ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【ภูเก็ต】Day 1 - เดินชายหาดเพลินๆ เบิร์นผิวเล่นๆ



ทะเล ทะเล้ ทะเล 🌊

ยินดีต้อนรับสู่ทริปทะเลต้นปี
ปีนี้ ไปกันที่ "ภูเก็ต"
พร้อมกับผู้ร่วมทริป รวม 6 ชีวิต

จองตั๋ว Lion Air ในราคาประมาณ 2,000 บาท (แพงอ่ะ)
มีฟรีนน. กระเป๋าโหลดได้คนละ 10 กก.
ไม่มีอาหาร-เครื่องดื่มเสิร์ฟบนเครื่อง
ไม่สามารถเลือกที่นั่งตอนเช็คอินได้
แถมยังรู้ที่นั่งหลังจากได้ Boarding pass อีกต่างหาก
เลยไม่สามารถกะจังหวะล็อคที่นั่งแบบ Air Asia ได้เลย 😕

กำหนดการเดินทาง ศ 30 มีนา 2018 - อา 1 เมษา 2018
ขาไป ตอนแรกจองไว้รอบ 6 โมงเช้า ไปถึงภูเก็ต 7 โมงเช้า โดยประมาณ
นี่ก็ว่าไปเช้าแล้วนะ เพราะต้องไปรอที่สนามบินตั้งแต่ตี 4
ปรากฎว่า น้องสิง ส่งเมล์มา (ทำไมไม่ส่ง sms มาด้วยล่ะ เกือบไม่ได้อ่านแล้ว) ว่าขอเลื่อนไฟท์
เป็น "04.40" เขร้!!!!!!!!!! 😱
ส่วนรอบช้ากว่านี้ ก็ช้าเกิ๊น เที่ยวไม่คุ้มอีก
เลยต้องไปถึงสนามบิน ตั้งแต่ตี 3 ชีวิตลำบากแท้ 😭
...
...
...
เวลา ตี 3 ของวันที่ 30 มีนา
นัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง
เพื่อนๆ ก็มีทั้ง
- มานอนรอที่สนามบินตั้งแต่เมื่อคืน
- เอารถมาจอดสนามบิน เหมาวันละ 250 บาท
- เรียก Grab Taxi มาส่ง (Grab สามารถจองรถล่วงหน้าได้ แต่เพื่อบอกว่า มันมีส่วนลดไปสนามบิน เลยเลือกเสี่ยงเรียกรถเอาตอนตี 2 นี่แหละ โครตมั่นเลย 5555)

หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ก็ไปนั่งรอที่เกต
ตอนนี้ร้านในสนามบินยังเปิดแค่บางร้าน หาของกินยาก แนะนำให้ไปหาอะไรกินที่ 7-11

เวลาตี 4.10 ก็เรียกขึ้นเครื่อง
โห 😲 นี่เครื่องใหญ่นี่นาอย่างกับจะบินไปต่างประเทศ

รอบนี้ได้นั่ง
Airbus A330-300
แถว 3-3-3
จำนวนแถวทั้งหมดประมาณ 40 กว่าแถว
ตรงเบาะ มีทีวีแบบสัมผัสให้ด้วย
ควบคุมแผงเหนือศีรษะผ่านจอนี้ได้



น้องสิงพาเรามาถึงสนามบินภูเก็ต
เลทไปประมาณ 10 นาที
รอกระเป๋าอีกพักนึง
กว่าจะออกมาข้างนอกก็เกือบ 6 โมงครึ่ง

หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย
ก็มองหาเคาน์เตอร์รถเช่า Budget
เคาน์เตอร์จะอยู่ข้างๆ ประตูทางออก สำหรับผู้โดยสารขาเข้า
หลังจากรับกระเป๋า เดินผ่านประตูขาเข้า (ด้านในสนามบินนะ ยังไม่ออกนอก)
หันหลังกลับมา แล้วมองไปทางขวามือ



จองวอชเชอร์ไว้ในงานท่องเที่ยวที่ผ่านมา
เป็นรถรุ่นใหญ่ แนวๆ ฟอร์จูนเนอร์ พร้อมประกันแบบ Deduct (คือมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้น)
โดยเค้าจะนับเวลาเช่าเป็นแบบ 24 ชม. สามารถคืนช้ากว่ากำหนดได้ 4 ชม.
จากเวลาที่เรารับรถ - เวลาคืนรถ สรุปต้องใช้ วอชเชอร์ 3 ใบ ราคา 1,890 บาทต่อวัน
จ่ายที่งานท่องเที่ยวเลย



ข้อควรระวังคือ
วอชเชอร์เนี่ย ไม่ใช่ใบจองรถนะคะ 😉ให้นึกว่ามันเป็นวอชเชอร์เซ็นทรัลอะไรแบบนี้ก็ได้
พอได้มา เราต้องทำการจองรถกับทางคอลเซ็นเตอร์ก่อน ประมาณ 10 วันก่อนเดินทาง
ถ้ามีแพคเกจเสริมที่ต้องการซื้อเพิ่มก็แจ้งเค้าไว้ด้วย เค้าก็จะโน๊ตไว้ให้
พอมาถึงจุดหมาย เราก็ต้องเอาวอชเชอร์ไปยื่นที่เคาน์เตอร์
ห้ามลืม!!! เด็ดขาดดดดดดดด 😈

หลังทำการจอง ก็จะมี sms ยืนยันเข้ามา
สามารถทำการเปลี่ยนแปลงการจองได้
อย่างเราเปลี่ยนไฟท์ขามา ก็ขอเลื่อนเวลารับรถมาให้เร็วขึ้น โชคดี วอชเชอร์เรา ครอบคลุมไปถึงเช้าวันที่ 2 เมษา เลย 😊555



นอกจากค่าวอชเชอร์แล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น
👉 แพคเกจประกันที่จะอัพเกรดเป็น No deduct + ประกันรถหาย (TP) : 214 บาท ต่อวัน
👉 ค่าเช่ารถในช่วง ศ ส อา : 250 บาท ต่อวัน
ซึ่งค่าใช้จ่ายพวกนี้ มาจ่ายหน้าเคาน์เตอร์ได้เลย
ส่วนประกันอุบัติเหตุ เราไม่ได้ซื้อเพิ่ม เพราะทุกคนมีอยู่แล้ว

ก่อนเดินทาง ก็โทรหาคอลเซ็นเตอร์อีกที เพื่อยืนยันการจอง และสอบถามรถที่ได้
สรุปว่าได้ Isuzu Mu-X

มีรูดกันวงเงิน เป็นค่าประกัน 5,000 บาท ซึ่งจะจ่ายคืนประมาณ 15-20 วัน หลังจากคืนรถ
ระบุคนขับได้ 2 คน
หลักฐานที่ต้องใช้
👉 บัตรประชาชนผู้จอง
👉 บัตรเครดิต (สำหรับกันวงเงิน และจ่ายค่าแพคเกจเสริม)
👉 บัตรประชาชน + ใบขับขี่ ของคนที่จะลงทะเบียนเป็นผู้ขับรถทุกคน

จากนั้น พนักงาน ก็จะพาออกไปข้างนอกสนามบิน
เพื่อตรวจเช็ครถ ตรงที่จอดรถด้านหน้าสนามบิน




คอมเม้นต์จากคนขับ บอกว่า รถพวงมาลัยแข็งมาก หน้ายาวด้วย กะระยะยาก
ที่นั่งผู้โดยสารกว้าง แลกกับที่วางของน้อยลง มี GPS ในตัว
แต่เราพก GPS + กล้องหน้ารถ มาเอง



ทุกอย่างพร้อม! ออกเดินทางได้! 👌


เริ่มจากแวะกินข้าวเช้ากันก่อนเลย


ร้านซุปเปอร์ติ่มซำ


ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน



ห่างจากสนามบิน 3 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที

ร้านไม่ใหญ่มาก (สามารถจองล่วงหน้าได้ เพราะตอนสายๆ คนเยอะ)
เข้ามาปุ๊บ  ก็หาที่นั่ง
จากนั้นก็ไปเลือกติ่มซำในตู้
แล้วยื่นให้พนักงาน เค้าจะเอาไปนึ่งอีกที ก่อนจะมาเสิร์ฟที่โต๊ะ





นอกจากติ่มซำแล้วก็มีพวกข้าวต้ม บะหมี่ ฯลฯ
สามารถสั่งได้ที่พนักงาน




เมื่ือติ่มซำมาเสิร์ฟ ถึงได้รู้ว่า หยิบกันอย่างไร้สติมาก 😨
เต็มโต๊ะเลย
แถมยังสั่งบะหมี่มาอี๊กกกกก 😱




ติ่มซำรสชาติดี ราคาค่อนข้างสูง จานละ 25 บาท
บะหมี่ชามละประมาณ 60 บาท

อิ่มในอิ่ม 🍴
สิริรวมค่าใช้จ่ายมื้อนี้ 1,100 บาท
เกินกว่าที่ประเมินไว้เยอะเลย ตอนแรกกะว่ามื้อเช้า 600 ก็น่าจะพอ 😓

เติมพลังเสร็จแล้ว เดินทางต่อได้


หาดไม้ขาว


จุดเด่นของหาดนี้คือ อยู่ติดรันเวย์ของสนามบิน
สามารถชมเครื่องบินขึ้นลงได้
แต่แนะนำให้เช็ค เวลา และทิศทางเครื่องบินจาก flightradar24 ก่อน
และเที่ยวชมด้วยความระมัดระวัง

เราไปช่วง 9 โมงกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาที่เครื่องขึ้นลงถี่มากกก และแดดก็ร้อนมากเช่นกัน ☀ ☀ ☀

การเดินทาง เริ่มจากร้านติ่มซำ
ให้ขับมายังซอยไม้ขาว 6 หรือซอยไม้ขาว 5 ก็ได้ เดี๋ยวมันจะมีทางเชื่อมกัน
ถนนดี แต่ทางค่อนข้างแคบ
ขับมาจนเกือบสุดทางจะเจอรร. Coriacea Boutique Resort ทางซ้ายมือ
ให้ตรงต่อไป จะเจอทางบังคับเลี้ยวขวา
จอดกันข้างทางน่ะแหละ แล้วเดินต่อไป ประมาณ 1 กิโล







ถ้าใครขี้เกียจเดิน สามารถนั่งรถมอไซต์พ่วงข้างไปได้ ราคาคนละ 20 บาทต่อเที่ยว
มีทั้งท่ารถขาไป และขากลับ




แต่เราเลือกเดิน 💪
ทางเดินเป็นฟุตบาท เดินสบาย ไม่ลำบากมาก แต่บางจุดไม่มีร่มเงา ก็ร้อนกันไป
ระหว่างทางที่เดิน ก็เห็นเครื่องบินลงไปที่สนามบินประมาณ 3-4 ลำ





มาถึงหน้าหาดไม้ขาว
มีร้านขายของกินเล็กๆ น้อยๆ อยู่หลายร้าน
จากจุดนี้ไปจนถึงหน้าหาดที่ติดกับรันเวย์
ไม่มีร่มเงาอีกแล้ว คนค่อนข้างเยอะพอสมควร



เตรียมอุปกรณ์มาให้พร้อม โดยเฉพาะร่ม
จากนั้นก็เดินต่อค่ะ
หนทางไปตรงรันเวย์นั้นไม่ไกล แต่เหมือนไกลลลลลลลลลลลลลลลลลลมากกกกก ☀ ☀ ☀ ☀






จุดที่เหมาะกับการถ่ายรูป จะอยู่ตำแหน่งใกล้รันเวย์นั่นแหละ
ให้นาง/นายแบบไปยืนตรงที่เป็นเนินทรายสูงๆ แล้วคนถ่ายก็ยืนด้านล่าง
ถ่ายช้อนขึ้นไป เพราะจะได้หลบคน



ซึ่งเราก็พยายามถ่ายกันนานมากกกกกกกกกกกกกกก
เครื่องบินมาประมาณ 3-5 นาทีต่อลำ




ถ่ายจริงได้จริง ไม่กี่รูป 😆





ขากลับก็แน่นอนว่า ทนความร้อนและเหนื่อยไม่ไหว
เหมารถกลับไป 100 นึง 6 คน






หาดในยาง


อยู่ห่างจากหาดไม้ขาว 12 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที



เป็นหาดที่อยู่ติดๆ กับหาดไม้ขาว กั้นด้วยสนามบิน สามารถเดินถึงกันได้
จริงๆ แล้วเราสามารถขับรถไปจอดที่หาดในยางเพื่อเดินมาหาดไม้ขาวได้นะ
แต่ระยะทางไกลกว่า

การจอดรถนั้น ก็จอดข้างทางเหมือนเดิม



หาดนี้มีต้นสนสูงมากกกก 😮
คนน้อย
มองเห็นเครื่องบินลงจอด แต่กล้องเราซูมไม่ถึง 555












หาดสุรินทร์


อยู่ห่างจากหาดในยาง 20 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที



จริงๆ มีอีกหลายหาดก่อนจะถึงหาดสุรินทร์ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด 😣
เราจึงแวะแค่บางหาด

หาดนี้ ไม่ยาวเท่าไหร่ ชายหาดสวย ทรายละเอียดเท้า น้ำสะอาด น่าเล่น
คนเริ่มเยอะ
ตอนมาถึง ฝนตกปรอยๆ อากาศเลยเย็นสบายกว่าเมื่อตะกี้








จุดชมวิวแหลมสิงห์ (Laem Sing View Point)


อยู่ห่างจากหาดสุรินทร์ 1 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที



เป็นจุดชมวิวข้างทางเล็กๆ อยู่บนเนินเขา
มีช่องให้พอจอดรถได้นิดหน่อย




มองเห็นหาดแหลมสิงห์ได้





หาดป่าตอง


อยู่ห่างจากจุดชมวิวแหลมสิงห์ 12 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที



จริงๆ กะว่าจะตัดหาดนี้ไป เพราะคนเยอะ แล้วรถติดด้วย
แต่ว่า ไหนๆ ก็มาถึงภูเก็ตแล้ว ขอดูหน่อย เห็นว่าหาดนี้ดังมากในหมู่ชาวต่างชาติ

มาถึงปุ๊บ เอ๊ะ! นี่มัน พัทยานี่นา 😅
มีแต่ฝรั่ง จีน อ้อ น่าจะมีรัสเซียเยอะมั้ง เห็นป้ายภาษารัสเซียเต็มเลย

หาดนี้กว้าง เครื่องเล่นเยอะ เต็มไปด้วยผู้คน ร่มชายหาด
มองดูเค้าเล่นพาราชูตเพลินๆ ไป






หาดพาราไดซ์ (Paradise Beach)


อยู่ห่างจากหาดป่าตอง 7 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที



จริงๆ ระยะทางจากหาดป่าตองไปหาดพาราไดซ์นั้น ห่างกันน้อยกว่า 7 กิโลเมตร
แต่เนื่องจากถนนหน้าหาดป่าตองเป็นวันเวย์ ทำให้ต้องขับออกมาเส้นนอกก่อน

เส้นทางเป็นทางขึ้นเขา
ขับตามเส้นทางไปเรื่อยๆ

เป็นหาดส่วนตัว ไม่สามารถนำรถเข้าไปเองได้
แต่มีที่จอดรถให้




จากนั้นก็นั่งรถสองแถวเข้าไป ซึ่ง ฟรี! 😍





ทางลงไปหาด ชันมากกกกก 😖
เข้าใจเลยว่าทำไมไม่ให้ขับเข้าไปเอง



ด้านในเป็นพื้นที่ส่วนตัว
ชาวต่างชาติเสียค่าเข้า แต่คนไทยเข้าฟรี
พูดภาษาไทยใส่เค้า เค้าก็บอกให้เข้าไปด้านในได้เลย 😆



ด้านในก็จะมีร้านค้า ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ลานการแสดง เก้าอี้ผ้าใบ
แล้วก็มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำ เช่น ดำน้ำ พายเรือ
ซึ่งเสียค่าบริการเพิ่ม









หาดจะเล็กๆ ไม่กว้าง คนไม่เยอะเท่าไหร่
น้ำใส ทรายละเอียด









เรามาเดินชมวิวอย่างเดียว
เสร็จแล้วก็นั่งรถสองแถวกลับขึ้นไป

จากนั้นก็ได้เวลากินข้าวกลางวันแล้ว
หิวมากกกกก 😵


Ciao Bistro & Coffee Talk Phuket


อยู่ห่างจากหาดพาราไดซ์ 12 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที



เป็นร้านพิซซ่าโฮมเมด อยู่ตรงข้ามหาดกะรน
มีของหวาน และเครืองดื่มจำหน่ายด้วย






ตอนบ่าย จะปล่อยพวกกระต่าย นกและเต่า มาเดินเล่นที่สวน







อาหารรสชาติอร่อยนะ
พิซซ่าเป็นแบบโฮมเมด จะเป็นแป้งบางๆ กรอบๆ
ถาดนึงแบ่งได้ 8 ชิ้น

ช่วงนี้มีโปร ซื้อ 2 แถม 1 ด้วย
สั่งมา 3 ถาด แต่ไม่อิ่ม ต้องสั่งสปาเก็ตตี้เพิ่ม





ส่วนเครื่องดื่ม
เมนูแนะนำเป็น Coffee Cube หรือ Chocolate Cube
เป็นเหมือนกาแฟหรือช็อคโกแลต อัดเป็นก้อน แล้วราดด้วยนมสด ให้ละลาย รสชาติเข้มข้นมาก
ราคาค่อนข้างแพง แต่รสชาติดี เข้มข้นมาก



จ่ายไป 1,600 บาท

กินเสร็จ ก็จะบ่าย 4 แล้ว
มีเวลาอีกนิดหน่อยก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน


จุดชมวิว Karon หรือ จุดชมวิวสามอ่าว


อยู่ห่างจากร้านอาหาร 5 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที



ทางขึ้นเขาตลอด ขับไปสูงมาก แต่วิวข้างทางสวยดี

จุดชมวิวนี้ อยู่ข้างทางเช่นเดิม
มีที่จอดรถเยอะหน่อย




จากลานจอดรถ ต้องเดินขึ้นไปยังศาลาด้านบนอีกนิด





มองเห็นวิวทะเลถึงสามอ่าว
แต่แดดแรงมาก ถ่ายรูปไม่ค่อยสวยเท่าไหร่





จุดชมวิวกังหันลม (Windmill Viewpoint)


อยู่ห่างจากจุดชมวิว Karon 6 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที



ตรงจุดนี้ วิวสวยดี
มองเห็นหาดในหาน มีเรือใบจำนวนมาก
แดดแรง แยงตา อีกเช่นเคย







จากลานจอดรถสามารถมองเห็นทางไปยังแหลมพรหมเทพได้ด้วย



ใกล้จะ 5 โมงครึ่งแล้ว
รีบขับรถไปยัง แหลมพรหมเทพ เพื่อชมพระอาทิตย์ตก ซึ่งเช็คเวลามาว่าจะตกตอน 6 โมงครึ่ง


แหลมพรหมเทพ


อยู่ห่างจากจุดชมวิวกังหันลม 2 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที



แหลมพรหมเทพอยู่ไม่ไกลจาก จุดชมวิวกังหันลม มากนัก
ถึงจะเพิ่ง 5 โมงครึ่ง
แต่ที่จอดรถด้านหน้าก็เต็มแล้วนะคะ 😕
คนเยอะมากกก มีของขายเยอะมากด้วย

ลานจอดรถหลัก อยู่หน้าป้ายแหลมพรหมเทพ

มองกลับไปยังถนนที่มาจากจุดชมวิวกังหันลม จากตรงนี้จะเห็นว่ารถจอดริมถนนได้แล้ว ส่วนทางซ้ายของภาพจะเป็นลานจอดรถอีกแห่ง

ด้านในลานจอดรถหลัก


สามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถหลัก ด้านหน้าป้ายแหลมพรหมเทพ
หรือริมฝั่งถนนทั้งสองฝั่ง ซึ่งจะขีดเส้นทำเป็นช่องจอดรถไว้
นอกจากนี้ก็มีลานจอดรถอีกแห่ง
ถ้ามาจากจุดชมวิวกังหันลม จะอยู่ทางขวา ก่อนถึงลานจอดรถหลัก






หลังจากจอดรถได้
ก็เดินขึ้นไปด้านบนทันที
คนเต็มเลย





พอขึ้นมาด้านบน จะเจอลานกว้างๆ
ทางขวาเป็นต้นโพธิ์ยักษ์
ทางซ้ายจะเป็นทางไปยังลานพระพรหม และทางไปชมแหลมพรหมเทพ








คนจะอยู่ด้านบนจุดชมวิวเป็นส่วนใหญ่





เราแบ่งกันเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรกยืนตรงลานด้านบน
ส่วนอีกกลุ่ม ลงไปผจญภัยด้านล่าง



ทางเดินเป็นดินลูกรัง ค่อนข้างชัน
ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง
นี่สวมรองเท้าแตะมาเดิน คิดผิดมากกก 😑



ด้านล่าง คนจะน้อยกว่าด้านบน




ณ ปลายสุดของแหลมพรหมเทพ




วันนี้พระอาทิตย์ตกห่างจากปลายแหลมพรหมเทพเยอะพอสมควร






พอพระอาทิตย์ตก ก็ต้องรีบเดินกลับขึ้นไป เพราะด้านล่างไม่มีไฟทางเดิน
พอมืดแล้วจะอันตรายเกินไป

มาถึงลานด้านบนก็มืดพอดี
ปวดขามากกก 😭

จากนั้นก็ขับรถกลับเข้าเมือง


ร้าน ตู้กับข้าว (Tu Kab Khao Restaurant Phuket)


อยู่ห่างจากจุดชมวิวแหลมพรหมเทพ 20 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที



เป็นร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองภูเก็ต
ร้านอยู่บริเวณย่านเมืองเก่า
ต้องหาที่จอดรถข้างทาง
ซึ่งก็ขับรถวนไป 4-5 รอบ กว่าจะได้ที่จอด 😓



ได้ที่จอดรถแถวๆ ธนาคารกสิกรไทย



ไปถึงร้าน ก็ต้องรออีก 6 คิว
รอเกือบครึ่งชม. ในที่สุดก็ได้กิน






อาหารแนะนำ
หมูฮ้อง
แกงปู + หมี่หุ้น









มื้อนี้หมดไป  1,830 บาท

จากนั้นก็ขับไปยังที่พัก


โรงแรม Blu Monkey Bed & Breakfast


อยู่ห่างจากย่านเมืองเก่า 3 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที


เช็คอินเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาพักผ่อนเสียที 😴





Link ที่เกี่ยวข้อง


ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【ภูเก็ต】Day 1 - เดินชายหาดเพลินๆ เบิร์นผิวเล่นๆ
ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【ภูเก็ต】Day 2 - มองเห็นเรือใบ...แล่นอยู่ในทะเล
ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【ภูเก็ต】Day 3 - เดินลั้ลลา ย่านเมืองเก่า
ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【ภูเก็ต】Blu Monkey Bed & Breakfast

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>