ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【เชียงใหม่】 ฤดูล่าเสือ

พอพ้นช่วงปีใหม่มา ก็เข้าสู่ฤดูการสีชมพูแห่งการไล่ล่าดอกพญาเสือโคร่ง

และนี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นจะได้เห็นดอกพญาเสือโคร่งกับตาตัวเองสักที

หลังจากที่ส่องตามเฟสชาวบ้านมานานหลายปี 😆

เริ่มต้นด้วย การเดินทางไปเชียงใหม่

ครั้งนี้ไม่มีรีวิวที่พัก เพราะแอบเนียนไปนอนบ้านน้อง และบังคับให้มันพาเที่ยวด้วย 😁5555

ค่าตั๋วก็ไม่ได้ถูกเลย เพราะอยู่ๆ ก็อยากไป แล้วก็ซื้อตั๋วเลย ไม่รอโปร

โชคดีได้โค้ดส่วนลด Traveloka มานิดหน่อย

Day 1 เสาร์ที่ 4 กพ. 

แอบลุ้นอยู่ว่าจะเจอจุดฟูๆ บ้างไหม เพราะปกติช่วงพีคจะอยู่กลางๆ ปลายๆ เดือนมกรา

วันนี้จะเริ่มจากการไปล่าเสือ เส้นทางดอยอินทนนท์

ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 3 ชม. 

ออกเดินทางตั้งแต่ 10 โมง ไปถึงเกือบบ่าย

จุดแรก ไหว้หลวงพ่อทันใจ ที่พระธาตุดอยคำ

หลวงพ่อทันใจ พระธาตุดอยคำ

จุดแรกนี้ยังไม่ถึงดอยอินทนนท์นะ แต่น้องบอกว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว ไหว้พระกันหน่อยดีกว่า

พระธาตุดอยคำ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านการขอพร บนบาน และเป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่าพันปี 

น้องบอกว่า วันนี้โชคดี คนน้อยแล้ว

ปกติแล้วหาที่จอดรถแทบไม่ได้ 

มีคนขายดอกมะลิกันเป็นล่ำเป็นสัน เพราะเค้าใช้ดอกมะลิในการแก้บน

ด้านหน้าหลวงพ่อทันใจ จึงมักจะเต็มไปด้วยดอกมะลิ ที่ผู้ศรัทธานำมาถวาย

ระวังเรื่องป้ายราคาของมะลิ 

ถ้าเห็นราคาถูกมากๆ บอกได้เลย พวงเล็กนิดเดียว ไม่ใช่พวงใหญ่ๆ ที่วางโชว์หรอก

จุดที่สอง จุดชมวิวดอยผาตั้ง

เส้นทางค่อนข้างชัน และคดเคี้ยว แต่ถนนเป็นลาดยาง รถเก๋งขับขึ้นไปได้

จุดชมวิวดอยผาตั้ง

จากรีวิว จะมีจนท. พาแกะมาเดินเล่นแถวนี้ หลายคนเลยเรียกว่า ม่อนน้องแกะ

จากรีวิวบอกว่าปล่อยแกะประมาณ 10.00-15.00 น. 

แต่ไปถึงตอนเที่ยงๆ ไม่มีแกะแล้ว 😪

เพราะเค้าต้อนแกะกลับเข้าฟาร์มไปเรียบร้อย สงสัยจะกลัวแกะร้อน

ที่นี่มีดอกพญาเสือโคร่งบานประปราย 

มีต้นนึง ชมพูมาก ที่เหลือก็ มีใบแซมบ้าง ถ้าดอกบานพร้อมกันคงจะดี

เพราะมีหลายต้นอยู่นะเนี่ย 😊

อากาศดีมาก ไม่มีเมฆเลย (พูดอีกอย่างนึงคือ ร้อนมากค่ะ!)

จากจุดนี้ เราไปล่าแกะกันบ้าง 🐑🐑🐑🐑🐑

ขับรถไปไม่ไกล จะเจอฟาร์มเลี้ยงแกะทางขวามือ

ที่จอดรถน้อย (คงไม่ได้จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรอก แต่นักท่องเที่ยวมากันเอง 55)

ที่ไหนๆ ในประเทศไทยก็มีแกะจริงๆ 😁555

เป็นช่วงเวลาที่เค้าให้อาหารแกะพอดี

อาหารก็จะเป็นกะหล่ำปลี ฉีกๆ กองไว้เป็นจุดๆ

แกะก็จะกรูเข้ามากินกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจมนุษย์กล้องรอบๆ เลย

แกะดูจะไม่ค่อยกลัวคน แต่ออกจะรำคาญมากกว่า เวลามีคนเข้าไปใกล้ๆ จะพยายามเดินหนี 

มีแกะน้อยน่ารัก ที่ไม่รู้ว่ากินกะหล่ำเป็นหรือยัง ร้องเสียงดังมาก น่าจะร้องหาแม่อยู่

จากจุดนี้จะไปต่อกันที่ ขุนวาง

แวะทานข้าว หน้าโรงเรียนบ้านขุนกลางก่อน

แต่จุดนี้ พญาเสือโคร่งบานสวยมาก

ชมพูทั้งต้นเลย มีประมาณ 10 กว่าต้น 🌸

กินข้าวเสร็จก็แวะถ่ายรูป

จุดสุดท้าย ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี

แต่จุดนี้ต้องผิดหวัง เนื่องจากไม่มีดอกพญาเสือโคร่งแล้ว มีแต่ต้นเขียวๆ เลยไม่ได้แวะถ่ายรูป

และเนื่องจากใกล้จะ 4 โมงเย็นแล้ว

เลยต้องขับรถกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่

ตอนหัวค่ำ ก็แวะเที่ยวงานไม้ดอกไม้ประดับก่อน

ตรงนี้ก็มีดอกไม้สวยๆ เยอะเหมือนกัน

งานมหกรรม ไม้ดอก~ไม้ประดับ @ สวนบวกหาด

จัดที่สวนบวกหาด ไม่ไกลจากถนนวัวลาย

คนเยอะมาก

ไฮไลท์คือ ดอกทิวลิป กับ ดอกลิลลี่ เนี่ยแหละ

จริงๆ เห็นว่ามีกุหลาบพันปีด้วยนะ แต่เราหาไม่เจอ

จากนั้นก็เดินเล่นที่ถนนคนเดินวัวลาย (ถ้าเป็นวันอาทิตย์จะมีถนนคนเดินที่ประตูท่าแพ)

แวะไหว้พระที่วัดศรีสุพรรณ แถวถนนคนเดินไปด้วยเลย

วัดศรีสุพรรณ และ ถนนคนเดินวัวลาย

น้องบอกว่า วันนี้โชคดี คนน้อยอีกแล้ว เดินสบายเลย

คงเพราะคนแห่กันไปเที่ยวงานดอกไม้กันหมด ตอนเรามาเลยยังไม่ค่อยมีคน

ตอนดึกๆ คนถึงกลับมาเดินที่ถนนคนเดินกัน

เสร็จแล้วก็กลับมาที่บ้านน้อง

และเพิ่งมารู้จากคนรู้จักว่า 

เรายังไปไม่ถึงขุนวาง 😮!!!!!

คือ ขุ่นน้องเข้าใจผิด คิดว่า ขุนวางที่เราบอกคือ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี

ซึ่งจริงๆ แล้วต้องขับรถต่อไปอีกประมาณครึ่งชม.

ตอนแรกจะไปเที่ยวแถวเชียงดาววันพรุ่งนี้

แต่คิดใหม่ กลับไปล่าเสือต่อดีกว่า ก็ชั้นมาเพื่อการนี้นี่นา

Day 2 อาทิตย์ที่ 5 กพ. 

วันที่ 2 ขับรถกลับไปที่เส้นทางดอยอินทนนท์

(จะไปทำไมหลายรอบเนี่ยยยยยยยย 😓)

จุดแรก ขุนวาง

รอบแรกไปไม่ถึงขุนวาง ไปอีกรอบ

ชื่อจริงคือ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง)

ก่อนจะถึง จะเจอ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง ซึ่งเป็นคนละที่กัน แต่อยู่ใกล้กัน

มีหลายคนสับสนและหลงเข้าไป (พวกเราก็เช่นกัน)

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเหมือนกัน 

แต่เป็นพวกแปลงเกษตร อาจจะมีพญาเสือโคร่งบ้าง แต่ไม่อุโมงค์แบบที่เค้ารีวิวกัน

ทางลงชันมาก ควรจอดรถไว้ ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน

ส่วนศูนย์วิจัยเกษตร มีที่จอดรถเยอะอยู่ ด้านหน้ามีตลาดขนาดใหญ่

ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง)

ข้างในจัดสวนไม่ใหญ่มาก

ถ้าจะเดินชมพญาเสือโคร่ง ต้องเดินต่อไปอีกหลายร้อยเมตร 

ทางเป็นลาดยาง มีทั้งขึ้นเนินและลงเนิน

มีพญาเสือโคร่งอยู่หลายต้น ตรงทางสามแยก คนจะเยอะสุด 😥

ควรเลี่ยงไปบนสุดหรือล่างสุด คนจะน้อยกว่า (เพราะคนขี้เกียจเดินกัน มันเป็นเนิน)

จากตรงสามแยกมหาชน

เราเดินไปด้านล่างก่อนเลย เพราะคนน้อยมาก ถึงไม่มีเลย

จากนั้นเดินกลับไปด้านบนสุดดูบ้าง

จุดที่สอง กิ่วแม่ปาน

ปิดให้เดินชมธรรมชาติ 16.00 น. (แต่กลับกี่โมงตามใจ)

ไปถึงตอน 15.55 พอดี๊พอดี (ลุ้นสุดตัวเลย) 😉

กิ่วแม่ปาน

จนท. บอกว่าต้องมีคนพาเดิน กลุ่มละ 1 คน ค่าใช้จ่าย 200 บาทต่อกลุ่ม

ทางเดินจะเป็นวงกลม มีระยะทางประมาณ 3 กิโล

แต่ทางไปจุดชมวิวที่เค้าดราม่ากันอยู่ที่ กิโลที่ 1

ก่อนขึ้นไป อย่าลืมหยิบไม้ค้ำไปด้วย เป็นตัวช่วยที่ดี

ทริปนี้เราจะมีพี่ไกค์เป็นนายแบบ (ก็เค้าเดินนำอยู่ข้างหน้า 😌)

เส้นทางเดินป่า เจอน้ำตก ต้นไม้ใหญ่ แล้วก็มีขึ้นเนินบ้าง แต่ทางเดินทำไว้ดี

ใกล้จุดชมวิว จะเจอทุ่งหญ้า 

ไปถึงจุดชมวิวตอนเย็น ไม่ค่อยมีคนเลย มีความเป็นส่วนตัว แต่ย้อนแสงมาก

ถ้าอยู่จนถึงพระอาทิตย์ตกดินได้ก็ดี แต่ระวังขากลับจะมืดเกินไป

เลยกลับก่อน เพราะกว่าพระอาทิตย์จะตกก็อีกชม.นึงแน่ะ

ขากลับเดินสามารถเลือกได้ว่าจะเดินต่อหรือเดินกลับทางเดิม

ถ้าเดินต่อ ต้องเดินอีก 2 กิโล
แต่ถ้าเดินกลับ เดินอีกแค่ 1 กิโล
น้องๆ คงเดินกันไม่ไหวแล้ว กลับทางเก่าก็ได้ 😋555

จากนั้นก็ขับรถกลับมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่

ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมง กว่าจะถึงเวลาเครื่องออก

แวะกินข้าว เดินตลาดนัดแถวมช. ก่อนกลับ

ขึ้นเครื่องห้าทุ่ม ถึงกรุงเทพ ตี 1 และต้องไปทำงานต่อด้วย โอ้วแม่เจ้า 😥

จะมีสติในการทำงานมั้ยน๊าาาาาาาา

บ๊ายบายเชียงใหม่ รอบหน้าชั้นจะหาตั๋วโปรมาให้จงด๊ายยยยยย 😀