ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Family Trip 】 ขับชิลๆ เที่ยวเพชรบูรณ์-เลย 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 2 ภูทับเบิก-เชียงคาน



อรุณสวัสดิ์ เช้านี้ (08/12/58) มาอยู่ ณ เขาค้อ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


วันนี้ตั้งใจว่าจะไปดูทะเลหมอกที่ ไปรษณีย์เขาค้อ
ทุกคนตื่นกันตั้งแต่ตี 5
แต่กว่าจะเตรียมตัวเสร็จก็เกือบจะ 6 โมงแล้ว


ท่านแม่อยากให้เช็คเอาท์ออกจากที่พักเลย
เพราะไม่อยากแวะเข้ามา
ทำให้อดถ่ายรูปที่พักเลย เมื่อคืนก็มืดเกินไป ตอนนี้ก็เพิ่งตี 5 กว่าๆ  (~_~;)


ขับรถจากที่พักไปไปรษณีย์เขาค้อ ระยะทางประมาณ 15 กิโล
พอเข้าเขตตัวเมือง จะมีบ้านเรือนและรีสอร์ทเยอะมาก แตกต่างจากตรงทุ่งสมอที่ค่อนข้างจะเงียบเหงา


ไปถึงไปรษณีย์ ที่จอดรถไม่ค่อยมีเท่าไหร่
เวลาจอดรถ ต้องจอดบริเวณต้นไม้ ไม่ใช่ลานจอดรถแบบลานกว้างๆ


ไปรษณีย์เขาค้อ

ที่จอดรถ

บริเวณที่ทำการไปรษณีย์


ด้านบนมีคนมากางเต้นท์เยอะมาก
ที่นี่เค้าจะมีเต้นท์กางไว้ให้ นักท่องเที่ยวสามารถมาเช่าได้ ราคาไม่แน่ใจ กรุณาเช็คจากไปรษณีย์อีกที
มีห้องน้ำประมาณ 8 ห้อง
มีบ้านพัก 2 หลัง ห้องน้ำในตัว
มีร้านอาหาร


มีผู้คนมากางเต้นท์กัน

เต้นท์ถูกกางอย่างเป็นระเบียบ


ท่านแม่มาเจอร้านอาหารปุ๊บ ก็ตรงดิ่งไปซื้อโจ๊กมากินเลย
ส่วนเรากะท่านพ่อ หามุมดีๆ ถ่ายรูปนิดหน่อย
แล้วค่อยตามไปกินขนมปังกับโอวัลติน


พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว


วันนี้ลมแรงมาก อากาศเย็นๆ
มีหมอกจางๆ แต่ไม่ใช่ทะเลหมอก
รอจนเกือบ 7 โมงก็ไม่มีท่าทีว่าจะได้เห็น
ว้าาาาาาา น่าเสียดายยยยยย  ( つ Д `)  


มองเห็นวิวเขื่อนรัตนัย

วิวจากไปรษณีเขาค้อ


หาอะไรรองท้องเรียบร้อยแล้ว
แม้จะยังไม่ได้เห็นทะเลหมอก ก็ต้องเดินทางต่อ (ーー;)
เป้าหมายต่อไปของพวกเราคือ ภูทับเบิก
เป็นที่ที่ท่านแม่อยากเห็น ไม่ได้อยากดูวิว อะไรหรอกนะ แค่อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ทำไมคนไปกันเยอะ


ระหว่างทางแวะซื้อมันญี่ปุ่น กับบัวหิมะมาด้วย เพราะราคาถูกดี กิโลละ 35 บาทเอง (´∀`)


การเดินทางไปภูทับเบิกนั้น จะวิ่งเส้นทางเดียวกับไปภูหินร่องกล้า
ป้ายบอกทางใหญ่มาก ไม่ต้องกลัวหลง ถนนหนทางโอเค


เมื่อถึงเขตที่จะต้องขึ้นเขาภูทับเบิก
ถนนยังดีอยู่นะ แต่ขึ้นดอย ค่อนข้างชัน ระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโล
พอใกล้ๆ ถึง จะเจอจุดชมวิว และบ้านเรือนของชาวบ้านแถวนั้น


ผ่านทางเข้าภูหินร่องกล้า

ทางขึ้นภูทับเบิก


จนไปถึงจุดนึงบนภูทับเบิก เริ่มเห็นไร่กะหล่ำปลี
แต่ที่เด่นกว่าคือ ที่พัก ( *o*)
มันเยอะมากกกกกกกกกก บางทีเด่นกว่าไร่กะหล่ำซะอีก   (¯―¯٥)


เราขึ้นไปถึงจุดที่คิดว่าน่าจะสูงที่สุดของภูทับเบิกแล้ว
เกือบจะถึงวัดอะไรสักอย่างน่ะบนนั้น


ท่านแม่ก็ไม่ยอมให้ขับต่อ ก็เลยจอดรถบริเวณนั้น แล้วเดินเที่ยวเอา
จริงๆ ท่านแม่บ่นตั้งแต่ตอนขึ้นภูแรกๆ แล้ว
แบบว่า มันสูงและชัน มากกกจนท่านแม่กลัว ¯\_(ツ)_/¯


จอดรถบริเวณนี้


ตอนสายๆ คนเริ่มลงไปจากภูทับเบิกแล้ว เหลือนักท่องเที่ยวแค่ไม่กี่กลุ่ม
เรามาถึงที่นี่ 8 โมงกว่าๆ เกือบ 9 โมง


ไม่เจอทะเลหมอก ไม่เจอนักท่องเที่ยวเยอะๆ
เจอแต่ที่พักและไร่กะหล่ำปลี 555
บนนี้อากาศดีนะ มีแดด แต่ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่


บริเวณที่จอดรถ ชอบเส้นขอบฟ้านั่นจัง


เนื่องจากท่านแม่ไม่ยอมให้ขับรถต่อไป
เราเลยเดินไปเองงงง เดินไปเรื่อยๆ จนถึงเนินอีกลูกนึง ตรงที่เค้ากางเต้นกันเยอะๆ


จากบริเวณที่จอดรถ

เห็นรีสอร์ทเต็มไปหมด

รีสอร์ทที่ภูทับเบิก

รีสอร์ทที่ภูทับเบิก

รีสอร์ทที่ภูทับเบิก

มีผักสดขาย น่าทานมากกก

รถขนกะหล่ำปลี เห็นแบบนี้ ซิ่งมากกก

เดินไปเรื่อยๆ

เจอจุดชมวิวก็พัก

ที่พักเยอะมาก

ที่พักเยอะมาก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก


สุดท้ายท่านแม่ก็ต้องขับรถไปรับอยู่ดี 555


จากนั้นเราก็ขับรถลงจากภูทับเบิก (เห็นมั้ย แค่มาดูจริงๆ นะ)
เพื่อเดินทางต่อไปยัง ภูเรือ
ตอนแรกจะไปภูลมโล แต่จากการสอบถาม พญาเสือโคร่ง ยังไม่บาน เลยตัดที่นี่ทิ้งไป


ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง


ไปชมงานเทศกาล ต้นคริสต์มาสที่ภูเรือ
งานจัดที่ลานคริสมาสต์ (ที่มีกังหันลม)
ซึ่งจะอยู่หลังที่ว่าการอำเภอภูเรือ
โดยจะต้องขับเข้าไปในถนนเส้นเดียวกับทางที่ไปอุทยานแห่งชาติภูเรือ


เข้าไปไม่ลึกมาก ก็เจอสถานที่จัดงาน
อืมมม คริสต์มาสบานจริงๆ มีแต่ต้นคริสต์มาส สีแดงเขียว เต็มเลย (◎o◎)


ลานคริสต์มาส ภูเรือ

ลานคริสต์มาส ภูเรือ

ลานคริสต์มาส ภูเรือ

ลานคริสต์มาส ภูเรือ

ลานคริสต์มาส ภูเรือ


แต่พื้นที่จัดงานไม่ได้ใหญ่มากนะ เป็นเหมือนสวนหย่อมกว้างๆ ประดับประดาด้วยต้นคริสต์มาส
มีกังหันลมอยู่ตรงกลาง แล้วก็มีตุ๊กตารูปร่างต่างๆ วางประดับอยู่
มีรีสอร์ทบริเวณนั้นด้วย


เนื่องจากอากาศร้อนมาก และหิวข้าวแล้ว
เลยใช้เวลาอยู่ที่นี่แป๊บเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ไปหาข้าวกินกัน


กินข้าวที่ตลาดแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับที่ว่าการอำเภอภูเรือ


จากนั้นก็ขับรถต่อไปที่ เชียงคาน
ตอนแรกจะให้แวะไปห้วยกระทิง แต่ท่านพ่อขับรถเลยมาแล้วววว เลยมุ่งตรงไปเชียงคานก็ได้
น่าจะไปถึงตอนบ่าย กลัวจะไม่มีอะไรให้ทำ


ไปถึงเชียงคาน ประมาณบ่าย 2 กว่าๆ
ยังไม่มีที่พักอีกแล้ว เลยลองขับรถวนหาดู


อยากพักริมน้ำ ท่านพ่อเลยพยายามหาทางขับไปที่ถนนริมน้ำ
ปรากฎว่า แถวนี้เค้า One Way เนื่องจากถนนค่อนข้างแคบ (・A・)
เราตั้งต้นจาก วัดท่าครก ขับเข้าไปถนนคนเดิน
แต่การหาที่พักโดยวิธีนี้ มันไม่สะดวก เพราะเราไปถามรายละเอียดห้องพักไม่ได้
เลยให้เอารถไปจอดไว้ที่ วัดศรีคุนเมือง ก่อน


ปล. ถ้าจะพักโซนถนนคนเดินหรือริมน้ำ ทำใจเรื่องที่จอดรถไว้ก่อนเลย เพราะมีน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะจอดในวัด หรือไม่ก็ที่จอดรถบริเวณนั้น (เท่าที่ดู เสียค่าจอด 50 บาท)


วัดศรีคุนเมือง


ไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนออกไปตามหาห้องพัก
ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดา แต่ห้องพักที่นี่ก็ยังเต็มแล้วหลายที่
น่าจะเป็นเพราะบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นเกสต์เฮาส์หรือห้องแบ่งให้เช่า เลยมีจำนวนน้อย


เราเริ่มต้นจากวัดศรีคุนเมือง ที่พักแรก...เต็ม ที่พักที่สอง...เต็ม .... จนกระทั่งมาเจอ บ้านริมโขง
ยังว่าง แต่ว่า ห้องสำหรับ 3 คนนั้น อยู่ชั้น 3 ต้องถามความสมัครใจจากท่านเม่เลย


บ้านริมโขง ป้ายสีเขียวๆ

ล็อบบี้

เก้าอี้น่ารักดี


ท่านแม่ขึ้นไปดูห้องพัก ซึ่งอยู่บนชั้น 3 ของบ้านหลังข้างๆ หลังที่เราไปติดต่อ
โดยระหว่างบ้านทั้งสองหลังจะมีช่องแคบๆ ไว้จอดรถจักรยาน
แล้วก็มีบันไดเหล็กขึ้นไปยังชั้น 3 (ไม่มีชั้น 2)


ห้องพักเราจะอยู่ชั้น 3 ของตึกข้างๆ กัน

ทางไปบันไดขึ้นชั้น 3 อันนี้ถ่ายจากบันไดลงมา


ภายในห้องเหมือนห้องแบ่งเช่า จะกั้นห้องด้วยวัสดุบางๆ
มีเตียง 2 เตียง เตียงคู่ 1 เตียง เตียงเดี่ยว 1 เตียง
ห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่น ทีวี แอร์ ให้


ห้องนอน

หน้าต่างมองเห็นระเบียง กับแม่น้ำโขงได้

มีระเบียงเล้กๆ ส่วนตัว ติดกับระเบียงใหญ่


ตู้เย็นใช้ของส่วนรวม แต่เป็นตู้เย็นเล็กๆ
มีชา กาแฟ โอวัลติน กล้วย ขนมปัง บริการฟรี
รายละเอียดอื่นๆ อ่าน รออ่านตอนที่ 5 นะคะ  (◕‿-)


ท่านแม่พอใจกับห้องนี้ ก็โอเค ให้ท่านลูกกะท่านพ่อ ไปขนของมาส่วนท่านแม่จะรอในห้อง 555
ตกลงราคาที่ 800 บาท ตอนโทรถามเค้าบอกว่า 1,000 บาทนะ แต่เจ้าของเป็นคุณป้าแก่ๆ ท่านลดให้


ขนของเสร็จ ก็พักผ่อนนั่งเล่นในห้องบ้าง ระเบียงบ้าง
ตอนนี้ชั้น 3 ยังไม่มีใครเข้ามาพักเลยรู้สึกเป็นส่วนตัวดี


ระเบียง ริมแม่น้ำโขง

ระเบียง ริมแม่น้ำโขง


บ่าย 3 กว่าๆ แดดเริ่มน้อยลง
เราลงไปปั่นจักรยานรอบๆ ดู
จักรยานให้ยืมฟรี ปั่นออกไปได้เลย ❀‿❀


เราปั่นตามถนนคนเดิน จากวัดศรีคุนเมือง ไปจนถึงสวนสาธารณะใกล้วัดท่าครก
จากนั้นปั่นกลับมายังเส้นถนนริมแม่น้ำโขง
ที่เป็นถนนเล็กๆ สำหรับให้คนและรถจักรยาน/มอไซต์ สัญจรเท่านั้น


ไปเลย หนวดเหลือง

เซเว่นตกแต่งได้เข้ากับบรรยากาศ อันนี้จะอยู่ติดถนนใหญ่ ไมใช่โซนถนนคนเมือง

ธ.กสิกรไทย ก็ไม่น้อยหน้า อันนี้จะอยู่ติดถนนใหญ่ ไมใช่โซนถนนคนเมือง

บ้านเรือนยังคงเป็นแบบเก่า

ถนนคนเดินยามบ่าย

มีร้านเช่าจักรยานหลายร้าน

บ้านเรือนและเป็นที่พักด้วย

ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้

มีร้านค้าเปิดเป็นบางร้าน

แม่น้ำมีแก่ง ที่พักน่ารัก แต่เสียดายเป็นห้องน้ำรวม ท่านแม่ไม่ชอบ ปล.ไม่ติดริมน้ำ

ปั่นมาถึงสวน

ถนนริมน้ำบริเวณสวน

บริเวณสวน


ปั่นไปถึงสวน แล้วปั่นเลียบถนนด้านในไปจนสุด
จากนั้นปั่นกลับทางเก่า จนสุดทาง


ปั่นกลับไปจนสุดขอบสวน


ตรงจุดนี้จะมีถนนสองเส้น เส้นที่เป็นทางไม้ กับทางปูน
เราเลือกปั่นทางไม้ (ทางไม้จะแบ่งเป็นสำหรับคนเดิน กับสำหรับจักรยานด้วย) เพราะสวยดี ปั่นไปจนสุดทางสำหรับยานพาหนะ
จะเป็นบันไดทางขึ้น ไปยังถนนอีกเส้นนึงซึ่งเป็นถนนปูน
(คือจากตรงนี้ ถ้าคนเดินเท้ามา เค้าจะเดินขึ้นบันได ไปถนนปูน แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ ได้ แต่จักรยานต้องแบกขึ้น ทำม๊ายยยยยยย)


เจอถนนเลียบริมโขงละ

ลุยเลย หนวดเหลือง

ทางไม้ แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับคนเดิน กับพื้นที่จักรยาน/รถเข็น
ไม่ได้มีป้ายบอกชัดเจนหรอก แต่ว่า ฝั่งขวา มันจะเป็นทางลาดน่ะ

บ้านเรือนริมน้ำ

Go Go

ฝั่งลาว

ริมน้ำโขง

ลองมองย้อนกลับไป

อ่าว! สุดทางแล้ว แต่ถ้าขึ้นบันไดไป ยังมีทางปูนทอดยาวต่อไปอีก


เราขี้เกียจแบกจักรยานขึ้นไป เลยปั่นกลับไปทางเก่า
แล้วไปปั่นเริ่มจากถนนทางปูนมาใหม่


ย้อนกลับมาใหม่

ปั่นทางที่เป็นปูนบ้าง

เส้นทางริมน้ำ

เส้นทางริมน้ำ

มองย้อนกลับไป

เกสเฮาส์ริมน้ำ

บ้านเรือนริมน้ำ

มีระเบียงยื่นออกไปริมโขงด้วย อ่ะ ท่านพ่อกะท่านแม่อยู่นั่นไง

อันนี้บ้านพักของเราเอง ด้านบนสุดนั่น คือระเบียงที่ต่อเติมไว้


ปั่นไปเรื่อยๆ จนเจอท่านพ่อกะท่านแม่ ตรงจุดชมวิว ที่เป็นระเบียงไม้ยื่นออกไป
ก็เลยเอาจักรยานไปคืน แล้วเดินเที่ยวถนนคนเดินด้วยกัน (✿◠‿◠)


จุดถ่ายภาพ

ร้านนี้ดังในเน็ตอยู่นะ เปิดขายตอนค่ำๆ ตอนเช้าจะไปขายอีกตลาดนึง

กลับมาที่ระเบียงริมน้ำ


ถนนคนเดินมีทุกวัน เพียงแต่วันธรรมดา ร้านจะเปิดน้อยกว่าปกติ ไม่คึกคักเหมือนวันเสาร์อาทิตย์
เดินไปสักพักก็เริ่มหิว


เลือกร้าน ระเบียงริมโขง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก จุดชมวิว
ร้านเปิด 5 โมงครึ่ง ซึ่งเราก็ไปตอนร้านเปิดนั่นแหละ (จริงๆ ไปดูมาก่อนแล้ว แต่เค้ายังไม่เปิด)


ร้านระเบียงริมโขง อยู่ทางซ้ายมือ


ร้านเพิ่งเปิด คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่
เลือกที่นั่งได้ตามสบาย เราเลยเลือก โต๊ะติดระเบียง มองเห็นแม่น้ำโขงได้เลย
แต่อาหารมาช้ามาก เมื่อเทียบกับปริมาณลูกค้า ณ ตอนนั้น
คือแบบคนไม่เยอะนะ แต่ทำไมรอนานจัง  (;一_一)


บรรยากาศด้านใน ติดกับทางเดินริมน้ำ

ภายในร้าน

ยามค่ำคืน

ยามค่ำคืน


สักพักคนก็เริ่มทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนเต็มร้าน
เราได้กินอาหารเกือบๆ 6 โมง (¯―¯٥)
ดีนะที่มาตอนร้านเปิด ไม่งั้นน่าจะรออาหารไปอีกนานเลย


อาหารรสชาติใช้ได้ ปริมาณพอเหมาะ มีเห็ดอยู่ในทุกๆ เมนูที่สั่ง 555
มียุงด้วย โดนกัดไปหลายทีเหมือนกัน


กินเสร็จ ก็ไปเดินถนนคนเดินนิดหน่อย
แต่ท่านแม่ไม่ชอบเดินเยอะ เลยขอกลับก่อน
มีแต่ท่านพ่อคนเดียวที่เดินทั่ว
(เราปั่นจักรยานตอนร้านยังไม่เปิด แต่ท่านพ่อมาเดินตอนร้านเปิดหมดแล้ว)


ถนนคนเดิน เชียงคาน

ถนนคนเดิน เชียงคาน


จากนั้นก็อาบน้ำ นอนนนนน
พรุ่งนี้มีแพลนว่า จะไปขึ้น ภูทอก


ปล. ผนังห้องบางมากอ่ะ แบบได้ยินเสียงทีวีห้องข้างๆ เลย
ปล. 2 เรากลับมาถึงที่พัก ก็พบว่า ห้องพักเต็มหมดแล้วววว โห วันธรรมดาคนก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ย




╔══════════════════════ ೋღღೋ ══════════════════════╗

Link ที่เกี่ยวข้อง


★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Family Trip 】 ขับชิลๆ เที่ยวเพชรบูรณ์-เลย 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 1 ภูป่าเปาะ-เขาค้อ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Family Trip 】 ขับชิลๆ เที่ยวเพชรบูรณ์-เลย 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 2 ภูทับเบิก-เชียงคาน
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Family Trip 】 ขับชิลๆ เที่ยวเพชรบูรณ์-เลย 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 3 ภูทอก
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Family Trip 】 ขับชิลๆ เที่ยวเพชรบูรณ์-เลย 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 4 รีวิวที่พัก วัลภารีสอร์ทเขาค้อ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Family Trip 】 ขับชิลๆ เที่ยวเพชรบูรณ์-เลย 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 5 รีวิวที่พัก บ้านริมโขง

╚══════════════════════ ೋღღೋ ══════════════════════╝

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>