ้าน

ที่พักของเราคืนนี้


เจ้าของน่ารักมาก ที่พักสะอาดเรียบร้อย ถึงไม่หรูหรา แต่นอนสบาย
บ้านเป็นอาคารไม่ใหญ่มาก มีห้องพักแค่ 8 ห้อง
ที่จอดรถมีไม่มาก อารมณ์เหมือนมาพักบ้านเพื่อน

กำลังเช็คอิน


ใช้เวลาเช็คอินนานมากกก
คือเจ้าของเค้าคุยเก่งงะ  ʕ•ᴥ•ʔ
ก็จะแนะนำที่เที่ยวนู่นนี่นั่นให้
ถามว่าเรามีแพลนไปไหนบ้าง เค้าก็แนะนำที่เที่ยวมาให้
สุดท้ายได้ ดอยแม่สลอง เพิ่มเข้ามาในทริป
(จากเดิมที่มีแค่ ไร่ชาฉุยฟง กะดอยตุง)


เช็คอินเสร็จ
ก็เอาของเข้าไปเก็บในห้อง ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย


ห้องกว้างขวาง อุปกรณ์ เครื่องใช้พร้อม
มีทีวี ตู้เย็น น้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ระเบียง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า พื้นที่นั่งเล่น

ห้องพักกว้างขวาง

ห่องน้ำสะอาด ดูดี

ห้องนอนอีกมุมหนึ่ง


จากนั้นก็ไปท่องราตรีกัน!


ที่พักอยู่ไม่ไกลจากหอนาฬิกามากนัก
เดินไปได้ ประมาณ 500 เมตร


ตรงหอนาฬิกา ตอนกลางคืน จะมีการแสดงแสงสีเสียง ตอน 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม
เราไปถึงเกือบ 2 ทุ่มแระ อีกประมาณ 10 นาที เลยรอดู


จุดที่เหมาะแกการชมการแสดงมาที่สุด คือ ตรงเกาะกลางถนน
เพราะจะเห็นตรงกลางหอนาฬิกาพอดี ซึ่งตรงนั้นจะมีแสดงหุ่นเล็กๆ อยู่

เริ่มการแสดง

หอนาฬิกาเปลี่ยนสีแล้ว

ชอบหอนาฬิกาสีนี้


แต่เรายืนรอริมถนน 555
การแสดงใช้เวลาประมาณ 10 นาที


จากนั้นก็ไปถนนคนเดิน ซึ่งห่างออกไปประมาณ 200 เมตร
ถนนคนเดิน เป็นเหมือนตลาดนัดทั่วไป
ใครอยากเห็นแบบชิคาด้า น่าจะผิดหวัง 
(゜◇゜)


ตอนแรกที่กะจะไปเดินหาของกินที่ตลาดนัด ปรากฎว่าโซนที่ไป ไม่มีของกินเลย
เลยกลับมาที่แถวหอนาฬิกา


มีร้านข้าวต้มอยู่
เดินเข้าไป คนค่อนข้างเยอะ แต่พนักงานน้อย 
ไม่น่าจะได้กินในเร็วๆ นี้
เลยออกไปหาร้านอื่น


หาอยู่สักพักนึง ก็ได้ร้านผัดไทย แถวหอนาฬิกา
แต่กว่าจะได้กินก็ต้องยืนรออีกพักใหญ่ๆ ┗(-_- )┓


รอกินข้าวเย็น ตอนสามทุ่ม

ได้ดูการแสดงที่หอนาฬิการอบ 3 ทุ่ม อีกครั้งเลย 555


กินอิ่มแล้วเราก็เดินทางกลับที่พัก แต่เพื่อนอีกกลุ่ม ไปเดินตลาดนัดอีกรอบ
เราเข้าห้องมา อาบน้ำ แล้วก็นอนเลย เพราะง่วงมาก


เพื่อนกลับมาเคาะห้อง ไม่ตื่น
โทรเข้ามือถือ ไม่ตื่น
เลยต้องไปขอกุญแจสำรองมา เปิดห้อง ถึงตื่น (สะดุ้งตื่น เพราะ เสียงเปิดประตู 555)
 

คืนนี้หลับฝันดี

╔══════════════════════ ೋღღೋ ══════════════════════╗

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>