ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 0-1 มุ่งสู่แชงกรีล่า [Shangri-La 迪庆香]
ในที่สุด เราก็มีทริปจีน ครั้งที่ 2 จนได้
จุดประสงค์หลักครั้งนี้ คือ ย่าติง ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น "แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย"
แผนการเดินทาง
เนื่องจาก ย่าติง อยู่ค่อนข้างไกล ใช้เวลาเดินทางเป็นวันๆ
และเราไม่อยากให้เป็นแพลนแบบเร่งรีบ เลยกำหนดเวลาเที่ยวไว้ 10 วัน
ตั้งแต่ 17 - 27 ตุลาคม 2562
Day 0 - เดินทางจาก ดอนเมือง → คุนหมิง ด้วยสายการบิน AirAsia แล้วนอนสนามบิน
Day 1 - เดินทางจาก คุนหมิง → แชงกรีล่า ด้วยสายการบิน China Eastern Airline แล้วเที่ยวในแชงกรีล่า
Day 2 - เดินทางจาก แชงกรีล่า → รื่อหว่า ด้วยรถเหมา
Day 3 - เดินรูทยาวในย่าติง
Day 4 - เดินรูทสั้นในย่าติง
Day 5 - เดินทางจาก รื่อหว่า → แชงกรีล่า ด้วยรถเหมา
Day 6 - เที่ยวแชงกรีล่า เช่น ภูเขาหิมะสือข่า วัดซงจ้านหลิน
Day 7 - เดินทางจาก แชงกรีล่า → ลี่เจียง ด้วยรถบัส แล้วก็เดินเล่นย่านเมืองเก่า
Day 8 - เที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก
Day 9 - เก็บตกในลีเจียง แล้วเดินทางจาก ลี่เจียง → คุนหมิง ด้วยรถไฟความเร็วสูง
Day 10 - เดินทางจาก คุนหมิง → ดอนเมือง ด้วยสายการบิน AirAsia
Day 0 ดอนเมือง - คุนหมิง
เดินทางด้วยสายการบิน แอร์เอเชีย
ราคาตั๋วประมาณ 4,000 บาท
แต่บวกไปบวกมา รวมค่ากระเป๋าแล้ว กลายเป็นคนละ 6,000 บาท
(ราคาแพงกว่าฟูลเซอร์วิสตอนจัดโปรอี๊กกกกก)
ครั้งนี้บินดึกอีกเช่นเคย
ไฟท์ 21:40 - 01:00 (เวลาที่จีนไวกว่าไทย 1 ชม.)
ทำเว็บเช็คอิน น่าจะคนแรกๆ เลย ได้ที่นั่ง 18A กับ 18B มา
รอบนี้เที่ยวบินไม่มีปัญหาอะไร หลังจากลุ้นมานานว่าจะเจอโรคเลื่อนเหมือนรอบที่แล้วอีกรึเปล่า
เครื่องใช้เวลาบินจริงๆ แค่ 2 ชม. กว่าๆ แค่นั้นเอง
มาถึงสนามบินคุนหมิงเกือบตี 1
ฝนตกปรอยๆ
สนามบินคุนหมิง Kunming Changshui International Airport [昆明长水国际机场] (KMG)
สนามบินไม่ได้ใหญ่มาก
คิวตม. ก็ค่อนข้างยาวอยู่นะ แต่มีแบ่งเป็นแถวทัวร์กับแถวบุคคลธรรมดา
แป๊บๆ ก็ผ่านตม.มาละ
กระเป๋ามาเร็วมาก
หลังจากผ่านมายังโซนผู้โดยสารขาเข้าได้ ก็จะมาอยู่ที่ชั้น B1 ใกล้กับประตูทางออก 2
แต่เนื่องจากเรามีไฟท์บินต่อไปแชงกรีล่า ตอน 6 โมง
ซึ่งเคาน์เตอร์อยู่ชั้น F3
เลยตัดสินใจไปรอที่ชั้น 3 ดีกว่า (ตามรีวิวบอกว่าชั้นล่างสุดมีที่นอน)
ในสนามบินมีร้านอาหารที่เปิด 24 ชม.ด้วยนะ
ไปนอนหลบมุมอยู่แถวๆ เคาน์เตอร์ K (ด้านในสุด)
จะมีที่นั่งเหลืออยู่บ้าง แต่เป็นที่นั่งแบบมีที่พักแขน นอนลำบากหน่อย
เห็นบางคนเค้าก็นอนพิ้นเลย
อากาศเย็นพอสมควร
China Eastern Airline
เราได้ตั๋ว China Eastern Airline ในราคาประมาณ 1,400 บาท
แนะนำว่าให้จองล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน เช็คราคาบ่อยๆ
เพราะตอนแรกๆ เราเข้าไปดู ราคามันจะอยู่ที่ 2,800 แล้วก็ขึ้นๆ ลงๆ เรื่อยๆ อยู่แถวๆ นี้
ทำเอาเราหวั่นไหวตลอด ว่าจะจองดีมั้ยน้าาาาา ยิ่งตอนมาอยุ่สัก 2,000 นี่อยากกดมากกกก
แต่เห็นมีคนรีวิวไว้ที่พันต้นๆ เลยยอมรอต่อไป
แล้วจู่ๆ มันก็ลดมาเหลือ 1,300 แต่ซื้อไม่ทัน จนมาได้ที่ราคา 1,400 (เพราะมัวแต่รอข้อมูล Passport เพื่อน)
ราคานี้รวมนน. กระเป๋า 20 กิโลแล้ว
จองผ่าน Trip
ไม่สามารถเลือกที่นั่งได้ผ่านระบบของ Trip
ปล. ไฟท์เช้าจะถูกกว่าไฟท์อื่นๆ
หลังจองเสร็จก็ไปเช็คตั๋วได้ในเว็บของ China Eastern Airline (https://us.ceair.com/en/)
ไปที่เมนู My Trip > Ticket Validation
ใส่ E-Ticket Number (ที่ขึ้นต้นด้วย 781-xxxxxxxxxx) และข้อมูลการจองลงไป
ปล. เวลาเช็คข้อมูลหรือทำเช็คอินจะใช้เลข E-Ticket นี้เสมอ
ระบบจะขึ้นข้อมูลการจองของเราขึ้นมา เป็นอันว่าจองผ่าน Trip สำเร็จแล้ว
ส่วนการเช็คอิน
สามารถทำออนไลน์เช็คอินได้ โดยระบบจะเปิดให้เช็คอินได้ล่วงหน้า 24 ชม. ก่อนบิน
เลือกที่นั่งตอนทำออนไลน์เช็คอินนั่นแหละ
ในเอกสารเช็คอิน จะมีปัญหาตรงที่ ถ้าชื่อยาวๆ จะโดนตัดตัวอักษรทิ้ง
ถ้าไม่แน่ใจว่าชื่อที่ใส่ไปถูกต้องหรือเปล่า
ให้ไปที่หน้า Check In อีกรอบ มันจะบอกชื่อเต็มๆ อีกที
เรางีบได้สักพักเดียว
พอถึงตี 4 ก็ต้องตื่นมาล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า
แล้วก็ตามหาเคาน์เตอร์เพื่อทำการโหลดกระเป๋า
ไฟท์ในประเทศจะมี 3-4 Row
แต่ไม่มี Row ไหนมีคนอยู่เลย
ในเอกสารเช็คอินจะบอกว่า ต้องไปที่ Counter no. 344 Zone H Floor 3
แต่จะบอกว่า หาไม่เจอจร้าาาาา
แล้วแถว H ทั้งหมดก็ไม่มีใครอยู่เลย ยกเว้นตรงช่อง VIP
เราเดินไปเดินมา 2-3 รอบ
จนต้องเดินไปถามเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ VIP
เค้าก็เลยบอกว่าให้ไปที่เคาน์เตอร์ F
ซึ่งเราก็งง เพราะเราผ่านมาทุกเคาน์เตอร์แล้ว ไม่มีคนนี่นา
แต่ก็เดินไปตามที่เค้าบอก
ปรากฎว่า เคาน์เตอร์เปิดแล้วจ้า ประมาณ ตี 5
คนรอเต็มเลย
แต่เราเช็คอินล่วงหน้ามาแล้ว ก็เหลือแค่เช็คอินกระเป๋าเดินทางเท่านั้น
ที่นี่เค้าตรวจกระเป๋าเข้มงวดมาก
พอเราเช็คอินเสร็จ จะให้เรารอตรงเคาน์เตอร์ จนกว่าจะมีสัญญาณว่ากระเป๋าผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ถึงจะคืน Passport กับ Boarding Pass มาให้
ซึ่งเพื่อนเราไม่ผ่าน (อีกแล้ววววว) ต้องไปเปิดกระเป๋าให้เค้าดู (รอบที่แล้วก็โดนตลอด)
หลังจากนั้นก็ไปที่จุด Security
สนามบินไม่ใหญ่มาก เพราะงั้นไม่ต้องกลัวหลง มันไม่ซับซ้อนเลยอ่ะ
ตรงจุดนี้จะใช้เวลานานนิดนึง
ตรวจของและตรวจร่างกายค่อนข้างละเอียด
พอผ่านไปได้ ก็จะเข้าสู่โซนร้านค้า
มีร้านอาหาร ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกหลายร้านอยู่นะ
เราต้องไปเกท 20
ซึงต้องลงไปชั้นล่าง แน่นอนว่า เป็นบัสเกท
รอจนเกือบ 6 โมง
ก็เรียกขึ้นรถ
คนเยอะมาก อัดกันเป็นปลากระป๋องอยู่ในรถ
พอรถมาถึงเครื่องบิน ฝนตกปรอยๆ เราต้องเดินตากฝนเล็กน้อยเพื่อไปขึ้นเครื่อง
(เค้ามีหลังคาแค่ตรงบันไดที่เชื่อมกับเครื่องบิน แต่รถจอดไกลกว่านั้นหน่อยนึง)
พอขึ้นไปบนเครื่อง พนักงานจะแจกน้ำให้คนละขวด
หลังจากได้ที่นั่งปุ๊บ ก็นอนเลยจ้าาา ง่วงมาก
ตื่นมาอีกที
เครื่องยังอยู่ที่เดิม
เอ๊ะ ยังไง แต่ง่วงอ่ะ เลยหลับต่อ
ไฟท์ดีเลย์
สักพักนึงก็ตื่น ตอนนี้ประมาณ7 โมง เครื่องก็ยังอยู่ที่เดิมอีก
เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ !!!
จากนั้นก็มีเสียงประกาศเป็นภาษาจีน แล้วก็ตามด้วยภาษาอังกฤษแบบแร๊พๆ (คือพูดไวมาก)
จับใจความได้ว่า เครื่องดีเลย์
อ้อออออ โอเค นอนต่อ 5555
ไม่นานก็มีเสียงภาษาจีนอีก แต่คราวนี้ไม่มีภาษาอังกฤษแล้วสิ
อ้าววว ประกาศอะไร ?? ยังไง ??
แล้วก็มีคนจีน หยิบกระเป๋าบนช่องด้านบนออกมา เดินไปด้านหน้า
แต่จู่ๆ ก็เดินกลับมานั่งที่เดิม
งงเด้ๆ ????
แล้วก็มีเสียงประกาศเป็นภาษาจีน โดยไร้เสียงภาษาอังกฤษอีกแล้ว
คราวนี้ คนส่วนใหญ่ หยิบกระเป๋าบนช่องด้านบน แล้วเดินไปด้านหน้ากันเกือบหมด
เอ๋ๆๆๆๆๆๆๆ อะไรอ่ะ ?? อะไรอ่ะ ??
สุดท้าย เลยตัดสินใจเดินไปถามแอร์ที่อยู่ด้านหลัง
ซึ่งแอร์ พูดภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยได้เลย
จับใจความได้ว่า สภาพอากาศปลายทางไม่ดี ไม่สามารถกำหนดเวลาบินครั้งต่อไปได้
อ้อ โอเค ก็คือเครื่องดีเลย์ เพราะอากาศที่แชงกรีล่ามันไม่ดีนี่เอง
อ่ะ กลับมานั่งที่
ส่วนแอร์ก็ยืนคุยกันไป
สักพักมีคนไทย เดินไปถามอีก
แต่ครั้งนี้ เค้าถามย้ำว่า ต้องลงจากเครื่องใช่มั้ย
ซึ่งแอร์ก็ตอบว่าใช่
อ้าวววววววววววว แล้วทำไมตะกี้แอร์ไม่บอกชั้นเลยยยยยยยย
แล้วแอร์ก็ไม่เดินไปบอกผู้โดยสารที่นั่งรออยู่บนเครื่องด้วย ว่าให้ลงไปก่อน มัวคุยอะไรกันอยู่
สุดท้ายเลยต้องไปนั่งบัส กลับไปที่อาคารผู้โดยสาร
ไม่มีกำหนดเวลาใหม่
เพื่อนพยายามถามกราวน์ และเจ้าหน้าที่สนามบิน ก็ไม่มีใครให้คำตอบ
และที่สำคัญกว่าคือ เค้าพูดภาษาอังกฤษกันแทบไม่ได้เลยยยยยยยยย
เราเลยแชทไปบอกทางโรงแรมที่แชงกรีล่าก่อนว่า เครื่องดีเลย์นะ ไม่มีกำหนดเวลา ถ้าขึ้นเครื่องได้แล้วจะบอกอีกที
อ้อ รอบนี้ใช้ Sim2Fly เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมันได้ปริมาณเน็ตกับวันใช้งานมากขึ้น เป็น 6GB 10 วัน
ระหว่างรอ ก็เดินไปเดินมา
ตรงตารางที่บอกไฟท์และเกท ก็ไม่มีการอัพเดทไฟท์ของเราเลย
เลยไปเช็คในเว็บของ Trip, เว็บของสายการบิน, และเว็บของสนามบิน
ซึ่งข้อมูลเที่ยวบินของเว็บของสายการบิน และ Trip ตรงกันอยู่ (น่าจะมีการ Syncs ข้อมูลกัน)
แต่เว็บของสนามบินไม่ตรง
ซึ่งจากข้อมูลเที่ยวบิน มันเลื่อนไปเรื่อยๆ แบบว่าพอถึงเวลาที่ประกาศบนเว็บ แต่ยังบินไม่ได้ ก็เลื่อนเวลาออกไป แต่ในเว็บสนามบินจะไม่มีการอัพเดท
เราเลยพยายามเฝ้าอยู่ที่เกท 20 กลัวจะตกเครื่อง
สัก 10 โมงกว่าๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ เรียกให้ไปรับขนม เป็นเสบียงของเหล่าผู้ประสบภัย
ระหว่างนั้นในเพจเที่ยวจีน ก็เริ่มมีคนบ่นๆ ว่าเครื่องดีเลย์บ้าง เครื่องยกเลิกบ้าง
เลยไปเช็คเว็บสนามบินอีกรอบ พบว่า เครื่องที่บินลงแชงกรีล่าเกือบทั้งหมด ดีเลย์
คงสภาพอากาศไม่ดีจริงๆ
แต่เราค่อนข้างไม่พอใจกับการจัดการในสนามบิน
เพราะกราวน์ไม่บอก ไม่แนะนำอะไรเลย
พอไปถามทีไร ก็บอกว่า No Time ตลอด
ไม่แนะนำว่าต้องทำอะไร รอที่ไหน จะมีประกาศบอกรึเปล่า จะมีเปลี่ยนเกทมั้ย
ทำอะไรไม่ได้ ก็นั่งเฝ้าเกทไป
เลื่อนไป 5 ชม. เรานี่เปิดเน็ตหาวิธีเคลมประกันรอแล้ว
ปรากฎว่า ประกาศขึ้นเครื่องหน้าเกท ตอนนั้นเลย
เคลมประกันไม่ได้เพราะ ไม่ถึง 6 ชม.
แต่ตอนประกาศคือ มีแค่หน้าจอตรงเกท 20 เท่านั้น ที่บอกว่าไฟท์เราขึ้นเครื่องได้แล้ว
ส่วนบอร์ดสนามบินที่บอกไฟท์บินต่างๆ ไม่มีเที่ยวบินของเราเลย
แล้วเราก็ไม่ได้ยินเสียงประกาศด้วย (อันนี้อาจจะพลาดเองที่ฟังไม่ดี)
ยังไงก็ตาม เราได้บินแล้วเฟร้ยยยยยยยยยย (แต่ทำไมไฟท์ที่ต่อจากเราได้บินก่อนหว่า???)
แอร์บอกให้เอากระเป๋าเรามานั่งข้างๆ รัดเข็มขัดให้ด้วย |
เครื่องใช้เวลา 1 ชม. กว่าๆ ก็ถึงสนามบินตี๋ชิง
แชงกรีล่า Shangri-La [迪庆香]
เรียกอีกชื่อว่า จงเตี้ยน Zhongdian [中甸]
แต่สนามบินชื่อว่า สนามบินตี๋ชิง Diqing Shangri-La Airport [迪庆香格里拉机场] (DIG)
ลงเครื่องปุ๊บ รู้สึกได้ถึงอากาศเย็นๆ และรู้สึกเหนื่อยๆ ไม่รู้ว่านอนน้อยหรืออากาศน้อย
แต่ก็พยายามสูดอากาศเข้าไปเยอะๆ เคลื่อนที่ช้าๆ
เนื่องจาก แชงกรีล่า เป็นเมืองที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก
ประมาณ 3,200 เมตร ทำให้มีอากาศค่อนข้างเบาบาง
ซึ่งมนุษย์พื้นราบอย่างเราอาจจะไม่ชิน และอาจจะเกิดอาการแพ้ที่สูง Altitude Sickness (AMS) ได้
มันคือ อาการของการขาดอ็อกซิเจนบนที่สูงนั่นเอง
ซึ่งอาการแก้ที่สูงนั้น สามารถเกิดได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่เกี่ยวกับความแข็งแรงของร่างกาย
และบอกไม่ได้ว่าคนแบบไหนจะมีอาการบ้าง
แต่ถ้าเป็นมากๆ ก็อาจถึงตายได้
เราได้เตรียมตัวรับมือกับอาการนี้ ด้วยการไปปรึกษาหมอที่คลีนิกเวชศาสตร์เขตร้อน
และหมอได้จัดยา Diamox มาให้
กินครั้งละ 125 mg วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ให้ห่างกันประมาณ 12 ชม.
กินล่วงหน้าก่อนเดินทาง 1 วัน และกินต่ออีก 2 วันหลังจากลงจากที่สูงแล้ว
คือ ได้กินตลอดทริปอ่ะ
และได้รับคำแนะนำว่า หากมีอาการหนักๆ ให้รีบลงมาจากที่สูงทันที
หลังจากรับกระเป๋าเสร็จก็เดินออกมาในโซนผู้โดยสารขาเข้า
มีคนถือป้ายชื่อเรามารออยู่แล้ว
เป็นรถที่ทางโรงแรมส่งมานั่นเอง
คนขับช่วยยกกระเป๋าไปที่รถ
จากสนามบินมาถึงโรงแรมใช้เวลาประมาณ 15 นาที
โรงแรมเราชื่อ Home Away From Home
ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าแชงกรีล่า Dukezong Ancient Town [独克宗古城]
มาถึงโรงแรม ก็ไปที่ห้องล็อบบี้
ยื่นเอกสารการจอง Passport แล้วก็จ่ายเงิน
จากนั้นพนักงานก็พาไปที่ชั้น 2
ดูรายละเอียดรีวิวโรงแรมได้ที่นี่ > รีวิวโรงแรม Home Away From Home 香格里拉古城远方的家客栈 @Shangri-La
หลังจากเก็บของเรียบร้อย
ก็ลงมาหาอะไรกิน
สั่งพิซซ่าของทางโรงแรมมา
คุณหมิวเป็นคนทำให้
รสชาติโอเคเลย แต่ช้าหน่อย เพราะต้องรอเตาร้อนก่อน
กินเสร็จก็ประมาณ บ่ายสามกว่าๆ
ตอนแรกแพลนว่าวันนี้จะไปวัดซงจ้านหลิน
แต่วัดปิด 18.00 ซึ่งถ้าไปตอนนี้จะมีเวลาเที่ยวนิดเดียว
เลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า รู้สึกเหนื่อยด้วยแหละ
เปลี่ยนใจไปเดินเล่นในย่านนี้ดีกว่า
โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากวัดต้าฝอ
เดินออกจากโรงแรม เลี้ยวขวา
ไปถึงสี่แยก ก็เลี้ยวซ้าย
เดินผ่านซุ้มประตู
เดินผ่านลานจอดรถ
จะเจอลานกว้าง หน้าวัดต้าฝอ
จากนั้นก็เริ่มเดินขึ้นวัด
รู้สึกได้ถึงความเหนื่อย
คือปกติเดินขึ้นบันได ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
แต่นี่ เดิน 4-5 ก้าว หอบแดกเลยจ้า
ต้องค่อยๆ เดินขึ้น แล้วพักบ่อยๆ
จากด้านหน้าวัด เรานึกว่าบันไดจะจบลงแค่นี้เท่านี้
แต่เปล่าจ้า มันมีบันไดขึ้นต่อไปอีก
โดยให้เดินไปทางซ้าย จะมีบันไดทางขึ้น (ทางขวาเป็นบันไดทางลง)
ระยะทางยาวกว่าเดิมด้วย แฮ่กๆๆๆๆๆๆ
พอไปถึงต้องนั่งพักยาวๆ
จากนั้นก็จะเจอ กงล้อสีทอง แลนด์มาร์คประจำวัด
โดยบริเวณนี้ยังสามารถชมวิวในย่ายเมืองเก่าได้ด้วย
วัดต้าฝอ (Dafo Temple) 大佛寺
ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตเมืองเก่าของแชงกรีล่า เป็นวัดทิเบตขนาดไม่ใหญ่โตนัก
มีกงล้อธรรมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คนมักเรียกว่า "กงล้อมนตราทองคำ"
"กงล้อมนตราทองคำ" น้ำหนัก 60 ตัน สูง 19 เมตร
จารึกบทสวดมนต์หลายล้านตัวอักษร
เขาบอกว่าการหมุนกงล้อนี้เปรียบเสมือนได้สวดมนต์โดยไม่ต้องสวดเอง
แต่การจะหมุนกงล้อ ก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ นะ
เพราะมันหนักมาก ความสามัคคีต้องมา ต้องรวมคนให้ได้ประมาณ 8-10 คน ถึงจะหมุนกงล้อนี้ได้
เวลาทำการ: 24 ชม.
ค่าเข้า: ฟรี
เราไม่แน่ใจว่าต้องหมุนกี่รอบ แต่ครั้งแรกก็หมุนไป 3 รอบ
แล้วว่างๆ ก็ไปช่วยเค้าหมุนบ้าง จนไม่แน่ใจแล้วว่าจริงๆ หมุนไปกี่รอบ
อ้อ มีบางที เหมือนไปช่วยหมุนอ่ะ แต่ไม่ได้ออกแรง โดนดึงไปเอง เอ๊ะ ยังไง 5555
นอกจากนี้ยังมี Big Buddha ซึ่งมีความสูงกว่า 15 เมตร ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้
ซึ่งคำว่า "ต้า" หมายถึงใหญ่ ส่วนคำว่า "ฝอ" หมายถึง พระ
ภายในถ่ายรูปไม่ได้ เลยไม่ได้ถ่ายมา
หลังจากหมุนกงล้อ และไหว้พระเสร็จแล้ว
ก็เดินเล่นรอบๆ วัด ซึ่งพื้นที่ไม่ได้มากมายอะไร
รอบๆ วัดมักจะประดับธงมนต์ สีสันสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของวัดแถวทิเบต
จากนั้นก็ลงจากวัด มาเดินเล่นที่ย่านเมืองเก่าบ้าง
พอสัก 5 โมงเย็นก็กลับไปที่โรงแรม
ไปพบกับผู้ร่วมทางของเราอีก 2 คน
เรารู้จักพี่ทั้งสองคนจากกลุ่ม เที่ยวด้วยตัวเอง แชงกรีล่า-ย่าติง (Dali-Lijang-ShangriLa - Daocheng ) ใน Facebook ซึ่งมีการประกาศหาเพื่อนร่วมทางเพื่อเหมารถไปย่าติง
โชคดีที่เจอคนที่มีแพลนไปย่าติงวันเดียวกัน
พูดคุยกันสักพักเราก็ไปพักผ่อนในห้องแป๊บนึง
แอบเล่นกันน้องแมวด้วย
น้องน่ารัก
ไล่หนูมาเข้าห้องเราเฉ้ยยยยย
จากนั้นก็พากันไปกินข้าว
โดยหาร้านอาหารจากในเพจเที่ยวจีนแหละ
มีร้านที่ไม่ไกลจากลานกว้าง ที่เค้ามาเต้นๆ กัน ใกล้ๆ ประตูทางทิศเหนือ
ร้านชื่อ Tsing Moon Kitchen 青木廚房
เป็นร้าน เอ่อ หม้อไฟแบบทิเบตมั้ง
มีทัั้งหม้อไฟ และปิ้งย่าง
โชคดีที่พี่เปิ้ล หนึ่งในผู้ร่วมทางของเราพูดภาษาจีนได้
สวรรค์โปรดมาาาาาาาาาาาาาาาาก
โยน Google Translate ทิ้งไปเลย
จะมีหม้อซุปที่มีผักกับเนื้อไก่มาให้
แล้วก็มีชุดผักกับเบคอนและเนื้อ แยกใส่จาน เอาไว้ย่างกับกะทะรอบๆ หม้อซุปอีกที
ตอนย่างเค้าก็ไม่ได้ย่างกับเตาตรงๆ นะ
จะมีแผ่นกระดาษรองก่อน แล้วค่อยเอาของไปย่าง
อาหารรสชาติดี ราคาไม่แรงมาก
เหมาะกับอากาศหนาวๆ แบบนี้
สรุปแล้วหมดไป 270 หยวน
หลังกินเสร็จ ก็ไปดูเค้าเต้นที่ลานกว้าง
แล้วไปวัดต้าฝออีกรอบ
ตอนกลางคืนเค้าจะประดับไฟ สีสันสวยงาม
ไฟประดับต้นไม้จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
เดินขึ้นวัดอีกรอบ (ไหนว่าเหนื่อย)
แล้วก็ไปหมุนกงล้ออีกแล้ววววววว
รู้สึกว่าตอนกลางคืน วัดนี้จะคึกคักมากว่าตอนกลางวันเสียอีก
แทบไม่ต้องรวบรวมสมาชิกเพื่อหมุนกงล้อเลย มีเข้ามาตลอด
และที่สำคัญ วัดเปิด 24 ชม.
เคยมาดูตอน 4 ทุ่ม ยังมีคนหมุนกงล้อกันอยู่เลย
จากนั้นก็ถ่ายรูปกันอยู่หน้าลานหน้าวัดนั่นแหละ
ก่อนจะเดินกลับโรงแรม
แล้วก็แวะซื้อของที่มินิมาร์ท เพราะพรุ่งนี้ ต้องออกตั้งแต่ 7 โมงงงงงงง
ได้เวลาเตรียมเสบียง
ใกล้ๆ มินิมาร์ทมีร้านขายยา
เราซื้อกระป๋องอ๊อกซิเจนแบบใช้ได้ 500 ครั้ง ราคา 49 หยวนมาด้วย
มันมีให้เลือก 2 แบบ แบบ 200 ครั้ง 25 หยวน กับแบบ 500 ครั้ง 49 หยวน
ขนาดเท่ากัน น้ำหนักเบาหวิวเหมือนกัน (มันมีอ๊อกซิเจนอยู่แน่หรอ)
เลยซื้อแบบที่ใช้ได้เยอะๆ ไปเลยดีกว่า
จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
ค่าใช้จ่ายประจำวันต่อคน
ค่าอาหาร
- ข้าวเช้า (KFC) 13 หยวน
- ข้าวกลางวัน (พิซซ่า) 42 หยวน
- ข้าวเย็น (หม้อไฟ) 68 หยวน
ค่าจิปาถะ
- ขนมในมินิมาร์ท 18 หยวน
- อ๊อกซิเจนกระป๋อง 49 หยวน
ค่าโรงแรม 160 หยวน
รวม 350 หยวน
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
รีวิวที่เที่ยว
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 0-1 มุ่งสู่แชงกรีล่า [Shangri-La 迪庆香]
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 2 มุ่งสู่รื่อหว่า [Riwa 日瓦乡]
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 3 "Yading" Shangri-La แห่งสุดท้าย (รูทยาว ทะเลสาบน้ำนมกับทะเลสาบห้าสี)
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 4 "Yading" Shangri-La แห่งสุดท้าย (รูทสั้น ทะเลสาบไข่มุก)
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 5 กลับสู่แชงกรีล่า [Shangri-La 迪庆香]
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 7 มุ่งสู่ลี่เจียง [Lijiang 丽江] เดินไปกินไปในเมืองโบราณ
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 9 มุ่งคุนหมิง [Kunming 昆明]
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 10 กลับเมืองไทย
รีวิวโรงแรม
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Home Away From Home 香格里拉古城远方的家客栈 @Shangri-La
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม No.9 Space Capsule Youth Hostel 九号太空舱青年旅社 @Riwa
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Xiangyue Shenghu Inn 稻城亚丁相约圣湖客栈 @Riwa
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม Riverside Qiji Guesthouse 丽江宝祥居客栈 @Lijiang
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : รีวิวโรงแรม The Hump Hostel 驼峰客栈 @Kunming
รีวิวอื่นๆ
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : สรุปการเดินทาง และค่าใช้จ่ายทั้งหมด
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : จิปาถะ การเดินทาง และที่เที่ยวอื่นๆ
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน
➤ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ว่าด้วยห้องน้ำจีน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น