ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Family Trip @สิงคโปร์ -- บันทึกการเดินทาง


ปล. รูปน้อย เนื้อหาเยอะ


บทนำ


Family Trip ครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยความอยากของขุ่นแม่
ที่บ่นอยากไปเที่ยวสิงคโปร์ตลอด
แต่พอจะจองตั๋ว ดันกลัวเปลืองตังค์ 😑

สุดท้ายขุ่นลูกเลยต้องจัดให้
ลากกันไปทำพาสปอร์ต (ของเก่าเราหมดอายุพอดี 😋)
เสียตังค์ไปแล้วสเต็ปแรก สเต็ปต่อไปก็ตามมา
รอโปรดีๆ ก็จัดไปค่ะ

JetStar ออกโปรบ่อย ทุกวันศุกร์
ช่วงแรกๆ ก็ออกเดือนละครั้ง
ช่วงหลังๆ แม่มออกทุกอาทิตย์เลย 😑

จองผ่าน Traveloka เพราะมีส่วนลด ให้ กี่ % จำไม่ได้ (15-20%)
แต่จองแยกกันไป เพราะได้ส่วนลดเยอะกว่าแน่นอน
ขาไป 1100 บาท
ขากลับ 1400 บาท
สิริรวมแล้วก็ ค่าตั๋วอย่างเดียว 2500 เอ๊ง 😆
แต่เดี๋ยวก่อน! ไปทั้งที ซื้อนน. กระเป๋าไปด้วยเลยละกัน เพราะขุ่นแม่เป็นคนไม่แบกของเอง 555

ครั้งนั้นจ่ายไปประมาณ คนละ 2800 บาท รวมกระเป๋า
จากนั้นไปเลือกที่นั่งวันใกล้ๆ เดินทาง อีกคนละ 300 บาท
สรุปจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน นน. กระเป๋า ที่นั่ง เป็น 3100 บาท
ถูกที่สุดเท่าที่เคยบินมา (ปกติไป 3300 บาท ไม่รวมนน. ไม่รวมที่นั่ง)

ขั้นตอนถัดไป หารร.
เลือกรร. ย่านคุ้นเคย
เกลัง 5555

ถึงจะเป็นย่านโคมแดง แต่ของเค้าก็ถูกจริงนะเออ
แถมรร. ยังไม่ใช่รร. รูหนู

เลือกไปเลือกมา
สุดท้ายได้ Bright Star Hotel
มีห้อง Triple ห้องน้ำส่วนตัว ไม่ไกลป้ายรถเมล์เท่าไหร่
แถมราคาถูกสุด ในบรรดา คะแนนรีวิวที่เลือกไว้
จองผ่าน Agoda ตอนแรกได้ราคา 5600 บาท
แต่เลือกจ่ายทีหลัง สุดท้ายเสียไป 5800 บาท

ก่อนวันเดินทางก็เตรียมข้าวของ ใบจองต่างๆ ประกันภัยการเดินทาง ซิมการ์ด หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองฐานะทางการเงิน แพลนเที่ยว หลักฐานความสัมพันธ์ต่างๆ (เพราะนามสุกลภาษาอังกฤษ ดั๊นไม่เหมือนกันซะนี่)

อาจจะดูเยอะ แต่เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าที่ไหน ก็เตรียมไปประมาณนี้อยู่แล้ว (ยังกะจะทำวีซ่า)
เอาให้ชัวร์ จะได้ไม่มาวุ่นวายทีหลัง

ซิมการ์ดเลือก Sim2Fly เพราะเคยใช้แล้วโอเคอยู่
แต่ต่อไปอาจจะย้ายไปใช้ของ True เพราะราคาถูกกว่าตั้ง 100 นึง (เพื่อนใช้แล้วบอกว่าโอเค)
AIS ทราบแล้วเปลี่ยน(ราคา) ด้วยค่ะ 555



Day 1 - วันเดินทาง


วันแรก เราจะเดินทางจากสุวรรณภูมิตอนบ่ายๆ ไปถึงเย็น
เสียเวลาเที่ยว 1 วัน
แต่เรามากับคนแก่ ควรให้ไปถึงแล้ว เข้าที่พักเลย จะได้ปรับสภาพไปในตัว

เช็คอินสายการบินเรียบร้อย
เจอระบบตรวจสอบต่างๆ ก็ต้องเทรนกันหน่อย
ขุ่นแม่ก็จะงงๆ ไปตามระเบียบ 😐

ถึงตอนตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติ
ของขุ่นแม่ใช้ไม่ได้จ้าาาาา 😱
เพราะไม่มีข้อมูล วันที่กับเดือนเกิด

เลยได้เข้าช่องแมนนวล
ข้อดี คือ ได้ตราประทับ 5555

ของกินที่สุวรรณภูมิ แพงมากกกกกก
ขุ่นนายแม่ บ่นๆ ตลอด
เลยลากเข้าไปในเลาจ์ของ King Power (ถือบัตรมานาน เพิ่งเคยได้ใช้)
ตอนนี้มีเลาจ์ทั้งสองฝั่งแล้ว
พาผู้ติดตามเข้าไปได้แค่คนเดียว แต่พ่อไม่หิว เลยรอข้างนอก

ของกินจะมีพวกซาลาเปาไส้ต่างๆ น้ำอัดลม ชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำสมุนไพร
เกี๊ยมอี๋น้ำ ขนมปัง เค้ก คอนเฟล็ก ป๊อบคอร์น สลัดผัก

 

 


ถึงเวลาขึ้นเครื่อง
ตื่นเต้นพอสมควร
ช่วงนี้พายุเข้าด้วย เครื่องเล็ก กลัวมันสั่นๆ 😰



แต่พอบินจริงๆ ก็ไม่สั่นเท่าไหร่นะ
ที่นั่งแคบหน่อย แต่นั่งได้ ไม่อึดอัด
ถ้าพ่อไม่บ่น คือโอเคแหละ เพราะพ่อ งอเข่าไม่ค่อยได้
แต่ชอบบ่นเรื่องเครื่องบินลำเล็ก เพราะแกเคยนั่งแต่เครื่องบินหญ่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย



เครื่องถึงสนามบินชางฮี Terminal 1 ตอน 6 โมงหน่อยๆ ยังไม่มืด
มาถึงตม.
คนโล่งมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก 😆
คือ เดินไปถึง เข้าไปยื่นพาสปอร์ตได้เลย เพราะไม่มีคิว

ไปทำเปิ่นๆ ใส่เค้าอีก 😅
เพราะพ่อแม่พูดอังกฤษไม่ได้ (ขุ่นลูกก็ใช่จะได้นะ 555)
เลยขอเค้าเข้าไป 3 คน
แต่จนท. คนที่จัดคิว บอกว่าต้องเข้าไปทีละคน

อ่ะ จัดคิวใหม่ (ทำตัววุ่นวายอยู่ตรงแถว ตม. ก็ชะเง้อคอย 55)
ให้พ่อเข้าไปก่อนละกัน

สักพักจนท. ด้านในที่ตรวจพาสปอร์ตพ่อ ก็กวักๆ มือเรียก
จนท. ด้านนอกก็ให้เรากับแม่เข้าไป

จนท. ด้านในก็สั่งให้หยุดๆ แล้วให้ถอยไป
เราก็งงๆ อะไรฟระ
สักพักเค้าก็เรียกชื่อเรา
...
...
สรุป เอาพาสปอร์ตให้พ่อผิดเล่ม 😅😅😅😅😅
ที่อยู่กะพ่อ นั่นเล่มของเราเอง 5555

เปลี่ยนพาสปอร์ตเสร็จก็ให้เรากับแม่ไปยืนรอที่แถวก่อน (ยังไม่มีคิวเหมือนเดิม)
จากนั้นก็กวักมือเรียกทีละคน

ไม่มีคำถามใดๆ ทั้งสิ้น
ปั้มๆ ตรา พิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วก็ผ่านสบายๆ
เอกสารที่เตรียมมา หาได้เอามาใช้ไม่ 😊

จากนั้นก็เดินตามป้าย SkyTrain ไปเรื่อยๆ
นั่ง Sky Train ไปยัง Terminal 2
เพื่อไปนั่งรถไฟใต้ดินสายสีเขียวเข้าที่พัก

พ่อกับแม่ก็จะดูงงๆ กะ MRT หน่อย
กลัวประตูหนีบด้วย
โชคดีที่ประตูกั้น มันปิดช้า
ถ้าเป็นที่ไทย โดนหนีบแน่นอน

เส้นทาง Changi Airport -> Tanah Merah -> Aljunied
ปล. ตอนเปลี่ยนสายที่ Tanah Merah ให้ลงฝั่งซ้าย

รถ MRT วิ่งประมาณ 30 นาที ก็ถึงที่หมาย
มาหาอะไรกินก่อน เป็นข้าวมันไก่ สไตล์มาเลย์ มั้ง ราคาประมาณ 3$ น้ำเปล่า 1.5$

 


แล้วก็นั่งรถเมล์สาย 62, 63, 80, 100, 158 ไป 1 ป้าย
ลง 80089 - Bef Lor 18 Geylang
แล้วเดินต่อไปอีก 400 เมตร



เช็คอินโรงแรมเรียบร้อย
กว่าจะได้เข้าห้องพักก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ

ลงไปสำรวจซุปเปอร์มาเก็ตสักหน่อย ชื่อ Sheng Siong
เปิด 24 ชม.

 


ชั้นล่างจะเป็นพวกของสด ผัก ผลไม้
ชั้นบนเป็นขนม น้ำ อาหารแห้ง ของใช้ต่างๆ
ราคาค่อนข้างถูก  แพงกว่าไทยไม่มาก
น้ำขวดเล็ก ราคาขวดละประมาณ 10 บาท
โค้กก็กระป๋องละประมาณ 20 บาท
ผลไม้ก็ไม่แพงเท่าไหร่
ฟินนนนนนนนนนน

 


 

 

ฝันดี คืนแรก



Day 2 - Marina Bay


เช้าวันถัดมา
ตื่นเช้าหน่อย
ไปสำรวจแถว Marina Bay
นั่งรถเมล์ สาย 100 จาก 80089 - Bef Lor 18 Geylang
ไปลง 03019 - OUE Bayfront, Collyer Quay (14 ป้าย)
แล้วเดินย้อนกลับมา 400 เมตร (แนะนำเดินริมน้ำ)



ขุ่นแม่ดูตื่นตาตื่นใจกับตึกสูงๆ ที่นี่มาก
ส่วนขุ่นพ่อจะสนใจพวกน้ำพุต่างๆ

 


เดินย้อนมาเรื่อยๆ ถึง Merlion Park
เปิด 24 ชม. แต่มีบางช่วงที่ Merlion ปิดปรับปรุง ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่มันจะปิด

 



คนยังน้อยๆ อยู่
ถ่ายรูปกันชิวๆ

 








จากนั้นก็ไปกินข้าวกันที่ Lau Pa Sat
เดินกลับไปที่ป้ายเดิม
นั่งรถสาย 10, 57, 70, 75, 100, 130, 131, 167, 196, 700 ไป 1 ป้าย แล้วเดินต่อ



เป็นศูนย์อาหารเปิด 24 ชม.
แต่ก็ไม่ใช่ทุกร้านหรอกนะ ที่จะเปิด 24 ชม.
โชคดี มีร้านคล้ายข้าวแกงตักๆ อยู่
ราคาประมาณ จานละ 4$

 

 


เสร็จแล้วก็เดินมารอรถเมล์สาย 400 ที่ป้าย 03381 - The Sail แถว The Promontory

 


นั่งไป 4 ป้าย ก็ถึง Gardens by the bay

 


Ticket Counter
เปิด 09.00 - 20.00

Outdoor Gardens 
หรือสวนบริเวณ Gardens by the bay ทั้งหมด รวมถึง SuperTree แต่ไม่รวมโดม
ค่าเข้า ฟรี
เวลาทำการ 05.00 - 02.00

Conservatories 
หรือโดมทั้ง 2 แห่ง แบ่งเป็น Cloud Forest กับ Flowers Dome
ค่าเข้า 28$
เวลาทำการ 09.00 - 21.00

Outdoor Gardens Audio Tour
เป็นรถทัวร์รอบๆ สวน
ใช้เวลารอบละ 25 นาที รถออกทุกๆ 15 นาที
ค่าบริการ 8$
เวลาทำการ 09.00 - 17.00

Auto Rider
เป็นรถทัวร์แบบไร้คนขับ
ค่าบริการ 5$
เวลาทำการ 10.00-12.00, 14.00-16.00

Shuttle Bus Service 
รถรับส่งระหว่าง MRT Bayfront กับ โดม
นั่งได้ไม่จำกัดรอบใน 1 วัน
ค่าบริการ 3$
เวลาทำการ 09.00 - 21.00

นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ อีก เช่น ร้านขายของที่ระลึก เช่ารถเข็นเด็ก เช่ารถวีลแชร์ เช่าล็อกเกอร์ ฯลฯ
http://www.gardensbythebay.com.sg/en.html

 


เดินเข้าไปไม่ไกล จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว รถ Audio Tour ราคาคนละ 8$

 

 

 


ก็ซื้อไป 1 รอบ จะได้ดูได้ทั่วๆ ไม่ต้องเดินมาก
รถใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในการพาเราไปชมสวนต่างๆ

 










จากนั้นก็มาส่งที่หน้าโดม
แต่ขุ่นแม่ขาพลิกไปตอนไหนก็ไม่รู้ 😱


เลยนวดๆ กันสักพัก
เห็นท่าไม่ดี
เดินไปเช่ารถ Wheel Chair ดีกว่า
โชคดี ที่นี่เค้ามีบริการให้เช่าด้วย ราคา 2$ เอ๊ง
ยึดพาสปอร์ตเราไว้เป็นหลักประกัน


 


ออกเดินทางต่อได้
ตั๋วเข้าโดมทั้งสอง ฝากเพื่อนซื้อมาแล้ว จากร้าน Sea wheel ราคาจะถูกกว่ามาซื้อหน้าเคาน์เตอร์
ปล. สามารถสอบถามราคาผ่าน facebook เค้าได้ และตอนนี้มีตัวแทนจำหน่ายในไทยแล้วด้วย

 


 


เริ่มจาก Cloud Forest

 

ทางเข้าจะอยู่ชั้นล่าง ต้องลงลิฟต์หรือบันไดเลื่อนไป
พอเข้าประตูไปปุ๊บ
จะเห็นน้ำตกประดิษฐ์สูงๆ อยู่ตรงหน้า
หนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 😰

 

 

 


ค่อยๆ เดินวนขึ้นเนินหน่อยๆ ไปเรื่อยๆ จะเจอลิฟต์
จากตรงนี้คือชั้น 3 ละนะ
กดลิฟต์ไปชั้น 6

 จากนั้น จะขึ้นลิฟต์ หรือ เดินขึ้นชั้น 7 ก็ได้
พอขึ้นไป จะเจอทางเดินลอยฟ้า

 

 


เดินไปเรื่อยๆ จะกลับมาที่หน้าลิฟต์ชั้น 6 เหมือนเดิม
สามารถลงลิฟต์ไปชั้น 5 หรือลงบันไดเลือนก็ได้

 ชั้น 5 ก็จะเป็นทางเดินลอยฟ้าอีก เดินวนกลับมาที่ลิฟต์ได้เหมือนเดิม
ทำแบบนีี้ ไปจนครบทุกชั้น

 

 


เสร็จแล้วก็มาที่ชั้น 1 ไปตรงทางออก จะเจอร้านขายของที่ระลึกของที่นี่ (ฉลาดมาก)
อย่าได้หวั่นไหว เพราะของแพงมาก 555

ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน เพื่อไปเข้าประตู Flower Dome
ซึ่งจะอยู่ชั้นเดียวกับจุดจำหน่ายตั๋ว และ Tourist Center
ในนี้จะจัดเป็นพวกต้นไม้ต่างๆ กระบองเพชร เฟิร์น ดอกไม้ต่างๆ

 





เดินเป็นวนๆ ลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่าง
จะเป็นที่จัดแสดงพันธ์ุไม้ตามอีเวนต์
เราไปเป็นช่วงที่เค้าจัดเป็นสวนฟักทอง
....

 


ทำไมต้องฟักทอง

 


ทำไมต้องนึกถึงจิมทอมป์สันฟาร์ม 😂
55555

 


โดมนี้ไม่ค่อยฟินเท่าไหร่
อยากเห็นพวกไม้เมืองหนาวมากกว่า

 


เสร็จแล้วก็เกือบๆ เที่ยง
เอารถเข็นไปคืน
แล้วพากันเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ฝั่ง The Shoppes
ตรงนี้เดินไกลหน่อย
แต่วิวสวยดีเหมือนกัน

 


 



ขึ้นรถเมล์สาย 97 ไปยัง Suntec city
ตรงนึ้ ลืมติ๊ดบัตรลงค่ะ 😱
โชคดี ที่เวลาลืม เค้าจะคิดเหมือนเรานั่งไปสุดสาย และเราก็ลงก่อนสุดสายแค่ป้ายเดียวเท่านั้น



เดินเข้า Suntec ตึก Five ไป
ข้างในเป็นห้าง
มองหาป้ายไป Duck & Hippo
จะเป็นเคาน์เตอร์กับท่ารถ อยู่ด้านหลังตึก 5 เนี่ยแหละ (ชั้น 1) อยู่นอกห้าง
ตั๋วนี้ เพื่อนให้มาเป็นของขวัญวันเกิด ค้าาาาา 🍰💋💕

 


ไปจองเวลาไว้ก่อน
จากนั้นก็เดินกลับมาที่ใต้ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง
จะมีศูนย์อาหารอยู่ใต้บริเวณน้ำพุเลย ชื่อ Fountain Food Terrace

อาหารแพงกว่าเดิมหน่อย แต่ไม่มาก
ข้าวตักๆ ประมาณ 10$ (2 คน)
แต่น้ำ 1.6$ แน่ะ
เราเลยเดินไปซุปเปอร์ชื่อ Giant มีน้ำราคาไม่แพงอยู่
2 ขวด 0.75$ เองมั้ง


Fountain of Wealth หรือ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง
สร้างขึ้นจากทองแดงขนาดใหญ่ เป็นรูปวงแหวนโดยมีเสาขนาดใหญ่ทั้ง 4 ข้าง
เป็นรูปสัญญลักษณ์ของจักรวาลตามศาสนาฮินดู
แล้วมีน้ำพุขึ้นอยู่ตรงกลางของวงแหวน
ตั้งอยู่ตรงกลางของอาคารซันเทคทั้ง 5 ที่คล้ายกับเป็นนิ้วมือตามหลักฮวงจุ้ย
จนผู้ที่ศรัทธาเชื่อว่าถ้าได้สัมผัสกับละอองน้ำพุนี้จะทำให้มีโชคลาภและเป็นสิริมงคลต่อตัวเอง

กินเสร็จก็รอน้ำพุเปิด
วิธีคือ เอามือขวา สัมผัสน้ำพุ แล้วเดินวน 3 รอบ พร้อมอธิษฐาน
น้ำพุ เปิดให้สัมผัสเป็นรอบๆ 10.00 - 12.00, 14.00 - 16.00, 18.00 - 19.30

 

 



เสร็จแล้วก็ไปที่ Giant อีกที ซื้อของกินนิดหน่อย
แล้วก็ไปนั่งรอเวลารถ Duck Tour

Duck Tour 
เป็นรถสะเทินน้ำสะเทินบก
พาเราลงน้ำไปบริเวณอ่าว Marina Bay แถวๆ Merlion
จากนั้นก็พาขึ้นบกไปแถว City Hall
ถ้ามีตั๋วแล้ว ควรมาก่อน 30 นาที รถจะออกเป็นรอบๆ มีไกด์ด้วย
ราคา 37$
เปิดให้บริการ 10:00 - 18:00
http://www.ducktours.com.sg/

 



พอถึงเวลาก็ขึ้นรถไป
รถเป็นแบบสะเทินน้ำสะเทินบก
คันไม่ใหญ่มาก จุคนได้ประมาณ 30 คน มีไกด์อธิบาย

เริ่มแรก จะพาลงน้ำก่อน
ดูตื่นเต้นดี
พอกลายร่างเป็นเรือ ก็นิ่งมาก ไม่เหมือนเรือด่วนหรือเรือหางยาวหรอกนะ
เรือค่อยๆ พาเราเข้าสู่อ่าวมาริน่า
มองเห็นทั้ง Gardens by the bay, ตึกเรือ, Merlion
ซึ่งเรือจะไปสิ้นสุดที่ Merlion แล้วพาเรากลับ

 

 

 



ไกด์อธิบายว่า
น้ำตรงนี้
เป็นน้ำจืดนะจ๊ะ ไม่ใช่น้ำทะเล
เค้ากั้นระหว่างน้ำทะเล และน้ำจืดด้วย เขื่อน Marina Barrage แล้ว
โดยน้ำ มาจากน้ำฝนครัช




 

 


กลับขึ้นฝั่ง กลายร่างเป็นรถบ้าง
ไม่ชอบตรงที่ รถมันกระแทกอ่ะ ไม่นิ่ม แถมมีเสียงบานประตูขยับดังมาก
ปล. มัวแต่เอามือจับประตู ไม่ได้ถ่ายรูปเลย 555

รถจะพาเราวนรอบแถวๆ National Gallery, Raffle City และ Suntec city
จากนั้นก็มาส่งตรงจุดเดิม
ใช้เวลาทั้งบนบกและบนน้ำเกือบ 1 ชม.

 

 


ถามว่าโอเคมั้ย?
เราว่าเวลามันน้อยไป เมื่อเทียบกับราคา
จริงๆ คิดว่า ถ้าแยกนั่งเรือ กับ Hippo ทัวร์ไปเลย
น่าจะฟินกว่า แต่...ไว้คราวหน้านะ

ส่วนแม่ ชอบค่ะ ดูตื่นเต้นกับเรือ ปกติจะกลัว แต่พอเห็นมันนิ่งๆ แล้วก็หายกลัวเลย





เสร็จจากกิจกรรมนี้
ก็พาแม่มานั่งพัก
ไปซื้อยากับผ้าพันเคล็ดมา
แล้วก็นวดๆ กันสักพัก

จากนั้นก็กลับไปกินข้าวที่เดิม
ก่อนจะมาที่ Super Tree เพื่อดูโชว์
นั่งรถสาย 133 ฝั่ง Suntec อาคาร 5 มาป้าย Marina Bay Sands Hotel ประมาณ 3 ป้าย
แล้วขึ้นลิฟต์ไปยังทางเชื่อม




Super Tree Show
ค่าเข้าชม ฟรี
รอบการแสดง 2 รอบ
19:45 - 20:00
20:45 - 21:00

จุดที่เหมาะแก่การเข้าชม
- บริเวณทางเชื่อมไปยังตึกเรือ
ข้อดี เห็นต้นไม้ทุกต้น
ข้อเสีย ไม่มีที่นั่ง ต้องหาเองเอง

- ตรงลิฟต์ก่อนทางเข้า Super Tree
ข้อดี เห็ต้นไม้ทุกต้น ชัดกว่าจุดแรก
ข้อเสีย ที่แคบ คนเยอะมาก เพราะเป็นจุดที่ทุกคนต้องใช้เดินทางไปยัง Super Tree และไม่มีที่นั่ง

- ใต้ Super Tree
ข้อดี นั่งตรงไหนก็ได้ พื้นก็ดี
ข้อเสีย อยู่ใกล้เกิน มองเห็นได้แค่บางต้น คนเยอะมากกกกกกกกกกก
แนะนำ ให้เดินเข้าไปลึกๆ เพื่อหาจุดที่มองเห็นต้นไม้ครอบคลุมที่สุด



ตรงทางเชือม จะสามารถมองเห็นต้นไม้ยักษ์ได้ทั้งหมด

 


ตรงสะพาน Dragonfly Bridge เป็นจุดที่คนนิยมถ่ายรูป

 

 

 


ตรงบริเวณใต้ Super Tree
คนเยอะมากกกกกกกกกกกกก
นั่งพื้นเนี่ยแหละ
โชคดี หยิบโบว์ชัวร์ Duck tour มา ปูแม่มเลย

 







นอกจากนี้ ยังมีรอบการแสดงบริเวณอ่าว Marina Bay ด้วย
อยู่ตรงลานหน้าตึก The Shoppes ฝั่งตรงข้ามกับ Merlion
Marina bay show
วันศุกร์-เสาร์     
20:00 - 20:15
21:30 - 21:45
22:00 - 22:15
วันอาทิตย์-พฤหัส   
20:00 - 20:15
21:30 - 21:45

แต่แม่อยากกลับแล้ว เลยไม่ได้รอดู
หลังจากจบการแสดงที่ Super Tree ก็ไปที่ป้ายรถเมล์ ฝั่ง The Shoppes เหมือนเดิม
นั่งรถเมล์สองต่อ 106 หรือ 133 ไปลง 02051 - Seating Gallery (2 ป้าย)
จากนั้น ขึ้นรถเมล์สาย 70M ไปลง 80251 - Aft Lor 14 Geylang/Assn Bldg (5 ป้าย)



เดินเข้าซอย 14 ไป ทะลุอีกฝั่ง แล้วข้ามถนน ก็ถึงรร. แล้วจ้าาาา
แต่อันนี้เดินไกลหน่อย แม่เริ่มบ่น

 


แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไปเดินที่ซุปเปอร์ต่อ



Day3 - Jurong Bird Park & Sentosa


วันนี้ตื่นสายหน่อย เพราะแม่อยากพักขา
ออกจากที่พัก 8 โมงกว่า
กินข้าวเสร็จก็เกือบ 9 โมง

นั่งรถจากป้ายหน้า Lor 18 ไปลง MRT Lavender
แล้วนั่งยาวไป ถึง MRT Boon Lay



เดินเข้าไปในห้าง Jorong Point
จะมีทางเชื่อมไปยัง Bus Interchange
มองหาป้ายรถเมล์ 194 อยู่ประมาณ ประตู B8
ท่ารถนี้ ทำได้ดีอ่ะ สะอาด ดูดี มีมาตรฐาน

 

 


ยืนรอสักพักรถก็มา
นั่งรถไป 1 ป้าย แต่เป็นป้ายที่ยาวมาก ประมาณ 15 นาทีถึง

 


ไปที่ Jurong Bird Park
ส่วนนกที่เคลมว่าใหญ่สุดในอาเซียน
ค่าเข้าชม 34$ (รวมนั่งรถราง 1 รอบ)
เวลาทำการ 08.30 - 18.00

 


มาถึงได้เวลาการแสดงพอดี
เป็นการแสดงสั้นๆ ของพวกนกแก้ว นกฟลามิงโก้ ไรงี้
คนเยอะมาก

 


จากนั้นก็นั่งรถ Tram รอบนึง
เค้าจะมีป้ายหยุดรถ 3 สถานี
เราสามารถลงสถานีที่จอด แล้วเดินไปชมนกตามจุดต่างๆ
แล้วก็กลับมาที่สถานีเพื่อไปยังที่ต่อไปได้




แต่แม่ไม่อยากเดินละค่ะ เจ็บขา
เลยนั่งรถไป 1 รอบ
จากนั้นก็ไปดูนกฟลามิงโก้ับแพนกวิน

 

 


แล้วก็กลับ 555 โครตไม่คุ้มค่าตั๋วเลย กร๊าาาาก 😅

ไปรอรถที่ป้ายเดิม
รอรถ 194 เช่นเดิม
เพราะรถคันนี้วิ่งเป็นวงกลมครัช
มันจะกลับไปที่ Boon Lay เหมือนเดิม
ขากลับจะ 6 ป้าย แต่ใช้เวลาไม่นาน
ปล. อันนี้รูปเส้นทางใน Google map มันมั่ว ต้องใช้ bus router เช็คอีกที



มาถึงท่ารถ ก็หาอะไรกินก่อน
หาศูนย์อาหารไม่เจอ
ส่วนใหญ่เป็นพวก Japanese Food Street กับ Korea Food Street
แม่กินไม่เป็นค่ะ
ต้องหาร้านอาหารไทยให้

สั่งอาหารให้เรียบร้อย ราคาค่อนข้างแพง ต้มยำกุ้ง 1 ชาม ข้าว 2 ถ้วย ประมาณ 15$
เราก็หนีไปกิน Burger King แทน ราคาเซตละ 6.9$ เอง ไม่แพงเท่าไหร่เมื่อเทียบกับไทย

 


แอบเห็น Swensens ที่นี่ เค้าขายพวกเบอร์เกอร์ด้วยงะ 😮

จากนั้นก็กลับไปที่ท่ารถ
นั่งรถสาย 30 ยิงยาวไป VivoCity ประมาณ 1 ชม. กว่าๆ



จริงๆ มีวิธีที่ใช้เวลาน้อยกว่านี้นะ
แต่ไม่อยากให้แม่เดินเยอะ
นั่งยาวไปดีกว่า เราไม่รีบ
แถมเป็นรถเมล์สองชั้น นั่งชั้นบน ชมวิวยาวไปค่ะ

 


1 ชม. ผ่านไปก็ถึงป้าย Opp ViviCity
ข้ามถนนไปที่ห้าง แล้วขึ้นไปชั้น 3
ตอนแรก ว่าจะหนีแม่ไปเดิน Sentosa Boardway ก่อน
แต่ดูท่าทางแม่อยากจะรีบกลับ
เลยนั่ง Sentosa Express ไปเลยละกัน

ค่าเข้า 4$ ใช้ Ez-link แตะได้
เวลาทำการ 07.00 - 22.00
ทางเข้าอยู่ตรง Lobby ชั้น 3 ของ VivoCity
ปล. ตรงชั้น 3 มีลานเปิดโล่งที่สามารถมองไปเห็นวิวทางฝั่งเกาะ Sentosa ได้

ถ้าเราใช้บริการรถไฟด่วน เราจะเสียค่าบริการ 4$ เพียงครั้งเดียว
แล้วพอถึงเกาะ เราสามารถใช้บริการรถด่วนนี้รถหว่างสถานีต่างๆ ในเกาะนี้ได้ ฟรี
รวมถึงรถราง และรถบัส (รอบเกาะ) ฟรีอีกด้วย

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเราเข้าเกาะนี้ด้วยเส้น Sentosa Boardway
เราจะเสียเพียง 1$ เท่านั้น
ระยะทางประมาณ 600 เมตร แถมมีทางเลื่อนให้ด้วย

Sentosa Express จะประกอบด้วย 4 สถานี คือ
- VivoCity Station เป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของการเดินทาง อยู่บนชั้น 3 ของ VivoCity
- Waterfront Station เป็นสถานี ที่มี USS อยู่
- Imbiah Station เป็นสถานี ที่มี Merlion ยักษ์อยู่
- Beach Station เป็นสถานีที่มีเครื่องเล่นต่างๆ อยู่ และเป็นท่ารถสำหรับรถรางและรถบัสด้วย

เราไปลงสถานี Imbiah Station ก่อน
ถ่ายรูปกับ Merlion ยักษ์
สามารถขึ้นไปถ่ายรูปบนปากสิงโตยักษ์ได้ แต่มีค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ด้านหลังของสิงโต ยังเป็นเส้นทางน้ำพุ สวยงาม ที่สามารถเดินไปถึง Beach Station ได้ด้วย

 

 


แน่นอน แม่ไม่เดินหรอก 555
นั่งรถ Express ไปค่ะ
แล้วไปต่อที่ Beach Station
เพื่อไปขึ้นรถราง นั่งรถชิวๆ ริมหาด



ร้อนค่ะ ☀ ☀ ☀


หาดหลักๆ ของเกาะ จะมี 3 หาด
- Siloso Beach หาดนี้มีเครื่องเล่นเยอะมาก
ปล. มี Font Siloso เป็นป้อมปราการเก่า ขึ้นลิฟท์ไปด้านบน เห็นวิวทั่วทั้งเกาะเลย ที่สำคัญ ฟรี นะจ๊ะ
- Palawan Beach มีจุดชมวิว
- Tanjong Beach เน้นเล่นน้ำ พักผ่อนตามชายหาด

รถรางจะมี 2 เส้นทาง คือเส้นที่ไป Siloso ก่อน กับเส้นที่ไป Palawan ก่อน
โดยทั้งสองเส้น วิ่งเป็นวงกลม จะไปไหนก่อนก็ได้

ทริปนี้นั่งรถรางเที่ยวเฉยๆ ค่ะ มีคนไม่ยอมลง 555
แต่พ่อดูจะชอบเกาะนี้ เพราะมีอะไรให้เล่นเยอะ

 


ว่าจะนั่งรถเมล์รอบๆ เกาะ แล้วไปลงตรง USS
แต่แม่ไม่เอา
เลยนั่ง Sentosa Express ไปลงสถานี Water front

ลงไปถ่ายรูปกับลูกโลก USS ขำๆ
แล้วค่อยนั่ง Sentosa Express กลับ Vivo City

ตอนขากลับ คนขึ้นที่สถานี Water Front Station ค่อนข้างเยอะ
เราเลยเลือกนั่งกลับไป Beach Station ก่อน แล้วค่อยนั่งกลับไปที่ VivoCity

 

 


ข้ามถนน กลับไปยังป้าย Opp VivoCity เหมือนเดิม
จากนั้นนั่งรถสาย 80 หรือ 100 กลับรร. คราวนี้ลงป้าย 80071 - Yi Xiu Fty Bldg
แล้วเดินต่อไปอีกหน่อย
ฝั่งนี้มีร้านขายผลไม้ค่อนข้างเยอะ แล้วมีร้านหน้าตาคล้ายๆ อยู่คลองถมหลายร้าน 5555




กินข้าวเย็นที่ร้านหน้าปากซอยเหมือนเดิม
เป็นครั้งแรกที่เที่ยวแล้วกลับก่อนมืด
นี่มันไม่ใช่ช้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนน 😭😭😭

ฟ้าสวยด้วยวันนี้
อยากไปเที่ยวเขื่อน  Marina Barrage 😭





Day 4 - Chinatown


วันนี้จริงๆ ไม่รู้จะไปไหนดี 😂 555
เพราะตอนบ่ายต้องกลับแล้ว

จัดกระเป๋า เช็คเอาต์ แล้วก็ฝากของไว้กับทางรร.
นั่งรถสาย 80 ไปลงป้ายหน้า Maxwell Food Court



แต่ช่วงนี้ Food Court เหมือนจะปิด เพราะบริเวณนั้นมีการก่อสร้าง คาดว่าจะทำรถไฟใต้ดินกันอยู่

 


มาถึง 8 โมงกว่าๆ
เข้าไปสักการะพระในวัดพระเขี้ยวแก้ว Buddha Tooth Relic Temple
ค่าเข้า ฟรี
เวลาทำการ 07:00-19:00 แต่เปิดให้ขึ้นชั้นบนตั้งแต่ตอน 09.00 เป็นต้นไป

รอจน 9 โมง ก็ขึ้นไปสำรวจชั้นบนๆ

 


เริ่มจากชั้น 4
ห้อง Sacred Light Hall เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ห้ามถ่ายรูป
แม่เข้าไปนั่งสมาธิพักนึง

จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปชั้นดาดฟ้า
เป็นสวนดอกไม้ที่มี เจดีย์อยู่ตรงกลาง
ด้านในมีระฆังใบใหญ่อยู่
เชื่อกันว่าถ้าอธิบายแล้วเดินหมุนรอบระฆังครบ 3 รอบจะช่วยให้เป็นจริง

 


เจดีย์นี้กันว่า เจดีย์หมื่นองค์ (Ten Thousand Buddhas Pagoda)
เนื่องจากผนังรอบๆ เจดีย์ จะมีพระพุทธรูปเรียงรายกันอยู่เยอะมาก

ตอนแรกเจดีย์จะมืดๆ หน่อย แต่พอมีคนเข้าไป ไฟจะเปิดอัตโนมัติ
ให้จับราวเหล็กที่ล้อมระฆังไว้ แล้วหมุน (เหมือนมันจะหมุนให้เองนะ) แล้วก็อธิษฐาน

ชั้นที่ 3 เป็นส่วนของพิพิธภัณท์ จะมีวัตถุโบราณทางด้านศาสนาต่างๆ จัดแสดงอยู่

ชั้นที่ 2 เป็นส่วนของพิพิธภัณท์ ห้องสมุด และร้านขายของฝากและของที่ระลึก

ชั้นที่ 1 โซนด้านหน้าจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ สำหรับสวนมนต์ และเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน ส่วนอีกโซนที่อยู่ด้านหลังจะมีพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่

จากนั้นก็เริ่มสำรวจร้านค้าย่านไชน่าทาวน์
เนื่องจากยังเช้าอยู่ (10 โมงกว่าๆ) ร้านรวงยังไม่เปิดเท่าที่ควร
บางจุดมีการก่อสร้างด้วย

 


เลยมีร้านให้เลือกไม่เยอะ
แม่ดูจะถูกใจร้านค้าในตึก ที่ขายพวกของใช้ มากกว่าของฝาก
แม่บอก มันเหมือนประตูน้ำ 😀555

จากนั้นก็ไปกินข้าวที่ร้านข้าวแกงอีกฝั่งนึง แถวๆ People's Park Complex เพราะต้องไปรอรถเมล์แถวนั้น
อาหารแถวนี้ค่อนข้างถูกปากพ่อกับแม่ ถึงขนาดบอกว่า ถ้ามาอีก ให้พามากินแถวนี้แทนนะ

แล้วก็นั่งรถ 63 หรือ 80 กลับรร.
ลงป้าย 80071 - Yi Xiu Fty Bldg


 


มารับกระเป๋า แล้วก็เดินทางไปสนามบิน
ตอนนี้กระเป๋างอกมาอีก 1 ใบ
การเดินทางเลยค่อนข้างทุลักทุเลหน่อย

นั่งรถสาย 2 ไปลง MRT Lavender ก่อน
จากนั้นนั่ง MRT สายสีเขียวไปสนามบิน

MRT Lavender -> Tanah Merah -> Changi Airport

จากนั้นก็นั่ง
Sky Train ไปยัง Terminal 1

JetStar สิงคโปร์ ตอนนี้ไม่มีเคาน์เตอร์เช็คอินละ
กลายเป็นเครื่อง Auto Check-in
มีหลายเครื่อง
วิธีใช้งานไม่ยากเท่าไหร่
แต่ก็ยังงงๆ อยู่ในช่วงแรกๆ

เริ่มจากสแกน Bar code บน E-ticket หรือจะกรอกพวกเลขการจองเอาก็ได้
จากนั้นก็สแกน Passport (โชคดีว่าครั้งนี้ของแม่ทำผ่าน)
เช็คข้อมูลต่างๆ
ถ้ามีกระเป๋าสำหรับโหลด มันจะขึ้นมาให้เรากดว่า มีโหลดกระเป๋ากี่ใบ
อย่าข้ามไปนะ! ไม่งั้นจะไม่ได้ tag ติดกระเป๋า
พอเช็คข้อมูลเรียบร้อยก็กดโอเค
มันจะปรินท์ Boarding Pass กับ Tag ให้

 


เอา Tag ไปติดกระเป๋าเอง มีวิธีการติดแปะอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องเช็คอิน

 


จากนั้นเดินไปที่เคาน์เตอร์
จะเป็นช่องสำหรับโหลดกระเป๋า
มีคนจัดคิวให้

เดินไปที่เครื่อง
เอา Boarding pass ไปสแกน
เอา กระเป๋าไปวาง ตามรูปที่เค้าบอก (วางตะแคงๆ ตามแนวนอน)

มันจะชั่งนน. ให้เรา
ถ้านน.เกินก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะ
แต่ถ้าไม่เกิน ก็กดตกลง
กระเป๋าเราจะถูกลากเข้าเครื่องสแกน
รอดูกระเป๋าแป๊บนึงเผื่อมีปัญหา

จากนั้นเดินไปเคาน์เตอร์ริมสุด
เป็นจุดเช็คเอกสาร (จริงๆ น่าจะเป็นที่สำหรับคนที่ไม่สามารถเช็คอินผ่านเครื่องอัตโนมัติได้มากกว่า)
ยื่น Boarding Pass กับ Passport ให้
พอเค้าบอกให้ผ่านก็คือ เรียบร้อยละ

เดินไปที่เกทได้
ก่อนถึงทางเข้าเกท
จะต้องผ่านที่สแกนกระเป๋า กับตม. ก่อน
รอบนี้ได้ใช้เครื่องอัตโนมัติทั้ง 3 คนเลย

ขุ่นแม่ดูงงๆ เหมือนเดิม
แถมขยำ Boarding pass ซะเกือบเละ ดีว่าห้ามทัน 😅

ผ่านตม. ไปอย่างง่ายดาย
ก็เดินไปที่เกท
ตามทางมีที่นวดขาด้วย เหมือนจะฟรี

รออยุ่หน้าเกทก็นั่งกินไรไปพลางๆ รอเวลาเรียกขึ้นเครื่อง
พอเกทเปิด ก็เข้าด้านใน
ตรงนี้จะเจอสแกนกระเป๋าอีกรอบนึง
ใครพกน้ำมา ก็เทน้ำทิ้ง เอาแต่ขวดเปล่าเข้าไปได้ ข้างในมีที่เติมน้ำ

พอถึงเวลาเครื่องออก ก็เหิรฟ้าได้ค่ะ
รอบนี้เครื่ืองสั่นเยอะหน่อย 😒
แต่ไปครั้งนี้ ไม่เจอฝนเลยสักเม็ด 👍



ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ
พาแม่เข้าช่องพิเศษเหมือนเดิม เพราะคิวช่องอัตโนมัติยาว
กลัวเค้าไล่กลับไปช่องพิเศษอีก

หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย ก็ไปที่ Magic Food Court ตรงชั้น 1 ใกล้ประตู 8
กินข้าวกันก่อนกลับ
อาหารราคาไม่แพงมากเท่าไหร่
กินข้าว 3 จาน + น้ำ + ของหวาน ไม่ถึง 300 บาท


ค่าใช้จ่าย


รายการราคา (บาท)
ตั๋วเครื่องบิน + กระเป๋า + ที่นั่ง 9,300
ค่าตั๋ว เข้าสถานที่
- Jurong Bird Park
- Gardens by the bay
3,000
ค่าโรงแรม 5,900
ค่าประกันภัยการเดินทาง800
เอกสารรับรองฐานะทางการเงิน300
ซิมการ์ด399
ค่าใช้จ่ายที่สิงคโปร์ รวมของฝาก 350$8,750

รวมจ่ายไปทั้งหมด 28,500 บาท





เพิ่มเติม 1
มีคนถามว่ารถเมล์ที่นี่ดีมั้ย
ทำไมให้แม่นั่งแต่รถเมล์

เราว่าดีกว่า MRT
เคยเขียนไว้ในบทความเก่าๆ
ว่า MRT ที่นี่เดินเยอะมากกกกกกกก
ยิ่งเปลี่ยนสาย ยิ่งเดินไกล

ถ้ามาเอง แล้วพาคนแก่มาด้วย ก็มีทางเลือกคือ พยายามมองหาลิฟต์เข้าไว้ 
แต่ตอนเปลี่ยนสายก็ต้องเดินอยู่ดี

ดังนั้นรถเมล์เป็นอีกทางนึงที่ค่อนข้างสะดวก

แม่เราชอบมาก
แอร์เย็น
ได้เห็นวิวด้วย

ข้อเสียของรถเมล์ คือ 
1. รอนานกว่า ประมาณ 5-15 นาทีต่อคัน
แต่เดี๋ยวนี้มีแอพบอกเวลารถมาถึงป้ายที่เราอยู่ 
(นี่มันแอพในฝัน เมื่อไหร่ไทยจะมีครอบคลุมทุกสาย)

2. ไม่มีบอกว่าป้ายต่อไปคือป้ายไหน
ต้องเปิด google map เช็คเอง 
ไม่ก็จำจำนวนป้าย
หรือจำป้ายก่อนหน้าป้ายที่ต้องลงไว้ 
พอรถจอด ก็เช็คว่า ป้ายถัดไปคือที่เราต้องลงหรือเปล่า
รถเมล์ที่นี่ใจเย็นคล้ายญี่ปุ่น ไม่ต้องรีบ

3. มักจะใช้เวลาเดินทางมากกว่า แต่ชดเชยด้วยการได้ชมวิวเมือง


แอพที่ใช้หลักๆ ของเราคือ




- Google Map
อันนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณเนอะ
ใช้หาเส้นทาง แล้วก็ดูว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน
เช็คว่าเราใกล้จะถึงป้ายรถเมล์ปลายทางหรือยัง
ความแม่นยำขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของ GPS

- Singapore Map (streetdirectory.com)
เป็นแผนที่ที่มีรายละเอียดตำแหน่งของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ค่อนข้างละเอียด
เน้นดูตำแหน่งป้ายรถเมล์ ตำแหน่งสถานที่ แล้วก็ประตูทางออก MRT
สามารถใช้หาเส้นทางได้เหมือนกัน แต่เราว่า Google Map ดีกว่า
อันนี้จ้องจะให้เดินอย่างเดียวเลย




- SG BusLeh
เรียกว่าเป็นแอพคู่ใจ เวลาเราต้องรอรถเมล์
เพราะสามารถบอกได้ว่า เราอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ไหนบ้าง
แล้วป้ายนั้น มีรถเมล์สายไหนผ่าน
แต่ละสายจะมาถึงป้ายนี้เมื่อไหร่
หาเส้นทางสายรถเมล์ต่างๆ รวมทั้ง Street view บริเวณป้ายรถเมล์ได้ด้วย





- SG Buses
แอพนี้ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่
แต่คราวที่แล้วใช้บ่อยมาก
คล้าย SG BusLeh



- เว็บ Bus Routet SG (busrouter.sg)
เอาไว้เช็คเส้นทางรถเมล์บนแมพ
ปกติเราจะเห็นแต่แอพที่บอกว่ารถเมล์นี้ผ่านป้ายชื่ออะไร
แต่ไม่รู้ว่าป้ายนั้นอยู่ตรงไหนของแผนที่
สามารถเช็คได้จากเว็บนี้




จบการบรรยายแต่เพียงเท่านี้
ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม จะมาอัพเดทต่อ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]