ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 1 ก้าวแรกบนเกาะมันเทศ



ยู้ฮู ทริปต่างประเทศรอบนี้
เราจะแบกสังขารตัวเองไป ไต้หวัน ที่กำลังบูมอยู่ในขณะนี้


เดินทางง่าย ตั๋วถูก
ติดอย่างเดียวคือ ต้องมีวีซ่า
แต่เราไม่หวั่น ขอก็ขอสิ อ่านประสบการณ์ขอวีซ่าของเรา ได้ ที่นี่
ฟรีวีซ่าเมื่อไหร่ คนแห่กันไปเหมือนญี่ปุ่นแน่นอน


เราได้ตั๋วของ Tiger Air มา
มาดูดีกว่า ว่าคนอื่นๆ เค้ารีวิว Tiger Air ไว้ยังไง >>> รีวิว Tiger Air

เจอกันที่ดอนเมือง

มีคนบอกว่า V Air นั่งสบายกว่านะ
Tiger เครืองเล็ก ที่นั่งแคบ แต่มันไม่เป็นปัญหาไง เพราะเราขาสั้นไง อิอิ


ขาไปขึ้นเครื่องเลท จาก 18.50 เป็น 19.20
แต่เครื่องก็ยังคงทำเวลาได้ดี ไปถึงไต้หวันประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ด้วยจำนวนคนเกือบจะเต็มลำ



✧・゚:*✧・゚ Good Morning Taiwan 05/05/2016 ✧・゚:*✧・゚


ไปถึงสนามบิน
เครื่องไม่ได้เทียบงวงช้าง ต้องต่อรถบัสไปอาคาร Terminal 1



จากนั้นก็เดินตามๆ กันไป
อย่าลืมดูป้าย Immigration นะ เดี๋ยวไปผิดทาง




เดินประมาณ 10 นาที ก็ถึงตม.
คิวยาวมาก แต่ก็มีเคาน์เตอร์เปิดเยอะอยู่เหมือนกัน

เคาน์เตอร์จะแบ่งเป็น Non Citizen กับ Citizen สำหรับคนต่างชาติ และคนไต้หวัน
เข้าแถวให้ถูกช่อง และระวังเรื่องการแซงคิวอันเลื่องชื่อด้วย โดนไปหลายรอบเหมือนกัน


ใช้เวลาเกือบครึ่งชม. ก็ผ่านจากตม.ได้
เรากรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองออนไลน์มาแล้ว
กรอกแบบฟอร์มได้ ที่นี่ และดูรายละเอียด รีวิวจากเว็บ 1000milesjourney


ตม. ไม่ได้ถามอะไรสักคำเลย ดีจัง
แค่ยื่นพาสปอร์ตไปเล่มเดียว เค้าก็ตรวจสอบอะไรนิดหน่อย
แล้วเค้าก็จะให้ถ่ายรูป จากนั้นก็เอานิ้วชี้ทั้งสองข้าง ไปสแกนลายนิ้วมือบนเครื่อง เป็นอันเสร็จพิธี


ผ่านตม.ปุ๊บ ก็เดินออกไปรับกระเป๋า
ตรงโซนนี้ จะมีห้องอาบน้ำให้ ใครจะอาบให้รีบอาบนะ เพราะออกไปแล้ว กลับเข้ามาไม่ได้ละนะ




ตอนออกมาจากจุดรับกระเป๋า จะเจอเคาน์เตอร์ Information ( ซึ่งปิดแล้ว )
มีแผ่นพับ เกี่ยวกับข้อมูลสนามบิน รวมถึงรถไฟความเร็วสูงอยู่ด้วย อย่าลืมไปหยิบมานะ


► เว็บเกี่ยวกับ Service ต่างในสนามบิน http://www.taoyuan-airport.com/english/shop-dine-service
► แผนที่สนามบิน http://www.taoyuan-airport.com/english/facilities-map#t1




ต่อไปก็หาที่นอน ขณะนี้เวลาตี 1 กว่าๆ แล้ว ง่วงมาก
เดินตาม รีวิว ไป
เห็นบอกว่า นอนแถว Starbucks ที่นอนนุ่ม และสงบที่สุด


การเดินทาง ตามนี้เลยจ้า
► ออกจากจุดรับกระเป๋ามา ผ่านจุดตรวจ เลี้ยวซ้าย
► เดิมตามป้าย Departure Hall
► เจอ Subway เลี้ยวซ้าย
► เดิมตามป้าย Departure Hall
► หา เคาน์เตอร์ Checkin ขาออก
► หา Row 4 ให้เจอ มีบันไดเลื่อนใกล้ๆ
► ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน (ชั้น 3)
► เลี้ยวขวา หรือ ซ้ายก็ได้ เพราะแต่ละมุม จะมีเบาะที่สามารถนอนได้อยู่
► Starbucks เลี้ยวขวา
อ่านรีวิวเพิ่มเติม ได้ ที่นี่


แต่ แต่ ไปถึงปุ๊บ เต็มแล้วจ้า ⊙﹏☉
คือที่นอนมันน้อยมาก รองรับได้ประมาณด้านละ 10 คนเท่านั้น




เราเลยตัดสินใจ ลงมาที่ Food court ชั้นล่าง (B1) แทน
มีที่นอนเหลือเยอะมาก
แต่เก้าอี้ที่เป็นเบาะนุ่มๆ มีจำนวนจำกัด
ส่วนใหญ่ที่เหลือไว้เป็นเก้าอี้ไม้และเก้าอี้ตัวเล็กๆ ก็เอามาต่อๆ กันเอา





แอร์แรงมาก หนาวสะท้าน
คำแนะนำ คือ อย่านอนใกล้ บันไดเลื่อน
เพราะบันไดเลื่อนที่นี่ มีเสียงเตือนดังตลอดเวลา


เราจัดแจงที่นอนเรียบร้อย
แต่ความหิว มาเยือนซะก่อน


เลยเดินออกไปหาอะไรกิน เนื่องจากฟู้ดคอร์ทมันปิดหมดแล้ว
แต่มีมินิมาร์ทชื่อ Hi-life เปิดอยู่


วิธีการเดินทาง คือ เดินตามป้ายที่เขียนว่า Bus to city หรือ Convenience Store เอาไว้
เพราะมันไปทางเดียวกัน




มินิมาร์ทจะอยู่ติดกับบันไดเลื่อนขึ้นลงชั้น B1 ทั้งสองทาง ที่ไปเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถบัส
Food court กับ Mini-mart อยู่ชั้น B1 เหมือนกัน
แต่มันไม่ได้เชื่อมต่อกันโดยตรง
เราต้องขึ้นไปชั้น 1F ก่อน แล้วค่อยกลับลงไป B1 อีกครั้ง

ชานม ยืนยันอีกเสียงว่าอร่อยดี

กินเสร็จก็นอน ขณะนี้เวลาตี 3 แล้วจ้าาาาาา
คือเล็งว่าจะตื่นตอนตี 5 อ่ะ จะไหวมั้ยยยยยย

ร้านขายซิมยังปิดอยู่เลบ

มีตู้ขายซิมหยอดเหรียญด้วย


คร่ออออออก  ฟรี้้้้้้  ᵕ‿‿ᵕ zzzZZZ


ตื่นอีกที ตี 4
อร๊ายยยยยยย นี่ชั้นอยู่ในขั้วโลกเหนือหรอเนี่ยยยยยยยยยยย
ทำไมมันหนาวเยี่ยงนี้  (✖╭╮✖)


แถมบันไดเลื่อนยังส่งเสียงดังตลอดเวลาอีกต่างหาก
ทุกคนตื่น (หรือจริงๆ ไม่ได้นอน) แล้วไปล้างหน้าล้างตา แต่งตัว
เตรียมเดินทางกันดีกว่า


แถวนั้นมีห้องน้ำอยู่ มีแม่บ้านทำความสะอาดตลอดเวลา คอนเฟิร์มเรื่องความสะอาด (>‿♥)


กว่าจะเตรียมตัวเสร็จ ใช้เวลาเกือบชม. ครึ่ง
ตี 5 ครึ่ง ออกเดินทาง
วันนี้เราจะไปที่ Sun moon lake 日月潭 กัน


แผนภาพการเดินทางอย่างง่าย

ทำ Infographic สวยๆ ด้วย piktochart


เอาล่ะ เริ่มกันเลย!!


ก่อนอื่นก็เดินไปที่ Counter รถ U-Bus เพื่อนั่งรถบัสไปลงสถานี HSR Taoyuan 高鐵桃園站


ไปรอหน้าเคาน์เตอร์ U bus ตอน 5.45
เคาน์เตอร์เปิด 6 โมง






ตอนไปถึง มีคนเข้าคิวอยู่แล้ว
พนักงานก็ทยอยเข้ามาทำงาน จัดแจงนู่นนี่นั่น แต่ยังไม่เปิดขายตั๋ว




จน 6 โมงเป๊ะ เริ่มจำหน่ายตั๋วตามเวลา


แถวนั้นมีที่ชาร์ตแบต ฟรี ด้วย

ตั๋วของ U-bus 705 ราคาคนละ 30 NT
ไม่มีระบุเวลา และที่นั่ง
ซื้อตั๋วแล้ว ไปรอเข้าคิวที่ป้าย ซึ่งอยู่ห่างจากเคาน์เตอร์ไม่ถึง 10 ก้าว แบบหันหลังไปก็เจอเลย
เรารอที่ป้าย 12






ถึงจะไม่ระบุที่นั่ง แต่เค้าก็ไม่ให้ยืนนะ
นับจำนวนคนขึ้นรถเลย ถ้ารถเต็มปุ๊บ ออก
มีคนโดนแยกจากเพื่อนด้วยแหละ แต่ไม่ใช่กลุ่มเรา




รถใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
ก็ถึงสถานี HSR Taoyuan
รถจอดหน้าประตู  5 ของสถานี




เราเดินเข้าไปที่ช่องที่เขียนว่า Periodic Ticket เพื่อนำ Redeem Code ไปแลกตั๋ว  One way Ticket จริง
อ่านรีวิวได้ ที่นี่




ขั้นตอนก็นำ โค้ด + Passport ของแต่ละคนไปยื่นให้เจ้าหน้าที่
ระบุเวลาที่ต้องการเดินทาง
(สถานีต้นทาง ปลายทาง วันที่เดินทาง ชื่อผู้เดินทาง พาสปอร์ต นั้น ระบุไว้ตั้งแต่ตอนจอง)





ได้รอบประมาณ 6.51 แต่กว่าจะออกตั๋วครบ 7 คน
ใช้เวลานานอยู่นะ เกือบ 6.45 ถึงได้ตั๋วครบ
โชคดีที่สถานีนี้ค่อนข้างเล็ก
จากเคาน์เตอร์ มองเห็นบันไดเลื่อนและลิฟต์ลงไปชานชาลาได้
เราต้องไป ชานชาลา ที่ 1




วิธีใช้ One way ticket ก็แค่นำ Ticket + Passport ยืนให้เจ้าหน้าที่
เค้าจะเปิดประตูช่องพิเศษให้ แล้วก็ประทับตราบนตั๋วแค่นั้นแหละ




เดินลงไปสถานีอีก 5 นาที
โชคดีที่มีแค่ 2 ชานชานลา ขึ้นเหนือ กับลงใต้
พนักงานจะบอกก่อนว่า เราต้องไปชานชาลาไหน




ภายในพาส ก็จะบอกที่นั่ง เลขรถ ตู้ ให้เรียบร้อย
ที่เหลือก็แค่ดูป้ายที่ชานชาลา กับเวลา ว่ารถที่มาเนี่ย ใช่ขบวนของเรารึเปล่า
แล้วก็ยืนรอให้ถูกตู้ด้วย ดูหมายเลขตู้ (Car no.) ได้ตรงป้ายด้านบน และพื้นด้านล่าง
เสร็จแล้วก็นั่งตามที่นั่งของตัวเอง




เราได้ที่นั่งแบบคนละแถว แต่อยู่ตู้เดียวกันหมด


ที่นั่งใน HSR กว้างมาก
เราขาสั้น เอากระเป๋าเดินทางมาไว้ด้านหน้าได้เลย
แต่ระวังหน่อย คนอื่นเข้าจะเข้าออกลำบาก


จริงๆ ด้านหน้าหรือหลังตู้ มันจะมีที่วางกระเป๋าอยู่
แต่ตอนเราเข้าไป มันเต็มแล้ว
เหลือที่วางกระเป๋าด้านบน แต่เอื้อมไม่ถึง
เลยวางข้างล่างแหละ


ภายในรถไฟ สามารถนำอาหารไปรับประทานได้




รถใช้เวลาวิ่ง ไม่นาน ประมาณ 45 นาที (07.36) ก็ถึง สถานี HSR Taichung 高鐵台中站
คราวนี้รถไฟอยู่ด้านบนละ
ต้องลงลิฟต์มาชั้นล่าง





สถานีนี้ใหญ่กว่า Taoyuan มี 7-11, Sushi Express ฯลฯ
แต่เรามีเวลาไม่มากนัก
เลยแค่ไปซื้อของจาก 7-11 มาเผื่อกินบนรถ




จากนั้นเดินลงบันไดเลือนมา ตรงที่เขียนว่า Nantou (Sun Moon Lake & Xitou)
มองหาประตู 5 เพื่อไปซื้อตั๋วรถ Nantou Bus ไป Sun Moon Lake
เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว อยู่ติดประตูทางออกเลย



ระหว่างทางจะเจอคนเข้ามาถามเยอะมาก
พวกนั้นคือ Taxi นะ
แต่ไม่ต้องกลัว ไม่น่ากลัวด้วย
คือพอเค้าถาม เราก็ตอบไป แล้วบอกว่า จะไปรถบัสนะ
เค้าก็ชี้ๆ ว่ารถบัสอยู่ตรงนั้น ไปรอบกี่โมง ไปเข้าแถวได้เลย
อืมมมม ก็ดีนะ บอกทางเสร็จสรรพ



รถ Nantou bus ค่าตั๋วประมาณ 190 NT แต่ถ้าซื้อไปกลับจะ 340 NT
ไม่ต้องระบุรอบทั้งขาไปและขากลับ
ซื้อเสร็จก็เข้าแถวเลย






เราได้รอบ 8.15
ขนาดรถบัสยังมาตรงเวลา
ยื่นตั๋วให้พนักงาน เก็บกระเป๋าสัมภาระ วางใต้ท้องรถ
ที่นั่งจับจองกันเอาเอง
ส่วนตั๋วไว้ให้ดีๆ เดี๋ยวตอนลงต้องยื่นให้คนขับอีกรอบ


บนรถห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มไปรับประทาน
กลุ่มเรา คิดว่ากินได้ ซื้อกะว่ามากินในรถกันหมด




นี่ชั้นต้องรอไปสองชั่วโมงเลยหรอเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  (╥﹏╥)





เวลา 9.45 รถก็มาถึง Sun Moon Lake โดยสวัสดิภาพ พร้อมความหิว
รถจอดที่หน้า Shueishe Visitors Center 水社旅客服務中心
สิ่งแรกที่เจอคือ มีคนมาพูดๆๆๆๆๆๆ อะไรสักอย่าง เหมือนเวลาลงรถบัสต่างจังหวัดบ้านเรา
ที่เราเจอคือ พนักงานขายตั๋วล่องเรือ




เราบอกว่าจะไปที่พัก เค้าก็ถามว่าไปที่ไหน
จากนั้นก็บอกทางให้เสร็จสรรพ
โดยการคุยกันนั้น เค้าใช้ Google Translate ด้วยแหละ ทันสมัยซะไมมีล่ะ




จาก Vistor Center เดินไปโรงแรม ไม่เกิน 5 นาที
โรงแรมชื่อ Mei Jen House 美真舘民宿
หน้าตาที่พัก เหมือนใน Agoda เปี๊ยบเลย หน้าตาตึกไม่เหมือนชาวบ้านเค้า ดูมุ้งมิ้งสุดๆ 555




ทางเข้าจะค่อนข้างแคบหน่อย
และเนื่องจากที่นี่เปิดให้เช็คอินได้ตอน 15.00 น.
เราเลยทำได้แค่ฝากกระเป๋าไว้ แต่เค้าให้ดื่มน้ำ กับเครื่องดื่ม พวกชากาแฟได้ที่โรงแรมก่อนได้







10.30  เริ่มออกเดินทาง
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ซื้อซิมการ์ด
เนื่องจากเราไม่รอจนร้านซิมที่สนามบินเปิด (มันเปิดเร็วสุด 7.30 )
เลยต้องรีบมาซื้อที่นี่




ร้านซิมจะอยู่ในที่ทำการไปรษณีย์เยื้องๆ กับ ท่าเรือ Shueishe




ข้อดี คือ ถึง Sun Moon Lake ไว ไม่ต้องรอร้านซิมเปิด เพราะอยู่ในสนามบินมันน่าเบื่อมากกกกก
ข้อเสีย คือ ร้านที่นี่เปิด 9.00-12.00 ปิดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ ที่สำคัญใช้เวลาดำเนินการนาน (เราไม่แน่ใจว่าซื้อที่สนามบินใช้เวลานานแบบนี้รึเปล่า)





การซื้อซิมที่นี่ ก็ไม่ยากเท่าไหร่นะ สื่อสารกันรู้เรื่อง แค่ดูขั้นตอนมันยุ่งยากอ่ะ
เค้าจะถามว่ามากี่วัน จะใช้ซิมแบบกี่วัน
มีแบบ
☞ 3 วัน 300 NT
☞ 5 วัน 300 NT
☞ 7 วัน 500 NT
ไม่เข้าใจว่าทำไม 3 กะ 5 วันมันถึงราคาเท่ากัน


หลักฐานที่ใช้ คือ Passport กับ บัตรประชาชน
เค้าจะกรอกข้อมูลส่วนตัวเราไปในระบบ แล้วรอปรินท์เอกสาร


จากนั้นก็เอาพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนเราไปถ่ายรูปไว้
แล้วเอาเอกสารให้เราเซ็น 2-3 จุด


เราซื้อซิมไป 5 คน ใช้เวลา 1 ชม. กว่าๆ
ซิมที่ได้ก็น่าจะเป็น แบบนี้ มั้ง ซองคล้ายๆ กัน แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว
คือตอนซื้อ ซื้อแบบไม่มีทางเลือกไง ราคาไม่แพงเกินไปก็โอเคหมดอ่ะ


เราซื้อแบบ 7 วันมา
ใช้เน็ต 4G ได้ 7 วัน (ซื้อวันที่ 5 หมดวันที่ 12)
ไม่มีเงินในซิม แต่มีให้โทรฟรีได้ประมาณ 150 NT




เวลาโทรกลับไทยให้กด 019 ตามด้วยรหัสประเทศ ตามด้วยเบอร์โทร เช่น
019 66 99 999 99 99
นาทีละ 2 NT กว่าๆ


ซื้อซิมเสร็จ 11 โมง ครึ่ง
เดินไปร้าน Sun Moon Lake Restaurant ซึ่งให้ขุ่นเพื่อนมาจองคิวไว้
ระหว่างที่กำลังไล่จัดการซิมของแต่ละคนอยู่




ร้านจะอยู่ด้านหลัง Shueishe Visitor Center
สามารถเดินลัดจากร้านขายของฝากหน้าท่าเรือ Shueishe
หรือเดินจากร้านไปรษณีย์ ก็ตรงมาเลื่อยๆ เลี้ยวขวา แล้วตรงมา จนเจอ 7-11
ถัดจาก 7-11 ก็จะเจอร้านละ
ก่อนเที่ยงคนยังไม่เยอะ



เริ่มสั่งอาหาร
มีเมนูภาษาอังกฤษนะ มีรูปด้วย
แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอยู่ดี


เน้นสั่งที่เป็นจานเด่นๆ ของร้าน และกินตามรีวิว


ก็มีหมูผัดอะไรสักอย่าง กุ้งที่แช่อยู่ในน้ำซุป ผัดผัด ปลานึ่ง ประมาณนี้
บางเมนูจะมีให้เลือกไซส์  Small กะ Medium
ขอบอกว่า Medium บ้านเค้า เท่ากับ Large บ้านเราเลยแหละ




อาหารเสิร์ฟค่อนข้างไว น้ำชาฟรี แอร์เย็นดี
อาหารรสชาติอร่อย อร่อยที่สุดในทริปแล้ว 555




มีสับปะรดให้ฟรีด้วย เป็นผลไม้ที่อร่อยสุดในทริปด้วยเช่นกัน


กินอิ่มแล้ว เริ่มผจญภัยได้
ตอนนี้ท้องฟ้ายังแจ่มใสอยู่
เราต้องไปล่องเรือ


เดินกลับไปที่หน้าท่าเรือ Shueishe Pier  水社遊客中心
จะมีคนมาเสนอขายตั๋วเรือ อยู่ตลอด
ตอนแรกบอก 300 NT แล้วลดเหลือ 250 NT
เพื่อนก็ถามว่า ตกลงมันเท่าไหร่




คืออ่านรีวิวมาก็งงๆ ว่า เอ มัน 300 NT หรือ 100 NT กันแน่หว่า
เลยบอกให้ขุ่นเพื่อนลองต่อเหลือคนละ 100 NT ดูสิ


ปรากฎว่า .... ได้ด้วยงะ เป็น One day pass เลย ☉_☉
เออ ดีเนอะ ต่อแบบงงๆ




ซื้อตั๋วเสร็จ เค้าจะปั้มตราที่แขน กับให้ตารางเวลามา
(ตราที่แขน ระวังหายไปเหงื่อและน้ำ นะ)




เราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ Shueishe ให้ตรงกับหมายเลขที่เค้าบอก
เช่น
~☆ ท่า Shueishe หมายเลข 2
~☆ ท่า Xyuanguang (Syuanguang) หมายเลข 2
~☆ ท่า Ita Thao (Yidashao) หมายเลข 1


รอบแรก 9 โมง รอบสุดท้าย 5 โมงเย็น เรือออกทุก 20 นาที
ประมาณนี้ โดยท่าเรือแรก จะมีคนบอกว่า ไปเลขไหน
ส่วนท่าต่อๆ ไป ก็ง่ายๆ ตอนเราลง ลงเลขไหน ตอนขึ้นก็ขึ้นเลขนั้นแหละ




ก่อนจะขึ้นเรือ
จะมีเจ้าหน้าที่กวักมือเรียกเราไปขึ้นเรือด้วยความเร่งรีบ
จากนั้น ... นั่งรอ ไปเหอะ
เอ่อ แล้วพี่จะเร่งหนู ทำไมค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ㅇㅁㅇ





รอจนคนเกือบเต็มลำ
ก็ออกทะเลด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ٩(ˊᗜˋ˚)و




เรือค่อนข้างกว้าง เลือกได้ว่าจะนั่งด้านใน (ห้องแอร์) หรือด้านนอก (รับลมทะเลสาบ)







Sun Moon Lake 日月潭

ทะเลสาบสวยมากกกก กว้างด้วย น้ำเป็นสีเขียวๆ ฟ้าๆ สวยดี
ระหว่างทาง เรือจะชะลอที่ เกาะลาลู 
มีไกด์บรรยายเป็นภาษาจีนด้วย ฟังไม่ออก

เกาะเล็กๆที่อยู่กลางทะเลสาบซึ่งแต่เดิมเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ของชน "เผ่าเซ้าจู๋" ได้เคยอาศัยอยู่ 
ตามความเชื่อของชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยในละแวกทะเลสาบ เกาะลาลูนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สถิตดวงวิญญาณบรรพชน นักท่องเที่ยวจึงไม่สามารถขึ้นไปเหยียบบนเกาะได้
ตามตำนานปรัมปรา นักล่าสัตว์ชาวพื้นเมืองค้นพบทะเลสาบสุริยันจันทราจากการไล่ล่าตามรอยกวางขาวมาจนถึงที่นี่




เรือจะไปที่ท่าเรือ Xuanguang เป็นที่แรก ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจากท่าเรือ Shueishe
โดยท่านี้ จะมีวัด Xuanguang  Temple 玄光寺 (วัดฉวนกวงซื่อ บางครั้งเขียนเป็น Syuanguang Temple) และไข่ต้มใบชาเป็นจุดแลนมาร์ค
ข้อเสียของที่นี่ คือ คนเยอะมาก และจะไปวัดต้องเดินขึ้นเนินไป (เป็นบันได) เหนือยสิ





ข้างบนคนเยอะมาก ทุกคนจะพยายามต่อคิวเพื่อถ่ายรูปกับก้อนหิน ซึ่งน่าจะสลักชื่อวัดไว้
พวกเราขอผ่าน คนเยอะเกิน







สู้ฝูงชนไม่ไหว ตัดสินใจ .... เดินขึ้นเขาต่อไป
เพื่อไปวัด Xuanzang Temple 玄奘寺  หรือวัดพระถังซำจั๋ง (วัดฉวนจั้งซื่อ)
ระยะทาง 600 เมตร
จะมีป้ายบอกทางไป


ทางขึ้นจะต้องเดินผ่านป่า
แต่ทำทางไว้ค่อนข้างดี เป็นอิฐวางเรียงเป็นทางเดิน
ทำให้เดินง่าย ไม่ลื่น
แต่ยังไงซะ ก็ต้องเดินขึ้นเขาอยู่ดี




ใช้เวลาเกือบชม. ถึงขึ้นมาถึงเส้นชัย




จากตรงนี้จะเห็นทะเลสาบในมุมกว้างได้
เรามาช่วงที่กระเช้าปิด พอดี ถือว่ามาที่นี่แทนละกัน แต่เหนื่อยมากจริงๆ






ขึ้นมาได้สักพัก ฝนก็เริ่มตก
แต่ตกแป๊บเดียวก็หยุด
เราเดินไปพัก เอาแรงบนวัด
วัดนี้ใหญ่มาก ต้นไม้ใหญ่เบ่อเร่อเลย
หน้าวัดมีศาลา ให้นั่งชมวิวทะเลสาบด้วย









พักจนหายเหนื่อย
ก็ตัดสินใจ ไม่ไปเจดีย์ Ci-en Pagoda 慈恩塔 
เนื่องจากต้องเดินต่ออีกตั้ง 1.1 กิโล และคาดว่า ขึ้นเนินเหมือนกันแน่ๆ


กลับลงไปด้านล่าง ฝนก็เริ่มตกคราวที่นี้ตกนานกว่าเดิม แต่ยังไม่หนัก
ก่อนไปท่าเรือ ก็แวะซื้อไข่ต้มซะหน่อย
รสชาติคล้ายๆ ไข่พะโล้ อร่อยดีเหมือนกัน


จากนั้นก็ไปชะเง้อดูเรือที่ท่าเรือ
พอไปถึงท่าเรือเท่านั้นแหละ
ฝนเทลงมาเลยจ้า ✖╭╮✖


ดีว่าเรือมาทัน ได้นั่งพักบนเรือ
ตอนแรกว่าจะไม่แวะท่าเรือ Ita thao ละ
แต่ไปๆ มาๆ มันอดไม่ได้
แวะหน่อย ไหนๆ ก็มาละ




มาถึงแล้ว ก็ เอิ่มมมม........ ติดฝน 555
ตกหนักเลยที่นี้
เปลี่ยนจากร่ม มาเป็นเสื้อกันฝน
อุตส่าห์ซื้อเสื้อกันฝนรูปริระคุมะมา จะใช้ทั้งที ขอแบบมุ้งมิ้งหน่อยละกัน




ท่าเรือนี้ จริงๆ มีตลาดนัดนะ
แต่ฝนตก บวกกับวันธรรมดา ร้านเลยน้อย
เป็นท่าสำหรับขึ้นกระเช้าด้วย
แต่วันที่เรามา มันเป็นวันที่เค้าปรับปรุงกระเช้าประจำปี




สรุป คือ ท่านี้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา  ಥ_ಥ
เดินเล่นไป 1 รอบ ท่ามกลางสายฝน ได้กินขนมกับชาไข่มุกไปหน่อยเดียว




จากนั้นก็นั่งเรือกลับท่าเรือ Shueishe
แล้วก็เดินกลับไปยังที่พัก


ได้เวลารีวิวโรงแรม



Mei Jen House 美真舘民宿

ในส่วนด้านหน้าของล็อบบี้ มันต้องเข้าประตูมาด้านใหนก่อนถึงจะเห็นเคาน์เตอร์
บางคนมองจากด้านนอก อาจจะงงๆ ว่ามาถูกที่หรือเปล่า
ชั้นแรก จะเป็นล็อบบี้ กับห้องอาหาร
บริเวณล็อบบี้ มีเครื่องดื่ม และน้ำเปล่า ร้อน เย็น ธรรมดา บริการตลอด


ส่วนของที่พัก จะอยู่ชั้นสองขึ้นไปเราจองไว้ 3 ห้อง
เป็นห้อง 2 คน 2 ห้อง และห้อง 4 คน 1 ห้อง


ห้อง 2 คนจะอยู่ชั้น 2 ส่วนห้อง 4 คนอยู่ชั้น 3
โรงแรมไม่มีลิฟต์ ต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปเอง
บันไดทางขึ้นค่อนข้างแคบ ไม่เหมาะกับคนที่มีกระเป๋าใบใหญ่


ชั้นสองจะมีห้องนั่งเล่นใกล้บันได แล้วก็มีระเบียงไปนั่งเล่นด้านนอกได้
มองเห็นวิวทะเลสาบนิดหน่อย







ชั้น 3 จะเป็นห้องใหญ่ มีหน้าต่างที่มองเห็นวิวทะเลสาบได้ด้วยหน่อยนึง


ภายในห้อง

เราอยู่ห้อง 4 คนนะ ขอรีวิวแต่ห้องนี้ละกัน
ประตูเป็นคีย์การ์ด เค้าจะให้กุญแจสำหรับประตูหน้าตึกไว้ด้วย เพราะเค้าจะล็อกประตูหน้าตอนกลางคืน


เข้ามาปุ๊บ จะเจอพื้นที่สำหรับวางของ เอาของวางไว้ตรงนี้ละกัน
ถัดไปจะเจอที่นอน ไม่ทีเตียงสูงๆ นะ แต่ไม่เป็นปัญหา ห้องกว้างดีด้วย




ภายในห้องจะมี
แอร์ โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้
ทีวี ชั้นวางทีวี มีตู้เย็นด้านล่าง
ไดร์เป่าผมอยู่ข้างโต๊ะเครืองแป้ง
ถัดจากโต๊ะเครื่องแป้งจะเป็นตู้เสื้อผ้า มีไม้แขวนเสื้อให้
ที่นอนเป็นแบบคิงไซส์สองอันติดกัน พร้อมหมอน และผ้าห่ม
ข้างๆ มีโทรศัพท์ กาน้ำร้อน รองเท้าสำหรับใส่ในห้อง







จากนั้นจะเป็นห้องน้ำ
ประตูห้องน้ำเป็นแบบกระจกฝ้า ไม่มีที่ล็อก แต่มีผ้าม่านด้านนอกไว้ปิดกันโป๊ 555






มีเครื่องทำร้อน อ่างล่างหน้า ชักโครก
อุปกรณ์ในห้องน้า เช่น สบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพู มีโกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าขนหนูผืนเล็กและใหญ่






ห้องน้ำกว้างดี นำ้ไหลแรงดีด้วย


มีไวไฟฟรี แอร์เย็น ตอนเช้าจะพาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วย



จัดแจงข้าวของเรียบร้อย
เวลาห้าโมงเย็นก็เดินออกไปที่ท่าเรืออีกครั้ง
เพื่อกินข้าว


เลือกร้าน Moon Coffee
หน้าตาเป็นร้านกาแฟมากกว่า แต่มีพวกอาหารสไตล์ตะวันตกอยู่





ร้านอยู่ติดท่าเรือ ตรงข้ามไปรษณีย์
มองเห็นวิวทะเลสาบได้
แต่ก็ไม่ได้โรแมนติกเท่าไหร่นะ





อาหารรสชาติธรรมดา ออกไปทางน่าผิดหวัง
เราสั่งพวกเฟรนฟรายด์ ของทอด พิซซ่า นี่กินได้นะ รสชาติดี
แต่พวกสปาเก็ตตี้ ไม่ไหวแหะ รสออกจืดๆ กินแล้วเลี่ยนๆ
ราคาแพงกว่าเมื่อกลางวันอีก




เสร็จแล้วก็เดินเล่นตอนกลางคืน
แถวนี้จะมีร้านค้า ร้านมินิมาร์ท ร้านของฝาก ร้านอาหาร ร้านเช่าจักรยาน เยอะมาก


มินิมาร์ทที่นี่ มีห้องน้ำในตัวนะ ไปขอใช้บริการได้ มันสะอาดมากกกกกก (พูดจริง)
ส่วนใหญ่มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารด้วย
ชอบไต้หวัน เรื่องห้องน้ำหาง่ายเนี่ยแหละ


7-11 บ้านเค้า ออกแนว lawson เลย มีพวกโอเด้ง ให้กินด้วย
มีเครื่องถ่ายเอกสาร กับเครื่องจำหน่ายตั๋วอย่าง Ibon ด้วย


ข้อเสียคือ ต้องเตรียมถุงใส่ของไปเองนะ ซื้อของแล้ว เค้าไม่มีถุงให้ (มีแต่ต้องจ่ายเพิ่ม 1-2 NT)
ยกเว้นพวกของร้อน เช่น ข้าวกล่องที่เวฟแล้ว จะมีถุงตาข่ายๆ ใส่ให้
(อาจจะเป็นข้อดี เพราะทำให้บ้านเมืองสะอาด)


มีคนบอกว่า ถังขยะหายาก แต่เราก็ว่าไม่ยากเท่าไหร่นะ
คือมันไม่ได้วางถี่แบบบ้านเราอ่ะ แต่ตามสถานี ร้านมินิมาร์ท หรือแหล่งท่องเที่ยว จะมีให้อยู่แแล้ว


อ้อๆ สำหรับคนที่ซื้อสินค้าในไต้หวัน
ใบเสร็จ อย่าทิ้งนะจ๊ะ เอาตัวเลขในใบเสร็จมาลุ้นรางวัลได้
ซื้อวันนี้ อีก 2 เดือนมาลุ้นรางวัลกันนนนนนนน
เนี่ยเก็บไว้ทุกใบเลย รอลุ้นโชคอยู่ 5555




ของฝากที่นี่ราคาจะแพงกว่าในไทเป
พวกพวงกุญแจ ราคาจะประมาณ 40 NT+


ตรง Visitor จะปิดค่อนข้างดึก เราไปสามสี่ทุ่มก็ยังเปิดอยู่
เป็นเหมือนร้านมินิมาร์ท มีของฝาก ของใช้ ของกิน จำหน่าย


จริงๆ มีร้านเช่าจักรยานและล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าด้วย (แต่ตอนนั้นปิดไปแล้ว)








━═ (ノ)ノ*:・゚ สรุปค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง 

รายการ บาท
ค่าเครืองบิน ไปกลับ 3,967
ค่าวีซ่า 1,500
ค่าใช้จ่ายเพื่อทำวีซ่า 160
ค่า Easy Card 178
ประกันภัยการเดินทาง 427
ค่าที่พัก SML 912
ค่าที่พัก Taipei 4,104
ค่านน. กระเป๋าขาไป 179
ค่านน. กระเป๋าขากลับ 345
ค่าตั๋ว One Way Ticket : HSR 964
ค่าตั๋ว TRA : Taipei <> Hualien 865
รวม ฿13,601


━═ /人 ⌒ ‿‿ ⌒ 人\ ค่าใช้จ่ายประจำวัน 

รายการ NT
ข้าวเช้า 85
ข้าวกลางวัน 210
ข้าวเย็น 243
U-Bus 30
Nantou Bus 340
Sim Card 500
เรือ 100
ขนม 223
รวม 1,731
รวม ฿1,930


╔══════════════════════ ღೋღೋ ══════════════════════╗

Link ที่เกี่ยวข้อง


★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan 】แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าไต้หวัน
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】ซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงกันเถอะ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 1 ก้าวแรกบนเกาะมันเทศ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 2 ปั่นจักรยาน ต่อด้วยปีนเขา
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 3 เย่หลิว จิ่วเฟิ่น
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 4 สุขสันต์วันแม่ ลัดเลาะ Taipei ยาวถึง Tamsui
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 5 ไท่ลู่เก๋อ
★ ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Taiwan】Taiwan Go Go! ตอนที่ 6 เก็บตก ก่อนลาจาก เกาะมันเทศ

╚══════════════════════ ღೋღೋ  ══════════════════════╝

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>