ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan 】แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าไต้หวัน



เนื่องจากไต้หวันเป็นประเทศที่ต้องขอวีซ่าก่อน
ยกเว้น !
สำหรับคนที่มีวีซ่า สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น อังกฤษ เชงเก้น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ที่ยังไม่หมดอายุ สามารถเดินทางเข้าไต้หวันได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าไต้หวันและสามารถพำนักอยู่ในไต้หวันไม่เกิน 30 วัน

และแน่นอนว่า เราไม่มีวีซ่าดังกล่าวข้างต้น!!



เตรียมตัวกับวีซ่าครั้งแรก

การยื่นวีซ่าไต้หวัน ต้องเตรียมอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่า

เอกสารที่ใช้
1. Passport
2. รูปถ่ายสี ขนาด 2" x 2" พื้นหลังขาว จำนวน 2 รูป
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน
6. เอกสารสำหรับการจองที่พัก
7. แพลนท่องเที่ยว
8. หนังสือรับรองการทำงาน หรือใบจดทะเบียนการค้า หากเป็นเจ้าของกิจการ
9. หลักฐานการเงิน
10. แบบฟอร์ม วีซ่าไต้หวัน

ค่าวีซ่า
Single Visitor VISA 1,700 บาท
(ราคาอัพเดทขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษา 2559 ซึ่งราคาก่อนหน้านี้จะ 1,500 บาท)

สถานที่ยื่น
สำนักงานเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย
ชั้น 20 เอ็มไพร์ทาวเวอร์ 195 ถ.สาทรใต้ กทม. 10120
เวลาทำการ จันทร์ ถึง ศุกร์
ขอวีซ่า : 09.00 น. – 12.00 น.
รับวีซ่า : 13.30 น. – 15.00 น.
หยุดวันหยุดนักขตฤกษ์
ปล. ไต้หวันไม่มีสถานฑูตในไทยนะจ๊ะ
เดินทางโดย BTS / BRT ลงสถานีช่องนนทรี

เว็บไซต์สำคัญ
- สำนักงานเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย
- แบบฟอร์มขอวีซ่า สำหรับคนที่ต้องขอวีซ่าไต้หวัน (วิธีการกรอกดูได้ที่นี่ และ ที่นี่)
- แบบฟอร์ม สำหรับคนที่มีวีซ่าที่ไต้หวันยอมรับ (วิธีการกรอกดูได้ที่นี่)



เรามาแจกแจงรายละเอียด เรื่อง เอกสารในการขอวีซ่ากันก่อนดีกว่า
เพราะดูจะเป็นขั้นตอนที่วุ่นวายสุดๆ



เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่า

1. Passport + สำเนา Passport

ตัวจริง
ที่ยังไม่หมดอายุ
ต้องมีอายุเหลือขั้นต่ำ 6 เดือน (ไม่ได้หมายถึง Passport ที่ทำมาแล้ว 6 เดือนนะ)
เหลือหน้าว่างอย่างน้อย 3 หน้า (เพราะเค้าจะติดวีซ่าไว้ใน Passport เรา 1 หน้าเต็มๆ)

สำเนา
อย่าลืมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วยค่ะ

สำหรับคนที่ทำ Passport มาใหม่
สามารถนำ Passport เล่มเก่า พร้อมสำเนา ไปยื่นด้วยก็ได้
แต่เพื่อนเราเอาไปยื่น เค้าก็ดูๆ แล้วก็ส่งคืนมาทั้ง Passport และสำเนาของเก่าเลย


2. รูปถ่ายสี ขนาด 2" x 2" พื้นหลังขาว จำนวน 2 รูป
เป็นจุดที่มีปัญหาสุดๆ
เริ่มจาก

ขนาด
เพราะบางที่ก็บอกว่า ขนาด 2 นิ้ว บางที่ก็บอกว่า 2 นิ้ว x 2 นิ้ว
(ปล. รูปถ่าย 2" x 2" ไม่เท่ากับ 2 นิ้ว นะจ๊ะ ขนาดแรกจะได้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสมาเลย )
แต่เราอ่านจากเว็บของสำนักงาน ระบุว่า 2" x 2" เลยจัดขนาดนี้มา (แต่เห็นบางคนถ่าย 2 นิ้วก็ผ่านนะ)

จำนวน
2 รูป

พื้นหลัง
สีขาว

รูปแบบ
รูปถ่ายหน้าตรง เห็นหน้าชัดเจน

มีคนถามว่า ต้องเปิดหน้าผาก และเห็นหูไหม
เรื่องทางสำนักงานไม่ได้ระบุไว้นะคะ บอกแค่เห็นหน้าชัดเจน
แต่ถ้าใครกังวล ก็เปิดเถิก เปิดหูไว้เลยค่ะ เผื่อทำวีซ่าอเมริกาไปด้วยเลย
ส่วนเสื้อ เพื่อนเราใส่เสื้อคอกลมกันหมดเลยค่ะ ก็ผ่านนะคะ

คำแนะนำ
เวลาไปถ่ายที่ร้าน บอกร้านว่าทำวีซ่าไต้หวันค่ะ
(แต่อย่าลืมจำเงื่อนไขไว้ด้วยนะคะ เพราะบางร้านใช้เด็กใหม่ ถ่ายมาผิดขนาดก็มี)

สำหรับคนที่ถ่าย 2" x 2" นิ้วมา รบกวนอย่าถ่ายหน้าเต็มจอมากนะคะ
เพราะต้องเอาไปติดฟอร์มวีซ่า ซึ่งจะได้ตัดรูปแน่ๆ ค่ะ ขนาดกรอบแค่ 1.5" x 1.8" โดยประมาณ ซึ่งใกล้เคียงกับขนาดของรูป 2 นิ้วมากกว่า (ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ทางสำนักงานบอกขนาดมาผิดรึเปล่า)


3. สำเนาทะเบียนบ้าน 
จำนวน 1 ฉบับ เซ็นสำเนาถูกต้องด้วยนะคะ


4. สำเนาบัตรประชาชน
จำนวน 1 ฉบับ เซ็นสำเนาถูกต้องด้วยนะคะ
กรณีได้ทำการเปลี่ยนชื่อมา แนบสำเนาใบเปลี่ยนชื่อที่เซ็นสำเนาถูกต้องมาด้วย


5. เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน
6. เอกสารสำหรับการจองที่พัก
7. แพลนท่องเที่ยว

สำหรับเอกสาร 5 6 7
ถ้าไปด้วยกัน แล้วยื่นพร้อมกัน
เจ้าหน้าที่เค้าเอาแค่ชุดเดียวค่ะ
ตอนแรกเรากับเพื่อน แยกกันปรินท์คนละชุด
(ซึ่งบางคนก็ใช้ booking แยกกันด้วย เพราะจองไม่พร้อมกัน)
แต่เจ้าหน้าที่เค้าเอาเฉพาะของคนแรก แล้วคนที่เหลือมัดรวมกันไปเลย


8. หนังสือรับรองการทำงาน หรือใบจดทะเบียนการค้า หากเป็นเจ้าของกิจการ
เราขอพูดแค่ หนังสือรับรองการทำงาน นะคะ เพราะทุกคนเป็นพนักงานบริษัทกันหมด

หลักๆ เลยคือ ต้องเป็นภาษาอังกฤษค่ะ

หนังสือรับรองการทำงาน แนะนำให้ขอล่วงหน้า 1 เดือนนะคะ
เพราะบางที่ใช้เวลาทำนานมาก
และเป็นเอกสารสำคัญมากอย่างนึงเลยค่ะ

หน้าตาของหนังสือ แต่ละบริษัทมักจะมีฟอร์มเป็นของตัวเองอยู่แล้วค่ะ
หลักๆ เนื้อหาจะมี
- ข้อมูลคร่าวๆ ของบริษัท
- ชื่อพนักงาน
- ตำแหน่ง
- ระยะเวลาการทำงาน
- เงินเดือน
- วันลา
- ตราประทับ หรือลายเซ็นของฝ่ายที่เกียวข้อง (อาจจะเป็น HR, หัวหน้างาน, ฝ่ายบัญชี << คือพวกเราแต่ละคน ทำคนละบริษัท คนเซ็นก็ตำแหน่งไม่เหมือนกันเลย)

เค้าจะดูว่า
เรามีรายได้แน่นอนหรือเปล่า (เลยต้องใส่ระยะเวลาทำงาน กับเงินเดือน)
มีแนวโน้มจะชิ่งเข้าประเทศเค้าหรือเปล่า (เลยต้องใส่วันลา เพื่อบอกว่าบริษัทรับทราบนะ หลังเที่ยวแล้วเราจะกลับไปทำงานตามปกติ)

บางบริษัทอาจจะมีแบบฟอร์มอยู่แล้ว หรือเราเขียนเองแล้วให้ผู้เกี่ยวข้องเซ็นก็ได้ ตามแต่นโยบายของบริษัทเลยค่ะ

บางบริษทแยกระหว่างหนังสือรับรองการทำงาน กับหนังสือรับรองเงินเดือน
แนะนำให้ขอมาทั้งสองใบค่ะ
ของเราหนังสือรับรองการทำงานมีเงินเดือนเขียนไว้แล้ว เลยรอดตัวไป

ย้ำอีกครั้ง ภาษาอังกฤษ นะคะ


9. หลักฐานการเงินย้อนหลัง 6 เดือน
-กรณีบุคคลทั่วไป จะเป็นพวก Statement หรือ หนังสือรับรองยอดเงินในบัญชีจากธนาคาร
-กรณีเป็นนักศึกษา ต้องขอหลักฐานการศึกษา และหลักฐานการงานและการเงินของผู้ปกครอง
-กรณีเป็นเด็ก ที่เดินทางกับผู้ใหญ่จะต้องแนบทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชนของพ่อ แม่ด้วย

เราอยู่กรณีแรก เพราะงั้น พูดแค่กรณีแรกนะคะ

หลักฐานการเงิน

Statement ธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน
เฉพาะประเภทออมทรัพย์หรือฝากประจำ และไม่จำเป็นต้องเป็นบัญชีเงินเดือนนะคะ
ส่วนใหญ่จะบอกว่า ขอให้มียอดเงินในบัญชี 50,000 บาท
แต่จริงๆ ไม่ต้องถึงก็ได้นะคะ ขอให้มียอดเงินเพียงพอกับการใช้จ่าย ในการไปเที่ยวไต้หวัน

เราขอแยกเคสของเพื่อนๆ กับเรานะคะว่า แต่ละคนใช้อะไรกันบ้าง

- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน จากสมุดบัญชี
สำหรับคนที่อัพเดท สมุดบัญชีเป็นประจำ ก็ง่ายๆ ค่ะ
ถ่ายเอกสารจากสมุดบัญชีนั่นแหละ นับย้อนหลังไป 6 เดือน
อย่าลืมถ่ายหน้าแรกของสมุดมาด้วยนะคะ
ส่วนเล่มจริง เอาไปด้วยก็ดีค่ะ เพราะบางทีเจ้าหน้าที่เค้าก็ขอดู
แต่เพื่อนเราไม่มีใครเอาไปเลยคะ มั่นใจมาก 555

- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน จากธนาคาร
สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้อัพเดท สมุดบัญชี
ไปขอจากธนาคารค่ะ แต่มีค่าใช้จ่ายนะคะ 100-200 บาท แล้วแต่ธนาคาร
ใช้เวลาประมาณ 3-7 วันทำการค่ะ

- Statement จากบัญชี ME
สำหรับคนที่มีเงินในบัญชี ME ของ TMB ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ไม่มีสมุด
สามารถขอ Statement ได้จาก ME Place ค่ะ (คาดว่าฟรีนะคะ แต่เราไม่ได้ขอ)
หรือ
ปรินท์จากเว็บเลยค่ะ
เข้าไปที่ เมนู ข้อมูลทางบัญชี
มองหา เมนู รายการเดินบัญชี ด้านล่าง (ไม่ใช่ข้อมูลการโอนนะคะ)

ข้อแตกต่างระหว่าง เมนู ข้อมูลการโอน กับ รายการเดินบัญชี

ข้อมูลการโอน 
จะมีให้เลือกดูย้อนหลัง 6 เดือนค่ะ ปรินท์ออกมาจะได้รายการย้อนหลังอยู่ในแผ่นเดียวกันเลย แต่จะไม่มีข้อมูลเจ้าของบัญชีระบุอยู่ และด้านล่างจะไม่เขียนว่าเป็น statement ค่ะ

รายการเดินบัญชี
มีให้เลือกแค่ทีละเดือน ต้องปรินท์ออกมา 6 แผ่นเลย
แต่ แต่ละแผ่นจะมีชื่อเจ้าของบัญชีกำกับอยู่ และด้านล่างจะเขียนว่าเป็น statement ค่ะ

ซึ่งเราได้ถามพนักงาน ME แล้ว
เค้าให้ปรินท์จาก รายการเดินบัญชี ค่ะ
มีแต่ภาษาไทยนะคะ ไม่มีภาษาอังกฤษ ถึงไปขอที่ ME Place ก็เป็นภาษาไทยค่ะ

ซึ่งเราก็ปรินท์รายการเดินบัญชีภาษาไทยนั่นแหละค่ะไปยื่น

นอกเหนือจากรายการบัญชีแล้ว เราไปขอใบรับรองยอดเงินจาก ME Place ด้วยค่ะ

วิธีการ ก็แค่เดินไปที่ ME Place ค่ะ
ต้องเตรียมบัตรประชาชนกับ Passport (หรือสำเนา) ไปด้วยค่ะ
เจ้าหน้าที่จะมีใบให้เรากรอก
หลักๆ ก็คือ
   - ให้กรอกชื่อบัญชี ME เลขที่บัญชี
(มีวันเปิดบัญชี แต่ไม่ต้องเขียนถ้าจำไม่ได้ อย่าลืมจด เลขบัญชี ไปด้วยนะคะ)
   - ติ๊กที่ ขอเพื่อยื่นวีซ่า สถานฑูต แล้วก็ให้เราเขียนว่า ไต้หวัน
   - แล้วก็เซ็นชื่อ
   - เขียนสาขา me ที่ต้องการไปรับ กับเบอร์โทรติดต่อของเราเอง
ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีค่ะ
แต่ต้องมารับคราวหลัง
ของเราทำเย็นวันอังคาร ได้เอกสารเย็นวันพุธ
ของเพื่อนทำบ่ายวันพุธ ได้เย็นวันพุธเลย

หน้าตาหนังสือรับรอง ก็จะเขียนชื่อเรา เลขบัญชี แล้วก็ยอดเงินปัจจุบัน ประมาณนี้แหละค่ะ
ไว้ยืนยันว่า บัญชีนี้ เป็นของเราจริงๆ นะ ถึงเราจะปรินท์มาจากเน็ต ก็ไม่ได้โม้ยอดเงินนะ

- เอกสารกองทุน เอกสารการเสียภาษี สลิปเงินเดือน
อันนี้เป็นเอกสารอื่นๆ ที่เพื่อนเรายื่น
เพราะคนนึง เงินในบัญชีน้อย แถมเพิ่งเปลี่ยนงานมา อีกคนนึง ใบรับรองการทำงาน ไม่ได้ระบุเงินเดือน

ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นหลักฐานการเงินที่เรากับเพื่อนนำไปยื่นค่ะ
ไม่จำเป็นต้องมีทั้งหมดนะคะ
เราใช้ statement ปรินท์จาก ME กับ ใบรับรองยอดเงิน แค่นั้นเอง


10. แบบฟอร์ม วีซ่าไต้หวัน
ไปดูได้ในหัวข้อ กรอกแบบฟร์อมวีซ่ากันเถอะ 


ปล. เวลาเซ็นสำเนาถูกต้อง แนะนำให้เซ็นเหมือนกับที่ใน Passport นะคะ
(ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ตามที่เราเขียนใน Passport เลยค่ะ ของเราเป็นภาษาไทย)



กรอกแบบฟอร์มวีซ่ากันเถอะ

อันนี้ในเว็บมีแนะนำเยอะอยู่แล้วเนอะ
กรอกแบบฟอร์มจากเว็บนี้
แบบฟอร์มขอวีซ่า สำหรับคนที่ต้องขอวีซ่าไต้หวัน
ส่วนวิธีการกรอกดูได้ที่
- ระเบียบในการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวไต้หวัน
- ขอวีซ่าไต้หวันแบบฮาร์ดคอร์ไม่ผ่านเอเจ้นซี่กันเถอะ!
เราว่าแนะนำได้ดีมากๆ เลย

เราขอเสริมแค่บางส่วน

อันดับแรก
อย่าสับสนระหว่างฟอร์มขอวีซ่า กับฟอร์มของคนที่มีวีซ่าที่ได้รับการยกเว้นอยู่นะคะ ฟอร์มคนละแบบ

ต่อไปข้อมูลที่กรอก

หน้าแรก 


  • 申請館處(Select Where You Will Be Applying For Your Visa.)  

หมายถึงเราจะยื่นขอวีซ่าที่ไหน

เลือกกล่องแรกเป็น Asia
เลือกกล่องที่สองเป็น “Taipei Economic and Cultural Office in Thailand”

แต่ แต่ ใน Drop-down เมนู จะมีให้เลือก Taipei Economic and Cultural Office in Thailand 2 อัน
คือ
Taipei Economic and Cultural Office in Thailand/駐泰國台北經濟文化辦事處
(สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย)
กับ
Taipei Economic and Cultural Office in Thailand(M)/駐泰國代表處(M)
(สำนักงานตัวแทนในประเทศไทย)

ให้เลือกอันบนค่ะ อันที่ไม่มี M น่ะค่ะ ชื่อภาษาจีนจะตรงกับชื่อสำนักงานค่ะ


  • 舊有或其他國籍(如有)Former or Other Nationality 

หมายถึงเคยมีสัญชาติอื่นหรือเปล่า

ถ้ามีก็ระบุด้วย ถ้าไม่มีก็เลือก None
เพื่อนเราเผลอเขียน THAILAND ไป ก็ผ่านนะ แต่จริงๆ ไม่ต้องกรอกกกกกก

พวก Former or Other คือ ชื่อเดิม นามสกุลเดิม สัญชาติเดิมทั้งหลายค่ะ


  • 父親姓名(Father’s Full Name) 
  • 母親姓名(Mother’s Full Name) 

หมายถึง ชื่อพ่อ ชื่อแม่

ใส่ตามข้อมูลในบัตรประชาชนของท่านเลยค่ะ
แม่เราเปลี่ยนชื่อมา ชื่อในทะเบียนบ้านของเรา (ที่เราแนบไปขอวีซ่า) จะไม่ตรงกับที่เขียนในนี้
ก็ผ่านมาได้ ไม่ต้องใช้เอกสารของพ่อแม่ (ก็เราไม่ใช่ผู้เยาว์)


  • 父親出生日期(Father’s Date of Birth)
  • 母親出生日期(Mother’s Date of Birth) 

หมายถึง วันเกิดพ่อ วันเกิดแม่

ถ้าในบัตรประชาชนไม่ระบุ ก็ไม่ต้องระบุ


  • 職業(Occupation)

หมายถึง อาชีพ
เราใส่ Other อ่ะ ไม่ใช่ Labor เพราะไม่แน่ใจในความหมายของแรงงาน (ถึงวันแรงงานเราจะหยุดก็เถอะ)



หน้าที่สอง

  • 在台關係人(親友、應聘機關、就讀學校、實習機構等)  DETAILS OF YOUR CONTACT IN TAIWAN (FAMILY, FRIEND, COMPANY OR SCHOOL) 

หมายถึง ข้อมูลการติดต่อคุณในไตหวัน
อันนี้เราใส่ - หมดเลย



หน้าที่สาม
ไม่มีปัญหา เราติ๊ก No หมดเลย


หน้าที่สี่

  • 申請日期(Date Of Application) 

หมายถึง วันที่กรอกแบบฟอร์ม
เราใส่วันที่กรอกแบบฟอร์มนั่นแหละค่ะ ไม่ได้ใส่วันที่ยื่นตามที่หลายคนแนะนำ


  • 是否由其他人代填本申請表?(Was this application filled in by another person on your behalf?) 
  • 是否由代理人代送本申請表?(Was the application submitted by an agent?) 

เราตอบ No ทั้งคู่ค่ะ คือ กรอกเอง และยื่นเอง (ถึงแม้จะฝากเพื่อนไปก็ตาม)


เสร็จแล้วก็สั่งปรินท์เลยค่ะ
กรอกไปตั้ง 4 หน้า ปรินท์ออกมาเหลือแค่ 2 หน้าเอง
หน้าสุดท้ายอย่าลืมเซ็นชื่อให้เหมือนกับใน Passport นะคะ
ส่วนเอเจนต์ ไม่ต้องสนใจค่ะ

ปล. ถ้ากรอกผิด ไม่ต้องตกใจ กรอกใหม่ (ย้ำว่ากรอกใหม่ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก) ได้ไม่จำกัด



เช็คเอกสารและการเรียงเอกสาร

เพื่อความรวดเร็ว ควรช่วยเจ้าหน้าที่เรียงลำดับดังนี้

1. แบบฟอร์ม
ติดรูปถ่ายบนฟอร์ม 1 รูป ตัดรูปให้ขนาดพอดีกรอบค่ะ
อีกรูป กลับหัว แล้วเอาคลิปหนีบไว้ (กันรูปเป็นรอย)
2. จดหมายเชิญจากไต้หวัน (ถ้ามี)
3. หลักฐานการทำงาน
4. หลักฐานทางการเงิน
5. ตั๋วเครื่องบิน/หลักฐานการจองโรงแรม/แพลนท่องเที่ยว
6. สำเนาบัตรประชาชน
7. สำเนาทะเบียนบ้าน
8. สำเนา Passport
9. Passport ตัวจริง



ไปขอวีซ่ากันเถอะ

อันนี้เราไม่ได้ไปเอง แต่ฝากเพื่อนไปยื่น
ขอเล่าตามที่เค้าเล่ามาอีกที

สำนักงานเปิดให้ยื่นวีซ่าเวลา 9 โมง
แต่ต้องไปแต่เช้าเลยค่ะ
เพื่อนไปก่อน 7 โมง ได้คิวที่ 3
รอไปสักพักนึง คิวยาวเหยียดเลยค่ะ

9 โมง เจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว
แล้วก็เริ่มเรียกคิวค่ะ
ณ เวลานั้น คิวรันไปประมาณเกือบ 100 แล้ว

ตอนยื่นก็เรียงเอกสารตามที่บอกไว้ค่ะ
เจ้าหน้าที่เค้าก็จะเช็คเอกสาร
อันไหนเป็นตัวจริงก็เช็คแล้วคืนให้ทันทีเลยค่ะ ยกเว้น Passport ตัวจริงเล่มปัจจุบัน

จ่ายเงินเสร็จ ก็จะได้ใบเหลืองๆ มา
นัดให้มารับอีก 2 วันถัดไป (ปกติจะได้วีซ่า 2 วันทำการค่ะ)
ณ ตอนนั้น คิวรันไป 100 กว่าๆ แล้วค่ะ



รับวีซ่ากันเถอะ

ครบกำหนด 2 วัน
ในที่สุดก็ได้เวลาไปลุ้นวีซ่ากันซะที

ฝากแฟนเพื่อนไปรับเอกสารให้

สำนักงานเปิด 13.30 ค่ะ
แต่ ไม่ต้องไปล่วงหน้าเหมือนตอนยื่นนะคะ อันนี้เราอ่านคำแนะนำจากเฟสมา
เลยแนะนำให้แฟนคุณเพื่อน ไปรอประมาณบ่ายสองกว่าๆ

ไปถึงปุ๊บ ได้คิวที่ 70 กว่าๆ กรี๊ดมาก

แต่แต่ คิวที่อยู่ตรงนั้น ยังเหลือคิวของคนที่ยื่นขอวีซ่าอยู่ลย
คิวยื่นวีซ่าเป็นตัว C
คิวรับวีซ่าเป็นตัว D
และ ณ ตอนนั้น เคาน์เตอร์ทุกโต๊ะ เรียกแต่ตัว C หมดเลย
คนแรกของตัว D ยังไม่โดนเรียกเลยค่ะ

เวลาเกือบๆ บ่ายสามโมง
ถึงเริ่มเรียกคิว D คนแรกค่ะ
ซึ่งไม่รู้ว่าความซวยมาเยือนหรืออย่างไร
วีซ่าของคิวแรกยังทำไม่เสร็จ ต้องไปต่อคิวใหม่

จากคำอธิบายของคนในเฟสบุ๊ค เค้าบอกว่า
เจ้าหน้าทีกำลังนั่งปั้มวีซ่ากันอยู่ข้างในค่ะ
ที่ไม่ต้องรีบไปรับ เพราะปกติ กว่าเจ้าหน้าที่จะทำเสร็จก็เกือบๆ 4 โมง
รีบไป ก็อาจจะเหมือนคิวแรก เสร็จไม่ทัน

คิวเราได้เรียกตอนเกือบ 4 โมง ซึ่งโชคดี วีซ่าเสร็จแล้ว
และ ผ่าน หมด ทุก คน เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

จบแล้ว ประสบการณ์ขอวีซ่าครั้งแรก
ถามว่ายากมั้ย
จากที่หลายๆ คนเล่า ขอไม่ยากค่ะ คือ เค้าไม่ตรวจเอกสารจุกจิกเยอะแยะ

แต่ยุ่งยากค่ะ เพราะเอกสารหลายอย่าง เราไม่ได้สแตนบายไว้ ต้องทำเรื่องขอ นู่น นี่ นั่น
แล้วบางอย่าง หาข้อตกลงไม่ได้สักที (อย่างรูปถ่าย)

เพื่อนบางคน เข็ดการขอวีซ่าไปเลย 555

ส่วนรูปที่แปะไว้บนวีซ่านั้น ... กากมากค่ะ
ของเพื่อนที่เคยขอไปปีที่แล้ว ดูคมชัดสวยงาม
ของเรานี่เหมือนหมึกใกล้จะหมด 555


╔══════════════════════ ღೋღೋ ══════════════════════╗

Link ที่เกี่ยวข้อง


★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan 】แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าไต้หวัน
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】ซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงกันเถอะ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 1 ก้าวแรกบนเกาะมันเทศ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 2 ปั่นจักรยาน ต่อด้วยปีนเขา
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 3 เย่หลิว จิ่วเฟิ่น
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 4 สุขสันต์วันแม่ ลัดเลาะ Taipei ยาวถึง Tamsui
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 5 ไท่ลู่เก๋อ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 6 เก็บตก ก่อนลาจาก เกาะมันเทศ

╚══════════════════════ ღೋღೋ  ══════════════════════╝

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>