ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ไปนอนแคมป์ ณ สวนผึ้ง @The Canvas Boutique Camp


ทริปส่งท้ายปี 2017




ครั้งนี้เราไปกันที่ สวนผึ้ง
ไปกินปิ้งย่าง นอนว่างๆ ในเต้นท์กัน 😀


เริ่มการเดินทางจากกรุงเทพ มาถึงจุดหมายแรก


Coro Field


ฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่นแห่งสวนผึ้ง



ที่จอดรถไม่มากเท่าไหร่
ในฟาร์มจะแบ่งเป็นพื้นที่ต่างๆ หลายโซน

Coro Me เป็นเรือนกระจก จะมีทั้งการจำหน่ายต้นไม้สำหรับนำกลับไปปลูกที่บ้าน กิจกรรม GIY ที่ให้เราสามารถตกแต่งต้นไม้ตามสไตล์ตัวเองได้ และ มุมของที่ระลึก









ตรงข้ามเรือนกระจก จะมีมาสคอตสีขาว นอนเอ้งแม้งอยู่ตรงลานกว้าง
ช่วงที่ไปเค้าจะมีจัดกิจกรรมกันตอนกลางคืนด้วยนะ





ใกล้ๆ กันจะเป็นเรือนเพาะเมล่อน
เดินเข้าไปด้านในอีกนิด (อาคารใกล้กับถนนใหญ่)  ก็จะเป็นร้านอาหาร

Coro Cafe มีอาหาร เครื่องดื่ม และของหวานจำหน่าย






ซึ่งพวกเราก็เลือกกินอาหารกลางวันกันที่นี่แหละ
แต่เนื่องจากคนเยอะมาก
ถ้าจะนั่งด้านในห้องแอร์ต้องรออีกนาน (เพราะมากรุ๊ปใหญ่)
ดังนั้นจึงตัดสินใจนั่งด้านนอก ไม่มีแอร์ แต่มีพัดลมตัวใหญ่ให้
ซึ่งเวลากินก็จะลำบากหน่อย เพราะลมค่อนข้างแรง 😕

หลังจากได้ที่นั่ง
ก็ไปต่อคิวสั่งอาหาร
อาหารยังไม่หลายหลายเท่าไหร่
ราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่เป็นของทอด เบอร์เกอร์ พาสต้า สลัด
ซึ่งใช้เวลานานมากกกกกกกก กว่าจะได้แต่ละอย่าง
จานสุดท้าย ได้หลังจากสั่งไว้ประมาณ 1 ชม. 😢






สรุปได้ว่า ของที่สั่งมานั้น
น้ำเมล่อนชีส กับ มันทอด อร่อยที่สุด 😅

นอกนั้น ......
อาหารส่วนใหญ่ รสชาติจะออกหวานเกินไป 😑
ตระกูลของทอดนี่มันและเลี่ยน 😓
น้ำเมล่อน ที่ควรจะเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ก็ไม่ค่อยอร่อยอย่างที่หวัง (แต่เนื้อเมล่อนอร่อยนะ) 😒

กินเสร็จ ก็แวะช็อปปิ้ง ในร้านซึ่งอยู่ตรงข้าม Coro Cafe
Coro Market  มีพวกเมล่อน ผัก สินค้าแปรรูป แล้วก็ขนมหวาน รวมทั้งของที่ระลึกจำหน่าย




แต่ไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่ เนื่องจากผิดหวังกับอาหาร
(อยากกินเมล่อน เป็นลูกๆ เหมือนกันนะ ราคาแอบแรง ลูกเล็ก 250 บาท แต่มีแบบซีกขาย ซีกละ 50 บาท)





จากนั้นก็ไปถ่ายรูปกันต่อ
ปล. ไม่ได้เข้าไปในส่วนของ Coro House นะ














หลังจากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อ


The Canvas Boutique Camp - เดอะ แคนวาส


เป็นรีสอร์ทสไตล์แคมป์ปิ้งผสมผสานการใช้ชีวิตแบบโบฮีเมียน
จุดเด่นอยู่ที่ ทุ่งดอกลิตเติ้ลรูบี้ขนาดใหญ่ภายในรีสอร์ท

ซึ่งป้ายบอกทางเค้าจะเขียนเป็นภาษาไทยนะ 555
มัวแต่เล็งชื่อภาษาอังกฤษ เกือบหลงทาง

เมื่อไปถึง จะเจอลานจอดรถเล็กๆ ด้านหน้า
แต่สำหรับคนที่มาพักที่นี่ สามารถนำรถเข้าไปจอดด้านในได้เลย
ทางเข้าจะแคบหน่อย (และต้องเดินไกลจากเต้นท์มากกว่าด้านหน้าด้วย)




พอจอดรถปุ๊บ ก็มีพนักงานนำมอไซต์พ่วงข้าง มารับกระเป๋าไปยังหน้าเต้นท์ทันที
แอบสงสารขุ่นป้า เพราะของพวกเรานั้น..... ยังกะมาเป็นเดือน 🙏




เต้นท์จะมีประมาณ 20 เต้นท์ ตั้งอยู่ติดๆ กัน มีทั้งเต้นท์เก่าและใหม่
มีอาคารที่เป็นห้องสุขา/ห้องอาบน้ำ 3 ตึก สำหรับ 6-8 เต้นท์
ในอาคาร จะแบ่งเป็นห้องสุขา/ห้องอาบน้ำสำหรับชายและหญิง (หญิงซ้าย ชายขวา)
ต้องเปลี่ยนรองเท้าด้านนอกอาคาร





ส่วนของฝั่งผู้หญิง (ของผู้ชายก็น่าจะคล้ายๆ กันมั้ง)
จะมีห้องสุขา 3 ห้อง อ่างล่างหน้า 2 อ่าง ห้องอาบน้ำ 2 ห้อง

ระหว่างห้องสุขาและห้องอาบน้ำ จะมีเก้าอี้นั่งพัก แล้วก็ล็อคเกอร์เก็บของกั้นอยู่



ด้านหน้าของห้องสุขาจะเป็นอ่างล้างหน้า
มีสบู่เหลวล้างมือ สำลีปั่นหู สำลีแผ่น หมวกอาบน้ำ ทิชชู่
แล้วก็มีไดร์เป่าผมให้ 1 อัน





ห้องสุขาสะอาด แต่ด้านหลัง มันเปิดโล่งอ่ะ 😱
แบบว่า ไม่มีกำแพงหลังของแต่ละห้อง 😲
มีแต่กำแพงตึก
คือ ชะโงกหน้ามาเจอกันได้อ่ะนะ
หวังว่าจะไม่เจอคนโรคจิตนะ 555 😤



ห้องสุขาว่าแอดวานซ์แล้ว
ห้องอาบน้ำแอดวานซ์กว่าจ้า

เนื่องจาก ไม่มีประตูหน้าปิดเน้ออออ 😱😱😱
มีแต่ผ้าม่านกั้น เป็นผ้าม่านสีน้ำตาลทึบๆ

เข้าไปจะเจอโซนแห้งก่อน เอาไว้วางของใช้สำหรับอาบน้ำ
ถัดไปจะเจอโซนเปียก มีผ้าม่านกั้นอีกชั้น
มีฝักบัวอาบน้ำที่ปรับระดับน้ำร้อนน้ำเย็นได้ แล้วก็มีสบู่กับแชมพูให้
ส่วนด้านหลังห้องอาบน้ำ เปิดโล่งเหมือนห้องสุขาเลย




พื้นห้องอาบน้ำ จะมีไม้ระแนง ให้เราเหยียบ เท้าเราจะได้ไม่โดนพื้นห้องอาบน้ำ

เนื่องจากว่า เป็นการอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบธรรมช๊าดดธรรมชาติ
ก็จะเจอสัตว์เล็ก สัตว์น้อย มาทักทายอยู่เนืองๆ
ช็อคสุด ก็เป็น คราบงู บนอ่างล้างหน้า 5555555555 😂
ตกใจหมด ดีไม่หล่นมาตอนล้างหน้า

มาดูเต้นกันบ้าง
เต้นท์ค่อนข้างใหญ่นะ ถ้าซื้อมาใช้เอง คงจะนอนได้ 10 คนอ่ะ
เต้นท์ของเราจะเก่าหน่อย ไม่ขาววิ๊งแบบในรูปโปรโมต




ข้างในเต้นท์ ตกแต่งได้ดี
มีเตียงขนาดใหญ่ตรงกลางด้านใน
มีชั้นวางและโคมไฟอยู่ตรงหัวเตียงทั้งสองด้าน



มีราวตากผ้า พร้อมผ้าเช็ดตัวให้ 2 ผืน



ตรงปลายเตียงจะมีเบาะนั่ง และโต๊ะไม้เล็กๆ
มีน้ำเปล่า แก้วน้ำให้



ถัดจากปลายเตียงไป จะมีพัดลมสไตล์วินเทจสองตัว ลมแรงดีมาก

ภายในเต้นท์ค่อนข้างร้อน อากาศออกจะชื้นๆ หน่อย
แนะนำให้เปิดซิปตรงช่องระบายอากาศออกให้หมด
แต่อย่าเปิดเต้นท์ทิ้งไว้ เพราะมียุงนะจ๊ะ 😖

มีสายยูสำหรับล็อคเต้นท์ให้
แต่ปกติ เราแค่รูดปิดไว้เฉยๆ ไม่เคยล็อคเลย เพราะพกของมีค่าออกมาด้วยตลอด

หน้าเต้นท์มีเก้าอี้เล็กๆ (หรือว่าเป็นชั้นวางรองเท้าหว่า?)


แล้วทุ่งลิตเติ้ลรูบี้อยู่ไหน?? 😕
ก็..... อยู่ตรงข้ามโซนเต้นท์น่ะแหละ



สมมติว่าเดินจากลานจอดรถด้านหลังมา เต้นท์ทั้งหลายจะอยู่ขวามือ
ส่วนทุ่งลิตเติ้ลรูบี้จะอยู่ทางซ้ายมือน่ะแหละ
เป็นทุ่งกว้างๆ มีทางให้เดิน/ปั่นจักรยาน
ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ พอเดินได้ทั่วโดยไม่เหนื่อย

อ่ะ ทำแผนผังง่อยๆ ให้ดูละกัน 👇
ปล. รูปผิดนิดหน่อย ตรง Ruby Cafe ต้องเป็น Little Ruby Cafe 




จุดถ่ายรูปก็จะคล้ายๆ กันหมด

ระหว่างโซนเต้นท์และต้นไม้
จะมีโซนสำหรับประกอบอาหารอยู่
โดยจะมีอยู่ 2 จุด แต่ละจุด จะมีเตาย่าง 3-4 เตา
แล้วก็มีโต๊ะรับประทานอาหาร 3-4 ชุด (เป็นโต๊ะไม้ใหญ่ๆ เลย)
มีอ่างล้างจาน ถังขยะ ฟองน้ำ น้ำยาล้างจานไว้ให้





ถัดจากโซนเต้นท์และต้นไม้
จะเป็น Little Ruby Cafe เป็นตึกสำหรับเช็คอิน ห้องอาหาร ร้านกาแฟ
จะอยู่ด้านหน้าของรีสอร์ท ใกล้ประตูทางออกด้านหน้าเลย
มีจักรยานให้ยืมปั่นได้อิสระ ภายในรีสอร์ท







หลังจากเราเช็คอินเก็บของแล้ว
ก็ตระเวนถ่ายรูปตามจุดต่างๆ






ในรีสอร์ทมีหมา แมวอยู่หลายตัว
แมวขี้อ้อนมากกกกกกกกกกกกกก 😍
ส่วนหมาก็เชื่องสุดๆ มีลูกหมาแสนซนอีกหลายตัวเลย








ในรีสอร์ท ยุงค่อนข้างเยอะ และดุมาก ซอฟเฟลเอาไม่อยู่ 😠

หลังจากถ่ายรูปจนเหนื่อย (ก็ไม่รู้ถ่ายอะไรกันเยอะแยะ)
ก็มาเตรียมตัวทำอาหารเย็นกัน
ปล. เจ้าของและพนักงานน่ารัก ยิ้มแย้ม เป็นกันเองมาก 😘


ทางรีสอร์ทสามารถจัดเตรียมชุดปิ้งย่าง​ได้ดังนี้

1.ชุดใหญ่ ​500 ​บาท​ ต่อคน
ประกอบด้วย อาหารทะเล กุ้งแม่น้ำหรือกุ้งก้ามกราม, ปลาแซลมอล, ปลาหมึก, หอยแมลงภู่​นิวซีแลนด์​  ซี่โครง​บาบีคิว, หมู​หมัก​ เบคอนพันเห็ด​  เห็ด ผัก​ ข้าวโพด​ มันญี่ปุ่น

2. ไก่​ หมู และเนื้อ  400 ​บาท​ ต่อคน
ประกอบด้วย ซี่โครง​บาบีคิว​ เบคอนพันเห็ด​ ไก่หมัก  สเต็ก​เนื้อ​ แฮมเบอเกอร์แพตตี้​เนื้อ  ผัก​ เห็ด​ ข้าว​โพด​ มันญี่ปุ่น

3.ชุดหมู และไก่ 300 ​บาท​ ต่อคน
ประกอบด้วย ซี่โครง​บาบีคิว เบคอนพันเห็ด​ ไก่​หมัก​ หมูหมักเสียบไม้บาบีคิว​ แฮมเบอร์เกอร์​แพตตี้หมูหรือไก่  ผัก ​เห็ด​ ข้าวโพด​ มันญี่ปุ่น​

ทุกแบบรวมอุปกรณ์เตาพร้อมถ่าน

แต่ถ้าอยากนำของสดมาทำเอง
ทางรีสอร์ทมีเตาพร้อมถ่าน รวมทั้งอุปกรณ์​ให้เช่า​ราคา​ 500​ บาท

สำหรับคนที่อยากไปปิ้งย่างที่นี่ ก็จะมีช้อยส์ให้เลือกคือ
1. ซื้อปิ้งย่างของทางรีสอร์ทหมดเลย
2. ซื้อไปเอง + ซื้อปิ้งย่างของทางรีสอร์ท
ในกรณีพวกเราไปกัน 10 คน เค้าให้ซื้อปิ้งย่างอย่างน้อย 4 ชุด โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเอาปิ้งย่างชุดไหนบ้าง ไม่ต้องเป็นแบบเดียวกัน
3. ซื้อไปเอง แล้วเช่าเตา
4. ซื้อไปเอง แล้วใช้เตาตัวเอง (อันนี้ไม่ได้ถามนะว่าทำได้ไหม แต่เผื่อใครอยากลอง)

ซึ่งพวกเราเลือกแบบที่ 2
สั่งบาร์บีคิวของรีสอร์ทมา 4 ชุด เป็นชุด 2 กับ 3
แล้วก็เตรียมบาร์บีคิว เบคอน เห็ดเข็มทอง มันญี่ปุ่น เครื่องดื่ม มาเอง



พอเริ่มมืด ก็จะเริ่มเปิดไฟ




เมื่อถึงเวลาที่นัด
พนักงานก็จะมาเตรียมเตาบาร์บีคิวให้ จุดไฟให้เสร็จสรรพ
แล้วก็จะนำอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นมาไว้ให้
ทั้งถ่านพร้อมที่คีบ ตะแกรงพร้อมที่คีบอาหาร
จาน ถาดอาหาร เขียง มีดทำอาหาร
ช้อน ส้อม มีด แก้วน้ำ

จากนั้นก็จะนำอาหารที่เราสั่งไว้มาให้
แต่เป็นแบบเตรียมวัตถุดิบมาให้
เราต้องมาย่างเองนะจ๊ะ
น้ำแข็งมีขาย สามารถซื้อกับทางรีสอร์ทได้





เมื่อพนักงานเตรียมของให้เสร็จแล้ว 😇
ก็ถึงตาเรา ช่วยเหลือตัวเองละ
ก็กินๆ ย่างๆ ไปเรื่อยๆ
ปล. ถ่านเค้าจะเป็นก้อนเล็กๆ จุดไม่สะใจเท่าไหร่ แต่เราเตรียมมาเอง ก้อนเบ่อเร่อ ไปลุกพรึ่บพรับ






ตรงเตากับโต๊ะที่เรานั่ง จะอยู่ริมสุดของโซนปิ้งย่างเลย
ตรงนี้แสงน้อยไปหน่อย
มองไม่ค่อยออกว่าสุกหรือยัง 😒
ใครที่มาทำปิ้งย่างเอง แนะนำให้เลือกเตาที่อยู่กลางๆ นะ



หลังจากกินอิ่ม และของเหลือเยอะมาก 555
เสียดายเหมือนกัน แต่ไม่ไหวแล้ว
นุ้งหมาก็ไม่แด๊กแล้วเช่นกัลลลลลลลล 😅

ก็ทำความสะอาดโต๊ะให้เรียบร้อย เก็บอุปกรณ์ของรีสอร์ท ไปไว้ในตะกร้า
จะมีพนักงานมาเก็บไปทำความสะอาดให้

ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแระ
ทะยอยกันไปอาบน้ำได้

กว่าจะเสร็จก็เที่ยงคืนหน่อยๆ
ไฟตรงโซนปิ้งย่างก็จะถูกปิด
บริเวณรีสอร์ทก็จะมืดๆ หน่อย มีเฉพาะตรงเต้นท์เท่านั้น ที่ยังมีแสงไฟอยู่
ปล. ในเต้นท์ และห้องอาบน้ำ/ห้องสุขา ไม่เก็บเสียงนะฮ๊าาาฟฟฟ คุยไรกัน คนข้างนอกได้ยินโม๊ดดดด 😂


------------------------------------

วันต่อมา
เป็นช่วงที่กรุงเทพอากาศหนาวพอดี
และแน่นอนว่าที่นี่ก็หนาวเช่นกัน

ถึงตื่นเช้าแต่ก็ไม่มีอะไรทำ นอกจากเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
ตรงลิตเติ้ลรูบี้ พอเจอแสงเช้า ก็สวยดีนะ








ราคาที่พัก รวมอาหารเช้าแล้ว
สามารถไปกินได้ตั้งแต่ 7 โมง ถึง 10 โมง ที่ Little Ruby Cafe



อาหารเช้าจะเป็น
ข้าวต้ม
ไส้กรอก แฮม
ไข่ต้ม ไข่ลวก
สลัดโรล
ขนมปังปิ้ง
ซีเรียล
ผลไม้ พวกเมล่อน กล้วย ส้ม
น้ำส้ม น้ำเปล่า ชา กาแฟ
รสชาติดี 😘






ตรง Little Ruby Cafe จะมีร้านกาแฟ
สามารถซื้อชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำแข็งเปล่า รวมทั้งขนมได้ที่นี่ด้วย






กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ไปถ่ายรูปกันต่อ
จริงๆ ก็สงสัยว่า พื้นที่มันก็มีแค่นี้ มุมมันก็มีแค่นี้
แต่แต่ นี่ถ่ายเล่นกันตั้งแต่ 9 โมง ยัน 11 โมงอ่ะ 5555 😆

รอบนี้มาเป็นแก๊งค์ใหญ่
และนัดกันใส่เสื้อสีคุมโทนมา

วันอาทิตย์สีแดงค่ะ 💪
เป็นสีที่เหมาะกับการถ่ายที่นี่มาก



หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว
ก็เช็คเอาต์ จ่ายค่าอาหารเย็น เรียบร้อย ก็ออกเดินทาง



บ้านหอมเทียน


เคยมาตั้งแต่ตอนมันเข้าฟรี
ตอนนี้เก็บค่าเข้า 60 บาท 😔
ได้เทียนหอมฟรีมา 1 ชุด




ด้านในก็จะออกแนวๆ ตลาดเล็กๆ มีของที่ระลึก ขนม เครื่องดื่มจำหน่าย มีเวิร์คช็อปทำเทียนหอมด้วย
แล้วก็มีมุมถ่ายรูปตลอดทาง
แต่ต้องเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ นะ เมื่อยเหมือนกัน




ด้านบนเกือบสุด มีร้านกาแฟอยู่ มีจุดชมวิวเล็กๆ ด้วย





ด้านในสุด จะมีเกมส์ยิงปืนให้เล่น
เสีย 20 บาท ของรางวัลไม่มี ยิงเอามันส์เฉยๆ 😜




ห้องน้ำค่อนข้างสะอาด แต่กลิ่นแรงไปหน่อย
ก่อนกลับอย่าลืมเอาบัตรไปรับเทียนล่ะ





จากบ้านหอมเทียน ก็ขับตรงไปยังจุดหมายถัดไป



ครัวม่อนไข่


กินอาหารกลางวันกัน 🍴



คนเยอะมาก แต่อาหารที่นี่ อร่อยทุกอย่าง
ราคาถูกด้วย สั่งมาตั้งเยอะ ตกคนละไม่ถึง 200 บาท 😘😘😘




กินอิ่มแล้วก็เดินทางสู่จุดหมายสุดท้ายของทริป



อุทยานหินเขางู




และนี่คือจุดที่พวกเราหลงทางกัน 555
มีทางเข้าประมาณ 3 ทาง (หรืออาจจะมากกว่านี้)
แต่ละคนก็เข้ากันคนละทาง และมีคนที่ขับหลงไปเกือบ 20 โลด้วย กร๊าาาก 😂
ฉะนั้นตอนกำหนดจุดหมายลง GPS อย่าลืมตรวจสอบดีๆ นะว่าไปถูกที่รึเปล่า 😉

จากรูปรีวิวดูเหมือนจะใหญ่นะ
แต่จริงๆ ไม่ใหญ่เท่าไหร่
เป็นเหมือนสวนสาธารณะของคนที่นี่มากกว่า มีของขายเยอะแยะ
มีร้านอาหาร ห้องน้ำสาธารณะ ร้านค้าต่างๆ



เดินเข้าไป ก็เจอะสะพานที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของที่นี่เลย




บึงไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีเรือเป็ดให้เช่า



ปลาในบึงนี้ไม่ธรรมดา เพราะเต็มไปด้วยปลาคาร์ฟจำนวนมาก
ที่ตัวใหญ่จนนึกว่าเป็นปลาทองยักษ์ซะอีก
ปลาอื่นๆ ก็มีนะ แต่สนใจปลาคาร์ฟมากกว่า อ้วนเชียว 😲



พอข้ามสะพานไป
ก็จะเป็นทางดินลัดเลาะริมเขา




ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร
จะไปสุดที่ทางไปจุดชมวิว
ต้องเดินขี้นไปอีก






บนเขาจะมีครอบครัวลิงอยู่ โปรดระมัดระวังทรัพย์สิน และของกินที่ถืออยู่ 😒
ลิงจะอยู่บนเขาเป็นหลักนะ
ไม่ค่อยเห็นเดินเพ่นพ่านอยู่ตามทางเดิน




ใช้เวลาที่นี่ประมาณชั่วโมงเดียว
ก็เดินทางกลับกรุงเทพกัน

หมดแล้วทริปปีนี้
เจอกันใหม่ปีหน้า
😉

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>