ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]





23/10/2019
วันนี้ เรามีแพลนจะไปภูเขาหิมะสือข่า และวัดซงจ้านหลิน
โดยเมื่อวานได้ติดต่อรถรับส่งกับทางโรงแรมเอาไว้แล้ว

ตอนเช้าๆ ประมาณ 8 โมง มานั่งกินข้าวเช้ากันก่อน
เป็น Breakfast ง่ายๆ ราคา 42 หยวน
มี ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว แฮม ไส้กรอก น้ำเต้าหู้



น้ำเต้าหู้อร่อยมากกกก

พอ 9 โมง ก็มารอคนขับตามที่นัดไว้
แต่ด้านหน้าโรงแรม เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย มารอขึ้นรถไปยังจุดหมายต่างๆ



เรานี่ไม่รู้จะไปยืนตรงไหนเลย

สักพักคนขับรถกับผู้หญิงที่เหมืนอจะเป็นเจ้าของโรงแรมก็เดินมาหา
แล้วพาไปเลือกเสื้อโค้ท ที่ห้องตรงชั้น 1

ไม่ได้ถ่ายรูปในห้องเลือกเสื้อโค้ทมา ได้ถ่ายรูปเสื้ออีกที ตอนกำลังจะขึ้นกระเช้าแล้ว


หลังจากนั้นก็พาไปที่รถ
วันนี้เรามีผู้ร่วมเดินทางเป็นสองสาวชาวจีน
ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย



แลก Wechat กันไว้ เพราะจะให้สองสาวเป็นคนคุยกับคนขับรถให้

รถออกเวลา 09.30
ระหว่างทางจะขับผ่าน ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของชาวบ้าน
บรรยากาศดีมาก ถ้ามาเช้ากว่านี้อาจจะได้เจอหมอก






ใช้เวลา 20 นาทีก็มาถึงหน้าทางเข้าภูเขาหิมะสือข่า





ภูเขาหิมะสือข่า (Shika Snow Mountain) 石卡雪山


หรือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue Moon Valley)
เป็นอุทยานแห่งชาติระดับ AAAA และถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต
บนยอดมีความสูงถึง 4,500 เมตร โดยยอดเขาสูงสุดของหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินคือ "สือข่า"
การจะขึ้นไปด้านบน ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไป

เวลาทำการ: 08.00 - 16.00
ค่าเข้า: ราคาหน้าบัตร 30 หยวน
ค่ากระเช้า: ราคาหน้าบัตร 220 หยวน
(แต่ซื้อจากโรงแรมได้ในราคารวม 150 หยวน)




จากนั้นคนขับรถก็อธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับการเดินทางในภูเขาหิมะแห่งนี้
โดยสถานีกระเช้าจะมีทั้งหมด 3 สถานี




กระเช้าจะมีทั้งหมด 3 สถานี
สถานีแรก คือ กระเช้าล่างสุด Lowest Station
บริเวณนี้ จะมี จุดจำหน่ายตั๋วและลานจอดรถ

สถานีที่ 2 คือ กระเช้ากลาง Middle Station
บริเวณนี้ จะมี ทุ่งหญ้าเลี้ยงจามรีและที่พัก

สถานีสุดท้าย คือ กระเช้าบนสุด Top Station
บริเวณนี้ คือ จุดท่องเที่ยวหลักของที่นี่ เป็นทางเดินไม้สำหรับชมวิว

โดยกระเช้าจะแบ่งเปน 2 ช่วง
สถานีกระเช้าล่างสุด → สถานีกระเช้ากลาง
สถานีกระเช้ากลาง → สถานีกระเช้าบนสุด

การเดินทาง
จะเริ่มจากกระเช้าล่างสุดก่อน แล้วก็ไปจอดที่กระเช้ากลาง
จากนั้นต้องเปลี่ยนกระเช้า (บางคนอาจจะแวะเที่ยวก่อน) แล้วขึ้นไปยังกระเช้าบน
(ไม่สามารถนั่งกระเช้าจากล่างสุดขึ้นมาบนสุดรวดเดียวได้)

คนขับแนะนำให้เราขึ้นไปเที่ยวที่สถานีกระเช้าบนสุดก่อน
แล้วถ้ามีเวลาเหลือค่อยมาเที่ยวที่สถานีกระเช้ากลาง

จากนั้นก็พาเราเดินไปยังจุดจำหน่ายตั๋วด้านใน
จากนั้นก็โชว์ตั๋วของพวกเราให้เจ้าหน้าที่ดู







จากนั้นต้องเดินขึ้นบันไดไปด้านบนอาคาร
แล้วไปขึ้นกระเช้าอีกที










ได้ขึ้นกระเช้าตอน 10.00
โดยกระเช้า มันจะมาเป็นเซต
กระเช้าในเส้นทางนี้ ใน 1 เซต จะมีทั้งหมด 4 กระเช้า
แนะนำให้นั่งกระเช้าแรกสุด หรือท้ายสุด




มาถึงสถานีกลาง ในเวลา 10.20
หลังจากลงจากกระเช้า
ก็เดินต่อไปอีกนิด เพื่อขึ้นกระเช้าไปยังสถานีด้านบนสุด




ได้ขึ้นกระเช้าประมาณ 10.25
กระเช้าในเส้นทางนี้ น 1 เซต จะมีทั้งหมด 3 กระเช้า
แนะนำเหมือนเดิม






พนักงานดูแลกระเช้า ได้นั่งที่ VIP




กระเช้ามาถึงสถานีบนสุด ในเวลา 11.00
หลังจากลงจากกระเช้า
ก็จะเดินผ่านอาคาร ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก จุดชมวิว ห้องน้ำ
พอผ่านสถานที่เหล่านี้ไป ก็จะเจอบันได พาไปยังด้านนอก







เป็นภูเขาหิมะที่ยังไม่มีหิมะ (แต่หลังจากเราออกจากแชงกรีล่าได้สัก 3-4 วัน หิมะก็ตก งือออออ)
เราเริ่มเดินจากฝั่งที่ห่างจากธงมนต์ก่อน
คือเดินไปเส้นทางซ้าย ทางเดินเป็นไม้ มีบันได ขึ้นๆ ลงๆ เดินสบายๆ



จากบริเวณนี้ จะสามารถมองเห็นวิวเมืองด้านล่างได้




จากนั้นก็เดินตรงต่อไปเรื่อยๆ จนถึงอาคารร้าง




แล้วก็เดินต่อไป ตามทางเดินไม้








เดินต่อไปจนเกือบจะถึงธงมนต์
ตรงนี้วิวดีมาก เหมือนยืนอยู่เหนือเมฆ








ตรงจุดธงมนต์ เป็นจุดที่คนเยอะที่สุด
แต่นับแล้วก็ไม่น่าเกิน 20 คน


















อย่าลืมถ่ายรูปกับป้ายความสูง
ตอนนี้เราอยู่ที่ความสูง 4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล




และสุขภาพตอนนี้ แข็งแรงดี ไม่รู้ว่าจะขอบคุณ Diamox หรือ ย่าติง ที่ฝึกเรามาดี

จากนั้นก็จะเป็นทางลง
ลงไปจะเจอทางสามแยก
เป็นแยกไปที่ธงมนต์อีกจุด กับ แยกไปยังสถานีกระเช้า




เราเลือกไปที่ธงมนต์ก่อน
ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่








ถ่ายรูปแป๊บเดียว
ก็กลับไปที่สถานีกระเช้า






ส่งข้อความไปบอกสองสาวก่อนว่าเราจะลงไปที่สถานีกลาง
เราได้ขึ้นกระเช้าตอน 12.12
ลงมาถึงสถานีกลางตอน 12.40





จากนั้นก็เดินเล่น ที่ทุ่งหญ้า
แต่เนื่องจากมันไม่ค่อยมีอะไรอ่ะ จามรีก็อยู่ไกล
เดินแป๊บเดียว ก็กลับมาที่สถานี








ขึ้นกระเช้าอีกทีตอน 12.45 แล้วก็ลงมากระเช้าด้านล่างตอน 13.15
แวะทำธุระส่วนตัว แล้วก็รอสองสาว แล้วบอกให้เค้าแจ้งให้คนขับมารับด้วย








รอประมาณ ครึ่งชม.
คนขับรถก็มาถึง
จากนั้นก็นั่งรถกลับโรงแรม





หาอะไรกินรองท้องไปก่อน
เพราะตอนนี้บ่าย 2 แล้ว

จากโรงแรม เราไม่ได้จ้างคนขับให้ไปส่งที่ซงจ้านหลิน
เพราะทางโรงแรมบอกให้นั่งรถบัสสาย 3 หรือ 16 ไปดีกว่า สะดวกและถูกกว่าด้วย



โดยเดินออกจากโรงแรม
เลี้ยวซ้าย เดินต่อไปสัก 100 เมตร
จะเจอป้ายรถบัส





ที่ป้ายจะบอกว่า มีรถสายไหนผ่านบ้าง
แล้วจากป้ายนี้ ไปไปป้ายไหนต่อบ้าง





ซึ่งป้ายนี้ไม่มีอยู่ใน Baidu map
ด้านในเขตเมืองเก่า มีป้ายรถบัสแบบนี้อยู่หลายจุดเหมือนกัน

รอรถประมาณ 10 นาที
รถก็มาถึง
ค่ารถ 2 หยวน ไม่ทอนเงิน

รถบัสที่นี่เป็นเหมือนรถปอ. บ้านเรา
สภาพดี
ดูใหม่










รถใช้เวลาแค่ 20 นาที ก็มาถึงจุดจำหน่ายตั๋ว ในเวลา 15.10



วัดซงจ้านหลิน (Songzanlin Monastery) 颂赞林寺


เป็นวัดใหญ่ที่สำคัญของเมืองแชงกรีล่า อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร
วัดนี้สร้างในสมัยทะไลลามะองค์ที่ 5 ในช่วงศตวรรษที่ 18 สมัยจักรพรรดิ์คังซี แห่งราชวงศ์ชิง
สร้างจำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) ของทิเบต

เวลาทำการ: 07.00 - 19.00
ค่าเข้าชม: 55 หยวน
ค่ารถ Shuttle Bus: ไปกลับ 20 หยวน เที่ยวเดียว 10 หยวน




รถจะจอดตรงศาลาหน้าอาคารจำหน่ายตั๋ว
เดินผ่านประตูเข้าไปด้านในจะเจออาคาร 2 หลัง
ให้ไปที่อาคารฝั่งขวา








จากนั้นก็เลี้ยวขวาไปที่เคาน์เตอร์



ตอนเราไปถึง ดูเหมือนจะมีทัวร์มาลงพอดี
เป็นทัวร์ผู้สูงอายุ ทุกคนถือบัตรประจำตัว แล้วกำลังยื้อแย่งกันซื้อตั๋ว

เคาน์เตอร์มี 2 จุด
จุดขายตั๋วสำหรับทัวร์ และสำหรับบุคคลธรรมดา
แต่ไม่เข้าใจว่า เหล่าตายาย ทำไมถึงมาซื้อตั๋วฝั่งคนธรรมดา



ป้ายบอกราคา
ซึ่งอ่านแล้ว ไม่เข้าใจจจจจจจจจจจจจจจจ
ฝรั่งอ่านก็งง มาถามเราก็งง เช่นกัน 555




แต่พี่เปิ้ลที่ล่วงหน้ามาเที่ยวก่อนแล้ว
บอกไว้ว่า ค่าเข้ารวมบัสไปกลับ 75 หยวน (ถ้ารวมไกด์จะ 90 หยวน ให้เราบอกว่าไม่เอาไกด์)

จากนั้นก็ไปต่อคิว ซึ่งมีคุณตาข้างหลังพยายามยื่นบัตรประจำตัวมาแย่งซื้อตั๋วตลอดเวลา

พอถึงคิวเรา ก็รีบยื่นเงิน 150 หยวน (สำหรับ 2 คน) ให้เจ้าหน้าที่เลย โดยไม่ได้พูดอะไร นอกจากบอกว่า 2 คน (เหลียงเก้อเหริน)

เค้าก็ออกตั๋วให้ทันที
ได้ตั๋วมาแบบงงๆ สรุปว่า ยื่นเงินให้พอดีก็พอสินะ




จากนั้นก็เดินไปที่จุดสแกนตั๋ว
มันจะมีแถวสำหรับทัวร์ และแถวบุคคลธรรมดา



ให้ไปที่ช่องขวาสุด (จริงๆ เราโดนเจ้าหน้าที่เรียกไปช่องนี้)
เค้าก็เอาตั๋วเราไปสแกนแล้วให้ผ่านเข้าไปได้

พอเข้าไปแล้ว
ก็จะเจอรถบัสจอดอยู่



เดินขึ้นไปได้เลย ได้ขึ้นรถตอน 15.30
รถใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงวัด
ระหว่างทางมีแวะรับผู้โดยสารด้วย




พอมาถึงลานจอดรถ
ก็จะเห็นวัดอยู่ทางขวามือ







นำตั๋วไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าวัด
เค้าจะประทับตราให้ แล้วให้เดินไปด้านใน






ด้านในจะมี ไม่แน่ใจว่าเป็นบ้านคนหรือว่าเป็นอารามทั้งหมด
จากจุดนี้ เราต้องเดินไปอีกนิด
จะเจอบันไดทางขึ้น มีประมาณ 146 ขั้น






ตอนเดินขึ้น ก็หอบแดกเหมือนเดิม
แต่รู้สึกได้ว่า เหนื่อยน้อยลง
เดินได้เกินครั้งละ 20 ขั้นแน่ๆ




พอไปถึงด้านบนสุดของบันได
จะมีทางแยก 2 ทาง ไปทางไหนก็ได้ เพราะมันจะเป็นวงกลม
เราไปทางซ้ายก่อน





ต้องเดินขึ้นบันไดไปวิหารด้านบนอีกที
โดยด้านบน จะประกอบด้วยวิหารน้อยใหญ่มากมาย มีร้านขายของที่ระลึกด้วย







เราก็แวะแทบเฉพาะวิหารที่อยู่ด้านบน
แต่ด้านในส่วนใหญ่ห้ามถ่ายรูปนะ



บางวิหารจะมีทางขึ้นไปยังด้านบน
สามารถมองเห็นวิวด้านนอกรอบๆ วัดได้ เช่น วิหารใหญ่ตรงกลาง
สามารถขึ้นไปได้ประมาณ 4 ชั้น



เป็นวิหารเดียวที่เราเดินขึ้นถึงด้านบนสุด
ส่วนวิหารที่เหลือไม่ได้ขึ้น เพราะว่ากลัวเวลาไม่พอ














ซึ่งวิหารนี้ ถ้าเข้าจากประตูด้านหน้า เราจะเจอทางขึ้นลงอย่างเดียว
ถ้าอยากดูบริเวณที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ ต้องเดินไปทางขวา (เมื่อหันหน้าหาวิหาร)
จะมีทางเข้าเล็กๆ อยู่ (ด้านในห้ามถ่ายรูป)




ทางขวามือสุด ของบริเวณนี้จะมีระฆัง
มีคนไปยืนต่อคิวตรงนี้ เพื่อหมุนระฆังและอธิษฐานขอพร







จากนั้นประมาณ 4 โมงครึ่ง
ก็ลงมาด้านล่าง




เดินวนรอบทะเลสาบ Lamuyangcuo
(จริงๆ ป้ายเค้าแนะนำให้เดินตามเข็มนาฬิกานะ แต่เราเดินย้อนเพราะไม่เห็นป้าย)
มีจุดถ่ายรูปวัดตลอดเส้นทาง

ระยะทางรอบทะเลสาบประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดิน 45 นาที














มีจุดชมวิวบนเนินด้วย
ทางขึ้นลงค่อนข้างชัน





ระหว่างนั้น มีแก๊งค์จามรีเดินผ่านมาพอดี
โชคดีที่เราอยู่บนเนินแล้ว






พอเห็นว่าเหล่าจามรีหายไปจากเส้นทางแล้ว ก็ลงมาจากเนิน



เดินต่อไปเรื่อยๆ จนเจอทางเดินไม้ ที่ลัดทะเลสาบคล้ายๆ อุทยานสามร้อยยอด
ซึ่งจริงๆ เค้าไม่ให้เข้าแล้ว เพราะมันบอบบาง
แต่นักท่องเที่ยวหลายคน รวมถึงเราก็ยังเดินเข้าไปอยู่











เดินลัดทะเลสาบไปอีกฝั่ง
ก็จะเป็นทางเดินแบบนี้








เดินครบรอบก็ประมาณ 6 โมงกว่าๆ พอดี



จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถบัส (ยังไม่ใช่เที่ยวสุดท้าย) ที่บริเวณใกล้ๆ จุดลงรถ
รถใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็มาถึงจุดจำหน่ายตั๋ว

แล้วก็มารอที่ศาลา
บังเอิญเจอคนไทยมารอก่อนแล้ว 2 คน
ซึ่งเค้าบอกว่า เค้ามารอตั้งแต่ 6 โมงแล้ว ยังไม่มีรถมาเลย

เราก็เลยตกลงกันว่า นั่ง Taxi กลับก็แล้วกัน
แต่รอสักพักไม่มีรถเข้ามา

เลยพากันเดินออกไปที่ถนนใหญ่
พอเดินข้ามถนนมาปุ๊บ
ก็เจอรถ Taxi เลย



Taxi เรียกค่าโดยสารที่ 20 หยวน
ซึ่งเราเห็นว่าหาร 4 คน ก็แค่คนละ 5 หยวนเลยตกลง

ให้ Taxi ไปส่งตรงสี่แยก ใกล้ Home Away From Home

หลังจากนั้นก็ไปหาอะไรกินข้างๆ โรงแรม
ร้านนี้คนค่อนข้างเยอะ ต้องรอสักพักว่าโต๊ะจะว่าง



อาหารเป็นเหมือนพวกตามสั่ง มีเมนูพร้อมรูปที่ข้างผนัง
เราก็ชีไปมั่วๆ

ได้บะหมี่เนื้อหลานโจวมา
เป็นบะหมี่พื้นเมืองของทิเบต เส้นทำเองสดๆ
อร่อยดี แต่เราไม่กินเนื้ออ่ะ และเค้าก็ให้เนื้อมาแค่ 2-3 ชิ้นเอง 555



ก่อนกลับโรงแรมก็แวะมินิมาร์ทก่อน
ในที่สุด เราก็เจอชาที่ตามหาซะที
ราคาประมาณ 23 หยวน




ค่าใช้จ่ายประจำวันต่อคน

ค่าอาหาร
- ค่าข้าวเช้า 42 หยวน
- ค่าข้าวเย็น 13 หยวน

ค่ากิจกรรม
- ค่าเข้าวัดซงจ้านหลิน 55 + 20 หยวน

ค่าจิปาถะ
- ของฝากในวัด 100 หยวน
- มินิมาร์ท 3 หยวน

ค่าเดินทาง
- ค่า Taxi ขากลับจากวัด 5 หยวน

รวม 238 หยวน






ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง



รีวิวที่เที่ยว

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 0-1 มุ่งสู่แชงกรีล่า [Shangri-La 迪庆香]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 2 มุ่งสู่รื่อหว่า [Riwa 日瓦乡]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 3 "Yading" Shangri-La แห่งสุดท้าย (รูทยาว ทะเลสาบน้ำนมกับทะเลสาบห้าสี)

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 4 "Yading" Shangri-La แห่งสุดท้าย (รูทสั้น ทะเลสาบไข่มุก)

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 5 กลับสู่แชงกรีล่า [Shangri-La 迪庆香]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 7 มุ่งสู่ลี่เจียง [Lijiang 丽江] เดินไปกินไปในเมืองโบราณ

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 9 มุ่งคุนหมิง [Kunming 昆明]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 10 กลับเมืองไทย





รีวิวโรงแรม

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Home Away From Home 香格里拉古城远方的家客栈 @Shangri-La

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม No.9 Space Capsule Youth Hostel 九号太空舱青年旅社 @Riwa

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Xiangyue Shenghu Inn 稻城亚丁相约圣湖客栈 @Riwa

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Riverside Qiji Guesthouse 丽江宝祥居客栈 @Lijiang

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม The Hump Hostel 驼峰客栈 @Kunming





รีวิวอื่นๆ

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : สรุปการเดินทาง และค่าใช้จ่ายทั้งหมด

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : จิปาถะ การเดินทาง และที่เที่ยวอื่นๆ

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ว่าด้วยห้องน้ำจีน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>