ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 9 มุ่งคุนหมิง [Kunming 昆明]





26/10/2019
วันนี้ไม่มีแพลนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
จริงๆ เอาไว้สำรองเผื่อเราขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกไม่ได้ ก็จะย้ายมาวันนี้แทน

ส่วนแพลนคร่าวๆ ที่วางไว้ คือ ไปตะลุยเมืองโบราณอื่นๆ

รู้หรือไม่ว่าลี่เจียง ไม่ได้มีเมืองโบราณแค่ที่เดียว?

จากการค้นข้อมูล เราพบว่ามีเมืองโบราณและสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น
➤ เมืองโบราณ Baisha Village [白沙村], Shuhe Old Town [束河古镇], และ Donghe Ancient Town [东河古镇]
➤ หมู่บ้านน้ำหยก Jade Water Village [玉水寨] อุทยานเล็กๆ ใกล้ภูเขาหิมะมังกรหยก
➤ หุบเขาเสือกระโจน Tiger Leaping Gorge [Hutiaoxia 虎跳峽]


แต่ที่เที่ยวต่างๆ ด้านบน ก็โดนปัดตกไป เนื่องจาก ขี้เกียจ (ฮาาาาาาาาาาาาา)

วันนี้เลยขอเดินไปเดินมาอยู่แถวๆ ย่านเมืองโบราณลี่เจียงเนี่ยแหละ
คิดว่า ออกไปสัก 9 โมง ตอนเที่ยงก็กลับ

เช้าวันนี้ ฟ้าเปิดนิดหน่อย (นิดหน่อยจริงๆ) ดีกว่า 2 วันที่ผ่านมา (ทำไมมาเปิดตอนจะกลับแล้วฟร้าาาาาา)
เลยแอบเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรม เพราะเพิ่งเห็นว่ามีดาดฟ้าอยู่ด้านบน (มารู้ตอนจะกลับอีกละ)




ตรงดาดฟ้า ก็จัดออกมาเรียบง่ายดี มีดอกไม้ประดับหลายจุด





มองเห็นภูเขาหิมะมังกรหยกอยู่ไกลๆ



เลยตัดสินใจ เช็คเอาต์ฝากกระเป๋าเลย
เดี๋ยววันนี้เราจะไปสระมังกรดำกันอีกครั้ง แล้วค่อยมาเดินเมืองโบราณ ซึ่งอาจจะใช้เวลาเกินเที่ยง กลัวจะกลับมาเช็คเอาต์ไม่ทัน

ที่โรงแรมให้ฝากกระเป๋าไว้ได้ จุดฝากกระเป๋าจะอยู่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ วางกองๆ ไว้เฉยๆ หาที่ล็อคกันเอาเอง

จากนั้นก็เดินออกไปหน้าปากซอย
เมื่อวานจำได้ว่า ตอนเช้าๆ จะมีร้านรถเข็นข้างทาง
แต่พอไปตรงข้างทาง ใกล้ๆ กับจุดที่รอรถเมื่อวานนั้น ไม่มีของขายแล้ว
ต้องเดินกลับเข้าไปในซอยที่มีซุ้มประตู จะเจอร้านรถเข็นแบบนี้อยู่ 2-3 ร้าน





ไม่รู้สั่งยังไง ก็ชี้ๆ เอา



ข้ามถนนไปที่ป้ายรถบัส แล้วนั่งกินข้าวเช้าอยู่แถวนั้น
ก่อนจะนั่งบัสสาย 3 ไปสระมังกรดำ




ตอนจะผ่านประตูตรวจตั๋ว
ให้โชว์ตั๋วที่เราได้มาในวันแรกให้เจ้าหน้าที่ดู
ตอนแรกจะโชว์ Passport เพื่อเช็คชื่อ
แต่เหมือนเจ้าหน้าที่ที่ขายตั๋วเค้าจำหน้าได้ ก็เลยให้ผ่านเข้าไปได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ครั้งนี้ไปยืนอยู่ที่ศาลาแรกอย่างเดียว
เพื่อถ่ายรูปเจดีย์ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ

แต่ว่า ฟ้าก็ไม่ค่อยจะเป็นใจ ให้เห็นภูเขาหิมะแค่ลางๆ (ถึงจะดีกว่าวันแรกก็เหอะ)





ถึงอย่างนั้นก็ถ่ายรูปไปเกือบชั่วโมง



จากนั้นก็เดินจากสระมังกรดำ ไปยังเมืองโบราณอีกครั้ง




บริเวณย่านเมืองโบราณ มีร้านค้าเปิดประราย


ร้านขายเครื่องดื่มโดยหุ่นยนต์




ของอร่อยต้องมาซ้ำ







ใครกำลังมองหาของฝากพวกโปสการ์ด
แนะนำร้านนี้ "3 Cards Studio" มีของเยอะมาก สวยๆ ทั้งนั้นเลย ราคาไม่แพงเท่าไหร่
อยู่แถวลานกว้าง



จากนั้นก็เดินมาถึงร้านหม่าล่าเจ้าประจำ
สั่งหมูเผ็ดน้อยไป 1 ชุด

แล้วกัดไปคำแรก ........... นี่มัน ไก่ ง่าาาาาาาาาาา ออกเสียงผิดเหรอ แงๆ
ถึงอย่างนั้นก็กินไปจนหมด แม้ว่าอยากกินหมูมากกว่าก็ตาม




เดินต่อไปยัง Mu Mansion
ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าชม 40 หยวน
แต่เราว่า เวลาอาจจะไม่พอ เพราะยังคงอยากกลับคุนหมิงเร็วกว่ากำหนดอยู่
เลยตัดสินใจไม่เข้าไป





ต่อไปเราจะไปเดินที่ถนนใหญ่บ้าง
ตั้งใจจะไปแถวโซนที่มี Starbucks กับ KFC แถวๆ ตลาดสดนั่นแหละ



จาก Mu Mansion เดินตามแผนที่ใน Baidu Map ไป
ลัดเลาะซอยต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ







ช่วงนี้ถนนทั้งเส้น ค่อนข้างเงียบสงบ ยังไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่
มีโรงแรมมากมายบริเวณนี้

แต่ถนนเป็นหิน แล้วยังขึ้นเนินอีก แบบนี้จะลากกระเป๋าได้ไหมน้ออออ?????
ระหว่างทีคิดแบบนี้อยู่ ก็เห็นรถคล้ายๆ ซาเล้ง กำลังขนย้ายกระเป๋านักท่องเที่ยวอยู่
อ๋อ บางโรงแรมคงมีบริการแบบนี้ให้สินะ



เดินออกมาถึงถนนใหญ่
ก็เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตามฟุตบาธไปเรื่อยๆ
เห็นรถซาเล้งอยู่กันเป็นกลุ่มคล้ายวินมอเตอร์ไซต์บ้านเรา
น่าจะเหมารถไปส่งกระเป๋าที่โรงแรมได้





เดินไปสักพักจะเจอตลาดสดลี่เจียง [ตลาดจงอี้ Zhongyi Market 忠义市场]
เป็นตลาดสดแบบบ้านเรา ขายของมากมาย ทั้งเนื้อสดต่างๆ ผัก ผลไม้ ของแห้ง ฯลฯ
แต่เราไม่ได้แวะ



เดินต่อไปอีกนิด เกือบจะถึงสี่แยก
จะเจอร้าน Starbucks
พอเข้าไปในซอยนี้ จะเจอโซน Creative Park
มีบูธขายสินค้าที่เป็นงานฝีมือ
รอบๆ พื้นที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ และรูปปั้นต่างๆ
มีสถานที่จัดพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง












บริเวณตลาดสด และ Creative Park แห่งนี้ สามารถมองเห็นวิวภูเขาหิมะได้ด้วยนะ ถ้าท้องฟ้าเป็นใจ




จากบริเวณนี้ เราเดินลัดเลาะซอยต่างๆ เข้าไปด้านใน
เพื่อเข้าไปยังเมืองโบราณอีกครั้ง












เดินเรื่อยๆ ไปจนถึงร้านขายขนมเปี๊ยะกุหลาบ
เป็นของฝากยอดนิยมของที่นี่

ตรงทางประตูทิศใต้
จะมีร้านที่ขายขนมเปี๊ยะชิ้นละ 1 หยวนอยู่
รสชาติโอเค (เพราะเมื่อคืนลองซื้อมาอย่างละ 1 ชิ้น เพื่อเอามาชิมดูก่อน)
สามารถเลือกจำนวนและรสชาติได้ตามต้องการ




แพคเกจอาจจะธรรมดาหน่อย แต่ได้ของที่ทำวันนั้นเลย

รอบนอกมีราคานี้หลายร้านนะ ถ้าไปด้านในเมืองโบราณ จะเป็นของที่ราคาแพงกว่านี้
แต่เราไม่รู้ว่ารสชาติต่างกันรึเปล่า
ที่มาซื้อแถวนี้ เพราะไปอ่านรีวิวมาอีกที



ได้ของฝากเรียบร้อย ก็กลับโรงแรม
ไปรับกระเป๋า



พอดีเจอคนไทยที่นั่น ซึ่งกำลังจะไปขึ้นที่สูงพอดี
เลยเอาอ๊อกซิเจนให้เค้าไป เพราะเรามีอันที่เรายังไม่ได้เปิดใช้งาน (ที่ได้มาจากทัวร์ภูเขาหิมะน่ะแหละ)

จากนั้นก็เดินลากกระเป๋าไปที่ป้ายรถบัสฝั่งตรงข้าม

ขณะนี้เวลาประมาณ 14.15 แล้ว
Baidu บอกว่าให้เรานั่งบัสสาย 12 แล้วต่อสาย 18
รถบัสสาย 12 จะเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยก ลงป้ายหน้า แล้วรอรถสาย 18 ต่อได้เลย
รถจะไปถึงสถานีรถไฟพอดี



แต่อีกวิธีนึงบอกให้นั่งสาย 3 เจ้าประจำของเราไป พอถึงตลาดก็ข้ามถนน ไปต่อสาย 18
แต่เราขี้เกียจข้ามถนน เลยเลือกไปวิธีแรก




เราเช็ครายละเอียดตรงป้ายรถบัสแล้ว ชื่อป้ายไม่ตรงกัน
แต่ก็ลองเสี่ยงดูก่อน

ตกลงกับเพื่อนว่า สาย 12 ต้องเลี้ยวซ้ายนะ ถ้ามันไม่เลี้ยว ให้ลงป้ายหน้า



และแล้ว.... รถมันก็ไม่เลี้ยวจริงๆ ด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มันตรงไปเลย
ก็เลยต้องลง

แล้วลากกระเป๋ากลับมาที่สี่แยก
แล้วค่อยข้ามถนน และก็เดินต่อไป ไกลอีกต่างหาก






สรุปว่า คราวหน้าให้ไปบัสสาย 3 นะทุกคน 5555
เพราะมันจอดที่ตลาดแน่ๆ เรานั่งบ่อย

รอรถสาย 18 ที่ป้าย




แล้วก็นั่งรถยาวๆ ไปถึงสถานีรถไฟเลย



ป้ายสถานีรถไฟ จะมองเห็นอาคารสถานีรถไฟก่อนจะถึงป้ายอยู่แล้ว





ตอนนี้ 14.50 ยังไม่ถึงเวลาที่จองรถไว้ เพราะเราจองรอบ 17.29 มา
เราเลยทำตามที่ตั้งใจไว้
นั่นคือ เปลี่ยนตั๋ว!
กะว่าวันนี้ต้องมาเปลี่ยนตั๋วแน่ๆ

รอบที่ใกล้สุดคือ 15.05
แต่ตอนนี้ 14.50 แล้ว ไม่น่าจะวิ่งทัน แถมยังต้องไปเปลี่ยนตั๋วที่เคาน์เตอร์อีก เพราะเลยกำหนดการเปลี่ยนตั๋วของ Trip ไปแล้ว

เลยเลื่อนไปอีกเสต็ป
เป็นรอบ 16.42 เลย
แต่ก็ต้องรออีกเกือบ 2 ชม.แน่ะ

การเปลี่ยนตั๋ว ตามนโยบายของ Trip ทำได้ 1 ครั้ง
โดยมีเงื่อนไขตามนี้




วิธีการเปลี่ยนตั๋วก็ง่ายมาก
(คร่าวๆ นะไม่เป๊ะทุกสเต็ป เพราะทำลืม Capture มา)

ไปที่แอพหรือเว็บ
แล้วเลือกเมนู ทริป
แล้วเข้าไปดูรายละเอียดการจองรถไฟ

กดปุ่ม "จัดการการจอง"
มันจะเข้าไปหน้ารายละเอียดเส้นทาง และมีปุ่ม เปลี่ยน กับ คืนเงิน ให้เลือก




กดปุ่ม เปลี่ยน" ขอคนคนใดคนนึงก็ได้
มันจะมีหน้าให้ติ๊กว่าจะเปลี่ยนการเดินทางของผู้โดยสารคนไหนบ้าง (เลือกได้หลายคน)
แล้วก็ให้เลือกวันและเวลาเดินทางใหม่
จากนั้นก็กดตกลง ถ้าราคาตั๋วเพิ่ม มันจะให้เราจ่ายเงินเพิ่ม
แต่โชคดีที่ราคาตั๋วเท่าเดิม

ไม่นานก็จะได้รายละเอียดการจองอันใหม่มา



โดยที่เมื่อเข้าไปที่หน้าจัดการการจอง  อีกครั้ง จะเห็นว่า มันแสดงทั้งรถไฟรอบเก่าและรอบใหม่ให้ดู



ส่วนรอบเดิมของเรา ถ้าเข้าไปในเมนู "การจองทั้งหมด" จะกลายเป็นยกเลิกการจอง ไปแล้ว



แต่เพราะเราทำกระชั้นชิดไปหน่อย
เลยได้นั่งแยกกัน แต่ยังเป็นแถวเดียวกันอยู่



จากนั้น ก็เดินเข้าอาคารไป
เพราะเมื่อวานพี่เปิ้ลบอกว่า โชว์หมายเลขการจอง และพาสปอร์ต กับช่องตรวจ ตรงขวาสุด (มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่) เค้าจะเช็คข้อมูลนิดหน่อย แล้วก็ปล่อยให้เข้าไปได้เลย ไม่ต้องไปรับตั๋ว



แต่พอเราทำตาม เค้าไม่ให้เข้าอ่ะ
ให้ไปรับตั๋วก่อน

ซึ่งจุดรับตั๋ว คือประตูใกล้ๆ กับประตูทางเข้านั่นแหละ
ถ้าหันหน้าเข้าสถานีจะอยู่ทางขวามือ

เข้าช่องไหนก็ได้ที่ว่าง




ยื่นหมายเลขการจอง กับพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่
เค้าก็จะทำการพิมพ์ตั๋วมาให้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ปัจจุบัน ตั๋วจะไม่ระบุโบกี้และที่นั่งบนตั๋วแล้ว
เราต้องเก็บใบจองไว้ด้วย เพื่อยืนยันที่นั่ง เวลามีคนมาเนียนนั่งแทน
หรือใช้ WeChat สแกนที่ QR Code บนตั๋วก็ได้ (ต้องใช้ WeChat นะ ใช้สแกนเนอร์ธรรมดาไม่ได้)
มันจะเปิดแอพของรถไฟขึ้นมา แล้วแสดงรายละเอียดตั๋ว (แต่เป็นภาษาจีน)


เลือกเมนู Scan ใน WeChat เพื่อสแกน QR Code บนตั๋วรถไฟ


มันจะเปิดแอพของรถไฟขึ้นมา มีรายละเอียดรถไฟและที่นั่งบอกไว้


จากนั้นก็ไปที่จุดตรวจตั๋วเหมือนเดิม ยื่นบัตรและพาสปอร์ตไป
เสร็จแล้วก็ไปตรวจสัมภาระ




เดินเข้าได้เลย
ถัดจากที่แสกนมา
ก็เจอจุดรอรถไฟเลย
สถานีไม่ใหญ่มาก



ชั้น 1 เป็นจุดรอสำหรับรถไฟธรรมดา
ชั้น 2 เป็นจุดรอสำหรับรถไฟความเร็วสูง




บริเวณชั้น 1
สองข้าง จะมีมินิมาร์ทอยู่





มีห้องน้ำทั้งสองฝั่ง
แต่จุดกดน้ำฟรี จะอยู่ฝั่งขวา (หันหน้าเข้าด้านในสถานี)


บริเวณชั้น 2
จะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก
มีห้องน้ำ และจุดกดน้ำฟรี เหมือนชั้น 1





แต่ชั้นบนไม่มีร้านอาหารนะ
ถ้าจะซื้อของกินก็ซื้อจากข้างล่างมาก่อน



ห้องน้ำสะอาดดี



นั่งรอนอนรอรถไฟไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ผ่านไปชม. กว่าแล้ว

พอใกล้เวลารถไฟออกสักครึ่งชม.
เค้าจะปล่อยให้เราเข้าไปในชานชาลา



สำหรับคนที่ใช้พาสปอร์ต ต้องเข้าช่องซ้ายสุด ที่มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่
เพราะจะมีเครื่องตรวจเอกสารเฉพาะติดตั้งอยู่



ยื่นตั๋วกับพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ เค้าจะไปสแกน แล้วก็ปล่อยให้เข้าไปในชานชาลาได้เลย
ตอนสแกนจะมีเลขที่นั่งกับโบกี้ของเราขึ้นมาบนจอด้วย
เราได้ โบกี้ 8 ซึ่งอยู่ปลายสุดเลย





อย่าลืมเก็บใบจอง หรือข้อมูลการจองที่มีหมายเลขที่นั่งของเราเอาไว้
เวลามีคนมานั่งที่เรา ให้เอาเอกสารให้เค้าดู

รถไฟรอบนี้คนเยอะมาก
ที่นั่งในโบกี้ น่าจะเต็ม ไม่มีที่วางกระเป๋าว่างเลย
เลยต้องเอากระเป๋าไปนั่งด้วย ขออภัยคนนั่งข้างๆ ด้วยค่ะ

มีรถขายอาหารมา 2 รอบ

ภายในรถค่อนข้างสะอาด เรียบร้อยดี
มีจอบอกความเร็ว แต่รู้สึกว่า จะวิ่งช้าว่าตอนไปฉางซา







ส่วนห้องน้ำก็สะอาดดี



แนะนำให้นั่งฝั่งขวา (ฝั่งที่มี 2 ที่นั่ง สำหรับที่นั่งชั้น 2)
รถไฟความเร็วสูง ไม่มีที่นั่งแบบยืนนะ
มีแต่ชัน 2 ชั้น 1 และ first class

ครั้งนี้รถไฟ วิ่งผ่านหุบเขา หมู่บ้านต่างๆ
ดูดีกว่าที่ฉางซา ซึ่งวิ่งเข้าอุโมงอย่างเดียวเลย




คนจีนที่มานั่งใกล้ๆ
ดูหนังแบบไม่ใช้หูฟังกันหมดเลย (มิน่ามือถือจีนถึงชอบเอาช่องเสียบหูฟังออก)
ทุกคนต่างดูหนังด้วยมือถือของตัวเอง แต่เปิดลำโพงกันหมด
ไม่มีใครว่าอะไรด้วยนะ เป็นการฝึกสมาธิอย่างนึง มั้ง 555

ก็เลือกเลยค่ะ ว่าจะฟังเรื่องไหน
คนข้างๆ นี่ดูเรื่องนาคี ด้วยแหละ

นั่งไป 3 ชม.
ก็มีเสียงประกาศบอกว่าใกล้ถึง คุนหมิงแล้ว
โดยรถคันนี้จะสิ้นสุดที่คุนหมิงหนาน หรือ สถานีรถไฟคุนหมิงใต้ ซึ่งจะอยู่ทางใต้ตามชื่อ



เราลงที่สถานีรถไฟคุนหมิง Kunming Railway Station [昆明火车站]
พอรถไฟจอด ก็เดินออกมาที่ชานชาลา และต้องเดินลงไปด้านล่าง





สถานีนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับกระเป๋าลากเท่าไหร่
เพราะไม่มีทั้งลิฟต์และบันไดเลื่อน
แต่ตรงข้างๆ บันไดก็มีทางสโลปให้ลากกระเป๋าได้ ถึงจะลำบากไปหน่อยก็เถอะ



ลงมาถึงชั้นล่าง จะเป็นจุดตรวจตั๋ว
สำหรับคนในประเทศ ก็จะใช้บัตรประชาชนของเค้าแตะเพื่อออกไปได้เลย

แต่สำหรับคนที่ถือพาสปอร์ต ต้องเดินไปทางช่องทางขวามือ
โชว์ตั๋ว แล้วเดินออกไปได้เลย



อืมม เดินออกไปได้เลยจริงๆ ไม่เห็นเค้าจะตรวจตั๋วหรือพาสปอร์ตเลย

จากนั้นก็จะเจอประตูทางออก 2 ทาง
ป้ายบอกทางไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
เพราะบอกเป็นแนวโครงสร้างของสถานี
แต่ไม่บอกว่าประตูไหน ไปออกที่ตรงไหนของถนน





ทางออก 2 จะเป็นบันไดเลื่อน
ทางออก 1 จะเป็นบันไดธรรมดา แต่มีสโลป



เรารู้แค่ว่าทางออก 1 น่าจะออกไปด้านหน้าสถานี (จริงๆ คือเยื้องไปทางขวา ถ้าหันหลังให้สถานี)
เลยตัดสินใจไปทาง 1
ซึ่งลำบากมาก
สโลปมันยากต่อการลากกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นสุดๆ (กระเป๋าใบเล็กลากง่ายอยู่)

คืนนี้ เราจะนอนโฮสเทลแถวจตุรัสจินปี้
Baidu Map บอกให้เรานั่งบัส K12 ไป



พอออกมาด้านบนปุ๊บ ก็เดินตรงต่อไป





พอมาถึงถนนใหญ่
ก็ข้ามถนน แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปตรงแยก
แล้วก็เลี้ยวขวา
จากนั้นตรงต่อไปเรื่อยๆ เลย
พอถึงสี่แยกก็ข้ามถนน แล้วเลี้ยวขวา จะเจอป้ายรถบัส




เรานั่งรถสาย K12 ราคา 2 หยวน ไป 4 ป้าย
จะเป็นป้ายก่อนถึงจตุรัสจินปี้



พอลงจากรถ ก็เดินต่อไปอีกนิด จะเจอจตุรัสทางขวามือ
เลี้ยวขวา ตรงต่อไปเรื่อยๆ
จะเจอโฮสเทลของเรา






คืนนี้เราจะพักที่ The Hump Hostel [驼峰客栈]
อ่านรีวิวได้ที่นี่ > รีวิวโรงแรม The Hump Hostel 驼峰客栈 @Kunming



อากาศในเมืองออกเย็นๆ แต่ไม่ถึงกับหนาว น่าจะประมาณ 10 องศาปลายๆ จนถึง 20 องศาต้นๆ
ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวก็พอไหว
แต่สำหรับคนขี้หนาวอย่างเรา ขอใส่เสื้อแจ็คเก็ตอีกชั้นก็แล้วกัน

หลังจากเช็คอินและเก็บของเรียบร้อย ก็ไปเดินเล่นที่จตุรัสจินปี้


จตุรัสจินปี้  Jinbi Square 金碧广场

บริเวณนี้เป็นย่านการค้าที่มีเอกลักษณ์จีน อยู่ในใจกลางเมืองคุนหมิง
มีประตูม้าทอง(จินหม่า) ประตูไก่มรกต(ปี้จี) ตั้งอยู่
ลานเปิด 24 ชม. กลางคืนเปิดไฟที่ซุ้มประตู










เราเดินเล่นตรงจตุรัสได้แป๊บนึง ก็หาอะไรกิน

ตอนนี้เวลา 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว
ตอนแรกว่าจะไปกินแถวรถไฟใต้ดิน
แต่เนื่องจากมันเริ่มดึกแล้ว และกลัวร้านจะปิดก่อน
เลยหาอะไรกินแถวๆ จตุรัส
มีร้านที่เปิดถึงเที่ยงคืนด้วย





อาหารเย็นของเราวันนี้
เป็นจังก์ฟู้ด 555 หลังจากกินหม้อไฟกันมาหลายมื้อ
วันนี้ดูกินน้อย กินง่ายกันจัง



ปล. The Hump ก็มีอาหารขายนะ แต่ตอนแรกเราไม่แน่ใจ เพราะเหมือนเค้าเน้นบาร์มากกว่า

พอกินเสร็จก็เดินไปซื้อของฝากอีกนิดหน่อย แล้วก็กลับโฮสเทล


ค่าใช้จ่ายต่อวันต่อคน

ค่าอาหาร
- ค่าข้าวเช้า 10 หยวน
- ค่าข้าวกลางวัน 8 หยวน
- ค่าข้าวเย็น 31 หยวน

ค่าเดินทาง
- ค่ารถบัสไปสระมังกรดำ 2 หยวน
- ค่ารถบัสไปสถานีรถไฟ 4 หยวน
- ค่ารถบัสไปรร. 2 หยวน

ค่าจิปาถะ
- ค่าขนม 5 หยวน
- ค่าของฝาก 195 หยวน (หารสอง จาก 389 หยวน)

ค่ารร. 62 หยวน

รวม 319 หยวน






ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง



รีวิวที่เที่ยว

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 0-1 มุ่งสู่แชงกรีล่า [Shangri-La 迪庆香]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 2 มุ่งสู่รื่อหว่า [Riwa 日瓦乡]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 3 "Yading" Shangri-La แห่งสุดท้าย (รูทยาว ทะเลสาบน้ำนมกับทะเลสาบห้าสี)

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 4 "Yading" Shangri-La แห่งสุดท้าย (รูทสั้น ทะเลสาบไข่มุก)

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 5 กลับสู่แชงกรีล่า [Shangri-La 迪庆香]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 7 มุ่งสู่ลี่เจียง [Lijiang 丽江] เดินไปกินไปในเมืองโบราณ

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 9 มุ่งคุนหมิง [Kunming 昆明]

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 10 กลับเมืองไทย





รีวิวโรงแรม

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Home Away From Home 香格里拉古城远方的家客栈 @Shangri-La

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม No.9 Space Capsule Youth Hostel 九号太空舱青年旅社 @Riwa

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Xiangyue Shenghu Inn 稻城亚丁相约圣湖客栈 @Riwa

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Riverside Qiji Guesthouse 丽江宝祥居客栈 @Lijiang

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม The Hump Hostel 驼峰客栈 @Kunming





รีวิวอื่นๆ

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : สรุปการเดินทาง และค่าใช้จ่ายทั้งหมด

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : จิปาถะ การเดินทาง และที่เที่ยวอื่นๆ

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ว่าด้วยห้องน้ำจีน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>