ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีเกียวโต [Day 5]




รถบัสมาถึงหน้า สถานีรถไฟเกียวโต เวลาเกือบ 6 โมง (รถบัสยังตรงเวลาได้อีก 👍)
รถจอดหน้า ประตู Hachijo East Side ตรงข้ามห้าง Avanti





จากนั้นก็
เอากระเป๋าเดินทางใส่ล็อคเกอร์ ล็อคเกอร์มีอยู่ทั่วไปตามสถานี ทั้งด้านนอกและด้านใน
ล็อคเกอร์ด้านนอกสถานีมีขนาด 300 เยน, 500 เยน และ 700 เยน
แต่ถ้าเข้าไปด้านในจะเจอราคา 600 เยน (ซึ่งมีขนาดเท่ากับ 700 เยนด้านนอก 😑)





จากนั้นก็เข้าไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำในสถานีกันก่อนค่ะ แถวค่อนข้างยาวเลยทีเดียว
และเนื่องจาก ร้านค้าภายในสถานียังไม่เปิด (ยกเว้นพวกมินิมาร์ท)
เราเลยตัดสินใจไปที่วัดน้ำใสกันก่อนดีกว่า ออกเช้าได้เปรียบ 😀


ทำธุระเสร็จก็เดินไปฝั่งตรงข้าม
เพื่อไป Bus terminal


โดย จาก ประตู Hachijo East Side
หันหน้าเข้าสถานี จะเจอทางเข้า Shinkansen กับ JR
ให้เดินอ้อมไปทางขวา (จะมีร้าน Mc ทางขวามือ)
ลงบันไดไป
แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ
มองป้ายที่เขียนว่า Bus terminal


ออกมาจะเจอทางเข้า JR แบบนี้



หันหน้าหา Kyoto Tower
ทางขวาจะเป็น Bus Ticket Counter
ทางซ้ายจะเป็น Bus Stop





พอมาถึง Bus terminal ก็เดินไปใน Bus Ticket Center เพื่อซื้อตั๋ว Kyoto Bus One Day Pass
แต่เนื่องจากจากยังเช้าอยู่ เคาน์เตอร์ไม่เปิด (รู้สึกจะเปิด 7.30)
ต้องซื้อตั๋วจากเครื่องจำหน่ายตั๋วเอง 😏


วิธีการซื้อก็ใส่เงินลงไป
แล้วกดปุ่มเลือกบัตรที่ต้องการ



ราคาสุทธิ 500 เยน ใช้นั่งรถ Kyoto Bus ไม่จำกัดใน 1 วัน 👍
ซึ่งพวก Kyoto City Bus ทั้งหลาย ส่วนใหญ่จะราคาเดียวตลอดสาย (230 เยน)
นั่ง 3 ครั้ง ถือว่าได้ใช้บัตรนี้อย่างคุ้มค่าแล้ว 😁



ตัวช่วยสำหรับการเดินทาง 👇
Search Bus/Train Route 👉 http://www.arukumachikyoto.jp/index.php?lang=en
Public transport in Kyoto👉 http://www2.city.kyoto.lg.jp/koho/eng/access/transport.html


ตอนแรกวางแพลนว่าจะนั่งรถไฟไปก่อนแล้วต่อบัส จะได้ลดระยะทางของรถบัสลง เผื่อรถติด
แต่ดูๆ แล้วรถโล่งมากก เลยนั่งรถบัสยิงยาวเลยดีกว่า 😆





ไปรอรถบัส 100, 110 , 206 ที่ป้าย D1 หรือ D2 (ได้ทั้งคู่)
ป้ายอยู่เยื้องๆ กับ Bus Ticket Center





ชอบป้ายรถบัสที่นี่ 😘
มีป้ายบอกว่า ป้ายนี้รถบัสสายไหนผ่านบ้าง
รถสายนั้นผ่านป้ายหลักๆ อะไรบ้าง
แล้วยังมีบอกด้วยว่าตอนนี้บัสถึงไหนแล้ว (3-4 ป้ายนับจากป้ายปัจจุบันที่เรายืนอยู่)
โอ้ยยยย เริ่ดมากกกก 😍😍😍😍
อยากให้รถเมล์ในไทยทำแบบนี้ได้บ้าง อย่างน้อย จะได้ไม่ต้องรอรถแบบไร้ความหวัง 😒





จากป้ายสถานีเกียวโต ไปป้าย Gojo zaka 五条坂
ตอนขึ้น ขึ้นจากประตูหลังของรถ
ตอนลง ลงและจ่ายเงิน จากประตูหน้าของรถ





รถบัสใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณ 20 นาทีก็ถึงแล้ว
วันนี้เห็นเด็กนักเรียนเยอะมาก
แต่เป็นวันหยุดนี่นา ไปเรียนกันด้วยหรอ 😕
เด็กผญ ส่วนใหญ่ถือธนูด้วย  นี่เป็นกีฬายอดนิยมสินะ


นั่งรถไปสักพัก คนในรถก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนที่ยืนแทบจะไม่มี
ดีนะ ที่ขึ้นมาจากต้นสายเลย ไม่งั้น น่าจะต้องนั่งรถคันถัดๆ ไปแน่ๆ


พอถึงที่หมาย รถจอด ก็เดินไปจ่ายเงินด้านหน้า


การใช้งาน Bus Pass ครั้งแรก
จะต้องสอดบัตรเข้าไปในเครื่องเก็บเงินข้างคนขับก่อน
เครื่องจะคืนบัตรพร้อมประทับวันที่เริ่มใช้งานไว้หลังบัตร



การใช้งานครั้งต่อๆ ไป
ตอนลง แค่โชว์บัตรให้พนักงานดูก็พอ 😉


ลงจากรถเรียบร้อย
ก็เดินข้ามทางม้าลาย แล้วตรงเข้าซอยไป


พอเจอแยกเล็กๆ ก็เลี้ยวขวา
หรือจะเดินไปจนสุดทางค่อยเลี้ยวขวาก็ได้

 




ตอนเช้า คนน้อยมาก
เดินสบายๆ เลย


เรากับเพื่อนแวะที่มินิมาร์ทเพื่อหาอะไรกินก่อน
ตอนเช้าๆ ร้านอาหารยังไม่เปิด (ร้านอื่นๆ ก็ไม่เปิดเช่นกัน)



กินเสร็จก็เดินทางต่อ
ไปอีกนิดเดียวก็ถึงวัดแล้ว เธอเห็นเจดีย์นั่นไหม 👀








วัดคิโยะมิซุ 清水寺

หรือที่เราเรียกกันว่าวัดน้ำใส
เปิด 06:00 - 17:30 น.
ค่าเข้า 400 เยน




โซนด้านหน้ายังเป็นพื้นที่เปิด ไม่เสียเงิน







เดินเข้าไป ผ่านเจดีย์แดงๆ จะเห็นเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรเข้าวัด



ค่าเข้าสถานที่ 400 เยน



เดินผ่านจุดตรวจตั๋วเข้าไป





จะเป็น ฮอนโดะ (Hondo) อาคารหลักของวัด ที่คนชอบไปยืนถ่ายรูปกัน







ใบไม้แดงดูไม่ฟูเท่าไหร่ ไม่รู้มันเลยช่วงพีคแล้วหรือยัง
ไงดีล่ะ มันดูแบบ แดงบ้าง โกร๋นบ้าง









ถัดจากอาคารหลัก
ทางขึ้นไปศาลเจ้าต่างๆ ด้านบน
เช่น ศาลเจ้าจินชู (Jinshu Shrine) ไว้บูชาเทพเจ้าแห่งคู่และความรัก
ในศาลเจ้านี้จะมีหินคู่นึง วางไว้ห่างๆ กัน สำหรับคนไม่มีคู่ ถ้าสามารถเดินหลับตาจากหินก้อนนึงไปยังหินอีกก้อนนึงได้ ก็จะเจอคู่แท้





ตอนเราไป มีเด็กนักเรียน ลองหลับตาเดินด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ อีก (มีป้ายอธิบายเป็นภาษาอังกฤษอยู่)







พอเดินลงมาถึงตรงจุดที่ออกมาจากอาคารหลัก
ก็จะมีทางลงไปด้านล่างอีก





น้ำตกโอโตวะ (Otowa no taki ) อยู่ด้านล่างของของศาลาวัดน้ำใส เป็นบริเวณที่น้ำ 3 สาย ไหลลงมา
(ที่เราเห็นคนยืนต่อคิวตักน้ำกันนั่นแหละ)



เช้านี้คนก็น้อย แทบไม่ต้องรอคิวเลย




จากนั้นเดินกลับไปด้านบน
มาถึงตรงจุดที่ออกมาจากอาคารหลักอีกครั้ง



คราวนี้เดินเลี้ยวขวา
ไปเดินตรงจุดชมอาคารหลัก



จากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ
เพื่อไปเจดีย์อีกด้านนึง





จากเจดีย์นี้
สามารถมองเห็นอาคารหลักกับเจดีย์ด้านหน้าวัดได้อย่างชัดเจน



หลังจากนั้นก็ไปเดินที่ถนนด้านล่าง
ผ่านน้ำตกและใต้อาคารหลักอีกครั้ง















พอออกจากวัด
ก็ไปเดินถนน ย่าน Sannenzaka (三年坂)









คนเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ขากลับเดินไปถนนอีกเส้น
เพื่อไปรอรถบัส 207, 80 ที่ป้าย Kiyomizumichi 清水道
ปล. ปกติใน Map จะเห็นว่า เดินมาถึงแยกไฟแดง แล้วต้องเลี้ยวขวาถึงจะเจอป้ายรถบัส
แต่เราเลี้ยวซ้ายก็เจอป้ายรถบัสนะ (เลี้ยวขวาก็มีป้ายเหมือนกัน)

 


 


แล้วนั่งรถต่อไปยัง Shijo Keihan Mae 四条京阪前 ใกล้สถานี Gion Shijo





แป๊บเดียวรถก็มา







นั่งรถไฟสาย Keihan Line จาก สถานี Gion-Shijo ไป Fushimi-Inari







ถึงสถานี Fushimi-Inari
ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร







ระหว่างทางจะมีร้านค้ามากมาย
ตรงใกล้ๆ ประตูทางเข้าศาลเจ้า มีซุ้มขายอาหารด้วย

 












ติดอยู่ตรงนี้นานพอสมควร
เพราะนอกจากคนจะมหาศาลมากแล้ว
ยังแวะกินนู่นนี่ตลอดทาง
ไปไม่ถึงศาลเจ้าซะที 😝 555





ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ Fushimi Inari Shrine 伏見稲荷大社


ศาลเจ้าเสาแดง
เปิดตลอด 24 ชม.
แต่ใครมามืดๆ อาจจะได้บรรยากาศหลอนๆ
เข้าชมฟรี











ข้างในคนเยอะมาก ถึงมากที่สุด (ควรมาเช้าๆ เลย)
จะถ่ายเสาแดงแบบ Private นี่ต้องรอกันจังหวะกันนานเลย







ตั้งต้นที่ทางเข้าเสาแดง
ตรงจุดนี้
ความหวังที่จะถ่ายรูปคู่กับเสา หมดไปในพริบตา
คนเยอะ ไม่มีช่องว่างให้ถ่ายรูปเลย







เดินไปแป๊บนึง
จะเจอทางแยกตัว Y เป็นแนวเสาแดงซ้ายขวา เสาแดงโซนนี้จะเตี้ยๆ หน่อย
เราเลือกไปทางขวา ทางซ้ายไม่รู้ไปไหน อาจจะไปบรรจบกันก็ได้ 555



ข้างในก็จะเป็นเสาแดงๆ แบบนี้เรียงกันไป
บางจุดก็จะเป็นเสาต้นเล็กๆ
บางจุดก็จะเป็นเสาต้นใหญ่ๆ







ก็เดินดุ่มๆ ไปเรื่อยๆ
หาจังหวะถ่ายรูปบ้าง









ยิ่งเดินไปไกลเท่าไหร่ คนก็ยิ่งน้อยลง ไม่แออัดเหมือนต้นทาง
เดินไปเรื่อยๆ จนสุดทาง
จะเป็นแยกซ้าย ขวา



ทางขวาจะมีร้านชาอยู่ ถ้าเดินขึ้นไป ก็จะสามารถไปจุดชมวิวแรกได้
และถ้าเดินต่อไป ก็จะไปถึงด้านบนสุดของศาลเจ้า


ส่วนทางซ้าย เป็นทางลงเขา กลับไปที่หน้าศาลเจ้า


เราเลือกไปทางขวาก่อน เพราะอยากไปตรงจุดชมวิว





จากนั้นก็เดินกลับลงมา
(ตอนกลางคืน คงจะน่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย 😑)



เจอศาลเจ้าเล็กๆ







เดินมาจนถึงหน้าศาลเจ้าอีกครั้ง 💪



แล้วก็เดินไปที่ JR Inari
มันใกล้ศาลเจ้ามาก


จากประตูทางเข้าด้านหน้าศาลเจ้า ข้ามถนนไปก็เจอสถานี เลย





นั่งรถไฟ JR จาก Inari ไปลง Kyoto
แล้วเดินหลงอยู่ในสถานี
หาข้าวกิน





เลือกร้านราเมง เพราะดูคนคนต่อคิวไม่เยอะเท่าไหร่
ร้านในสถานี คนแน่นแทบทุกร้านเลยจริงๆ


ราเมงรสชาติใช้ได้ ไม่เค็มเท่าไหร่
เนื้อน้อย เส้นเยอะ แต่ก็กินกันจนหมด
ไม่รู้ว่าอร่อย หรือหิวกันแน่ 😗



บ่ายสามแล้ว
ตอนแรกจะไปวัด Eikando
แต่ว่าแป๊บๆ ก็มืดแล้ว รอไลท์อัพทีเดียวดีกว่า


เลยตัดสินใจไปเอากระเป๋า แล้วเข้าที่พักเลยดีกว่า




Piece Hostel Kyotohttp://earist-gui.blogspot.com/2016/12/japan-piece-hostel-kyoto-kyoto.html


ที่พักอยู่ไม่ไกลสถานี
ห้องดีมาก
ดูดีที่สุดในโฮสเทลที่เลือก (ไม่นับที่คาวา นั่นไม่ใช่โฮสเทล)



จัดกระเป๋ากันพักนึง
ก็ไปสถานีเกียวโต


เอา JR Kansai Pass ไปแลกเป็นตั๋วจริง เพื่อใช้พรุ่งนี้
ก็เดินหลงอยู่ในสถานีอีกครั้ง ไม่รู้ต้องเอาไปแลกที่ไหน



สรุปคือ มี JR Ticket Counter ชั้น 1
อยู่ใกล้ๆ กับ ตู้จำหน่ายตั๋ว JR ตรงทางออก Center
ใกล้กับ Bus station อ่ะ


จาก Bus Terminal เดินตรงเข้ามาจะเจอตู้จำหน่ายตั๋ว JR
ให้มองไปทางซ้ายมือ จะมีห้องจำหน่ายตั๋วของ JR อยู่


เคาน์เตอร์หลักสำหรับแลก JR Pass ปิดไปแล้ว
แต่สามารถใช้เคาน์เตอร์สำหรับซื้อตั๋ว JR ช่อง 1 กับ 2 แทนได้
แถวค่อนข้างยาวเหมือนกัน


ได้บัตร JR มา เก็บไว้ก่อน ใช้จริงพรุ่งนี้



จากนั้นนั่งใต้ดินไป สถานี Keage
ออExit 1 มันมีป้ายบอกทางอ่ะ ใหญ่อยู่ ไม่น่าหลง







จากนั้นก็เดินตามชาวบ้านไป
ระยะทางเดินเท้าประมาณ 1 กิโล แถมมืดมากด้วย 😥
ในที่สุดก็ถึงวัด Eikando



Eikando 永観堂


เปิด 9.00 - 16.00  (ประตูปิด 17.00)
ค่าเข้าชม 1000 เยน
ไลท์อัพ  17.30 - 20.30 (ประตูปิด 21.00)
ค่าเข้าชม 600 เยน


ไปถึงวัดตอนประมาณ 1 ทุ่ม
ตะลึง! ค่ะ 🙀🙀🙀
คนมาจากไหนกันเยอะแยะ
แถวยาวขดไปขดมา 😨
จนขุ่นเพื่อนเกือบถอดใจแล้ว (แต่มันกลับไม่ถูก นางเลยต้องรอ 😅)





ใช้เวลารอ 30 นาที 😏
เราก็ได้เข้าไปข้างใน



เดินสำรวจตามจุดต่างๆ ไปเรื่อยๆ



รอบวัดประดับเต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลสีแดง สะท้อนแสงไฟที่จัดไว้


คนก็เยอะอยู่นะ แต่ไม่แออัด


มีศาลา เพื่อชมจุดชมวิว ที่มองไปเห็นสระน้ำ
คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกก 😨
เข้าไปข้างในแทบจะโดนทับตาย



จากนั้นก็เดินทัวร์ รอบวัด



จากรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม จะมีทางเดินขึ้นไปด้านบน



ถอดรองเท้า เดินชมวิหารด้านบน





จากนั้นก็เดินมาตรงจุดไฮไลท์
ตรงสระน้ำ











แล้วก็เดินวนกลับมาที่เดิม
ตรงศาลาจุดชมวิวที่ตอนแรกคนเบียดกันเยอะๆ


ปรากฎว่า โล่งค่ะ 😓
แล้วตะกี้ชั้นจะไปเบียดกะเค้าทำมายยยยย 😒



ใกล้ 3 ทุ่มแล้วได้เวลาวัดปิด
ก็เดินออกมา


แล้วเดินไปตามถนน
ไปขึ้นรถบัส 5 ป้าย Nanzenji Eikando Michi 南禅寺永観堂道



รอสักพัก รถบัสก็มา
มีการเปลี่ยนป้ายข้างรถด้วย
นวัตกรรมอีกแล้ว เป็นแบบป้ายค่อยๆ เลื่อนเปลี่ยน
สามารถเปลี่ยนเป็นสายอื่น หรือเส้นทางอื่นได้ด้วย
ตอนแรกจะลงแถวสถานี Sanjo แล้วนั่งใต้ดินกลับ Kyoto
แต่เห็นแว๊บๆ ว่าป้ายมันเขียนว่าไป สถานีเกียวโต เลยนั่งยาวไปเลย





ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีรถก็มาจอดหน้าสถานี


แวะไปซื้อของกินที่มินิมาร์ท
จากนั้นก็เดินกลับที่พัก
แล้วก็ไปกินข้าวเย็นกัน (แต่ดึกแล้วนะ 😅555) ในครัว


……………………………………… .♥ •.¸.•´♥………………………………………

💰 สรุปค่าใช้จ่าย 💰

รายการYen
ข้าวเช้า (มินิมาร์ท)IC
ข้าวกลางวัน (ราเมง)830
ข้าวเย็น (มินิมาร์ท)IC
ค่าขนมอื่นๆ750
Kyoto City bus Pass500
กิจกรรม (เข้าวัด)1014
เติม IC Card1000
Locker700
ค่าที่พัก3,900
รวม8,694



--- ดูรีวิวซีรีย์ ที่นี่แจแปน ทั้งหมดได้ที่นี่ 👇 ---
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - โรงแรม Meigetsu Hotel @Tokyo
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - โรงแรม Lake Villa Kawaguchiko @Kawaguchiko Lake 
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - โรงแรม Piece Hostel Kyoto @Kyoto
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - โรงแรม Shin Imamiya @Osaka
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีโตเกียว [Day 1]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีโตเกียว [Day 2]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีคาวากุจิโกะ [Day 3]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีคาวากุจิโกะ [Day 4]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีเกียวโต [Day 5]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีเกียวโต [Day 6]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีนารา & โอซาก้า [Day 7]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - สถานีฮิเมจิ & โกเบ [Day 8]
🍁 ʕ•ᴥ•ʔ ♡ 【 Japan】 ที่นี่เจแปน - บ๊ายบาย เจแปน [Day 9]

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>