ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Singapore @4th Time - Day 1 ตามล่าหาแลนด์มาร์ค



 

รีวิวสิงคโปร์ ครั้งที่ 4
มันมีอะไรดี ทำไมถึงไปบ่อยๆ

ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยว (แต่เราก็เที่ยวกันอย่างตั้งใจ)
แต่มางานแต่งของเพื่อนต่างหาก 😘

ช่วงวันเดินทางคือ 14-16 กันยา 2018
ตรงกับช่วงแข่ง F1 พอดีเป๊ะ
ค่าตั๋วเครื่องบินแพงมากกกกกกกกก แพงกว่าที่ผ่านมา
ไม่รู้ว่าเราจองใกล้วันเดินทางเกินไป หรือเพราะมันช่วงแข่งรถ 😖

ได้ตั๋วไปกลับ ประมาณ 4500 บาท จองผ่าน Traveloka 💸
ขาไป บินกับไลอ้อนแอร์ ฟรีกระเป๋า 20 กก
ขากลับ บินกับแอร์เอเชีย ซื้อนน. กระเป๋าเอง

เนื่องจากไฟท์ต่างประเทศ
ไลอ้อนแจ้งว่า ไม่สามารถเช็คอินออนไลน์ได้
(แต่แอร์เอเชียเช็คอินล่วงหน้าได้ 14 วัน เลยได้เช็คอินขากลับก่อนขาไป)

เราเลยต้องรีบมาถึงสนามบินแต่เช้า
ไฟท์ 07.40
นัดกันที่สนามบิน 05.30
เอารถมาจอดสนามบิน (ค่าจอดวันละ 250 บาท)

มาถึงก็เปิดให้เช็คอินพอดี
แจ้งพนักงานให้จัดที่นั่งใกล้กันได้ (ถ้าที่นั่งเหลือ)
ซึ่งพนักงานก็จัดให้เรานั่งเป็นกลุ่ม ติดหน้าต่าง

ได้เครื่อง Boeing 737-9 เครื่องเล็ก
สงสัยคนน้อย ยังไม่เต็มลำเลย
ที่นั่งฝั่งใกล้ทางเดิน ของแถวที่พวกเรานั่งว่างหมดเลย

 




ถึงสนามบินประมาณ 11.00 กว่าๆ (ตามเวลาสิงคโปร์) รู้สึกจะเร็วกว่ากำหนดนิดหน่อย

มาถึงสนามบิน
เอ๊ะ ที่นี่ที่ไหน ❓
ไม่คุ้นเคย
มาถึง ก็เจอสแกนกระเป๋าก่อนเลย 😵

พอเข้าไปด้านในสนามบิน ถึงรู้ว่า ที่นี่ Terminal 3 จ้า
นี่เรานึกว่าต้องลง Terminal 1 มาโดยตลอด

 


หลังจากเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย
ก็เตรียมตัวไปที่ Immigration
สามารถเดินไป (มีทางเลื่อนเป็นระยะๆ) หรือนั่ง Skytrain ไปก็ได้

 


เราเลือกนั่ง Skytrain

 


พอถึงที่หมาย
ก็ลงบันไดเลื่อน ไปยัง Immigration
คนค่อนข้างเยอะพอสมควร

ตรงนี้เป็นตม. ฝั่ง Terminal 3
มีแถวที่เป็น ASEAN ด้วย อยู่ทางซ้ายมือ ใกล้ๆ กับ Auto
แถวนี้จะไวกว่า

ผ่านตม. แบบชิวๆ ไม่ถามไรสักคำ แค่พยายามจะอ่านชื่อเรา แค่นั้นเอง

 


เสร็จจากตม. ก็ไปรับกระเป๋า
สแกนกระเป๋าอีกรอบ
ก็ออกมาส่วนของขาเข้าสำเร็จแล้ว เย้

 


จากนั้นก็เดินตามป้าย Train To City ไปได้เลย
ไกลอยู่เหมือนกัน

 


ที่ Terminal 3 สามารถมาที่ MRT ได้เลย
ไม่ต้องไปที่ Terminal 2 อีก
MRT Changi มีทางเข้า 2 ฝั่ง คือ ฝั่ง Terminal 2 และ ฝั่ง Terminal 3

ลงบันไดเลื่อนมา 2 ครั้ง
ก็จะเจอเคาน์เตอร์ MRT และประตูแตะบัตรเข้า MRT

 

 


เดินย้อนไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อไปที่ตู้จำหน่าย/เติมเงิน Ez-link

 

ไม่มี Ticket Office นะจ๊ะ
ถ้าจะซื้อตั๋วพวก Singapore Tourist Pass ต้องไปทางฝั่ง Terminal 2

ซึ่งเราไม่รู้
เลยไปต่อคิวที่เคาน์เตอร์ใกล้ประตูแตะบัตร
พอดีกลุ่มข้างหน้าเค้าจะซื้อ Tourist Pass เหมือนกัน
เลยแอบได้ยินว่าต้องไปอีกฝั่ง

ซึ่งถ้าเป็น MRT บางสถานีในบ้านเราก็เดินทะลุไปอีกฝั่งได้เลย
แต่ที่นี่ต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นนึงก่อน แล้วค่อยเดินย้อนไปอีกฝั่ง
(จะมองเห็นป้ายชื้ไป Terminal 2 & 4)

ก่อนลงบันไดเลื่อน ถ้าแหงนมองด้านบน จะเห็นมันเขียนว่า Terminal 2
เป็นอันว่าถูกที่ละ ลงบันไดเลื่อนได้
จากนั้นก็เดินย้อนไปทางซ้าย ถึงจะเจอ Ticket Office

 


แถวค่อนข้างยาว
แถมแต่ละคิวก็ช้ามากกก
เคาน์เตอร์มี 2 ช่อง แต่เปิดช่องเดียว

ใช้เวลาตรงนี้ประมาณเกือบครึ่งชม.
จนเค้าเปิดช่อง 2 แถวถึงขยับไวขึ้น

เคาน์เตอร์เปิด
09.00-21.00
ใครจะมาซื้อบัตรหรือคืนบัตร ก็เช็คเวลาดีๆ

บัตร Tourist Pass
ข้อดีคือ สามารถนั่งรถ MRT และ Bus แบบ Unlimited ภายในวันที่กำหนด
มีข้อยกเว้นสำหรับรถบางประเภท เช่น รถบัสแบบด่วน,  Sentosa Express ฯลฯ ต้องไปเช็คในเว็บเองนะ
บัตรจะนับเป็น วัน หมดเวลา 24.00 ของแต่ละวัน

ราคาตามนี้

 

มีค่ามัดจำ 10$ ได้คืนเมื่อนำบัตรมาคืน

นอกจากนี้มีบัตร Tourist Pass +
ที่คืนบัตรไม่ได้ แต่ถ้าใช้งานเสร็จแล้ว สามารถกลายร่างเป็น Ez-link ได้เลย
แต่ราคาบัตรก็แพงกว่าเยอะ
รายละเอียดเพิ่มเติม http://thesingaporetouristpass.com.sg/

เราซื้อแบบ 3 วันมา ราคา 20$

 



ออกเดินทางได้ 💪

เนื่องจากเราจองร้านอาหารไว้ตอน 13.45 และขณะนี้เวลาประมาณ 12.45 แล้ว
เราเลยเลือกที่จะไปร้านอาหาร ก่อนโรงแรม

การเดินทาง
MRT สายสีเขียว Changi Airport -> Expo
MRT สายสีน้ำเงิน Expo -> Jalan Besar ทางออก B



จากนั้นเดินต่ออีก 300 เมตร

 

 


ร้าน Swee Choon Restaurant
ร้านติ่มซำชื่อดัง ที่ว่าที่เจ้าสาว ของเราแนะนำมา

 

มาถึงก็โวยวายกันเลย 555
เริ่มสั่งอาหาร
เมนูมีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
แต่อ่านชื่อแล้วก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดี ต้องคอยถามเป็นพักๆ
พนักงานไม่พูดอังกฤษ พูดกันแต่ภาษาจีน เราเลยสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่แม่ว่าที่เจ้าบ่าว กับว่าที่เจ้าบ่าวพูดจีนได้
เลยคอยเป็นธุระในการถามและสั่งอาหารให้






วิธีการสั่ง จะมีใบเมนูมาให้
เราก็แค่เขียนจำนวนที่ต้องการลงตรงช่องเมนูที่ต้องการ (ราคาก็อยู่ในใบนั้นแหละ)
สั่งมาด้วยความหิว มันก็จะเยอะๆ และงงๆ หน่อย




ปิดท้ายด้วยของหวาน



ประเดิมมื้อแรกในสิงคโปร์
สูญเสียไปทั้งสิ้น 0$
เพราะว่าที่เจ้าบ่าวเลี้ยง ขอบคุณค่าาาาาาาาาาาาาา 😆😆😆

หลังจากกินอิ่มแล้ว ก็โบกมือบ๊ายบาย ไว้เจอกันวันงานแต่ง
ส่วนพวกเราก็ออกเดินทางกันต่อ
เดินย่อยอาหาร ประมาณ 600 เมตร

 




เดินจากร้านอาหาร มาป้ายรถบัส ที่ถนน Victoria ใกล้ๆ Hotel Boss ไม่ไกลมัสยิดสุลต่าน
แล้วนั่งรถบัส สาย 7, 12, 32, 33, 197 ลงป้าย 80119 Aft Geylang Rd  < 5 ป้าย >


 


โชคดีที่ป้ายนี้อยู่หน้าทางลัดเข้าซอยโรงแรม
เราเลยไม่ต้องเดินอ้อมไปถนนเกลังอีก
แต่ก่อนจะถึงซอยเกลัง 6 มันจะมีทางยกระดับ ค่อนข้างสูง
ต้องยกกระเป๋าขึ้นด้วย ลำบากตรงนี้นิดนึง

 

 

 



ครั้งนี้ พักที่ five/6 Hotel Splendour อยู่ย่านเกลัง เหมือนเดิม
มาถึงโรงแรมก็เช็คอิน
ใช้เวลาไม่นาน
แต่มีห้องนึง ยังทำความสะอาดไม่เสร็จ
เลยตัดสินใจสำรวจห้องอื่นๆ และรอจนถึง 4 โมงค่อยออกเดินทางต่อ

พอ 4 โมง ได้คีย์การ์ดห้องสุดท้ายมา
ก็เดินทางต่อได้

เดินไปป้ายรถบัสเดิมเมื่อตอนบ่าย
แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม
สะพานลอยโหดมาจ้า ใครว่าที่นี่ไม่มีสะพานลอย






รอรถบัสสาย 7
สายนี้วิ่งเข้าตัวเมืองย่าน City Hall

 



แล้วไปจอดหน้าป้าย 08031 Dhoby Ghaut Stn  < 13 ป้าย > ซึ่งอยู่ติดกับ MRT Dhoby Ghaut
ใช้เวลาเดินทางประมาณ ครึ่งชม.

 


จากนั้นก็เดินข้ามถนน และย้อนกลับไปทางอุโมงค์
ไม่ไกลเท่าไหร่ ก็จะเห็นด้านล่างของอุโมงค์ Fort Canning แล้ว
ระยะห่างจากถนนใหญ่ไปอุโมงค์ คือ นิดเดียวอ่ะ

 


 


 


คนไม่เยอะเลย
ก็สำรวจหา จุดถ่ายรูปกันไป
ถ่ายรูปค่อนข้างยาก แนะนำเลนส์ไวด์

 

เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่ป้ายรถบัสเดิม
แล้วเดินเข้าไปใน MRT Dhoby Ghaut

MRT สายสีแดง Dhoby Ghaut -> Raffles Place ทางออก B

พอออกจาก MRT ให้เดินย้อนมาด้านหลัง

 


จะเจอสัญลักษณ์แบบนี้

 

 


แล้วมองหาโรงแรม Fullerton แบบในรูป

 


เดินเข้าไปในโรงแรม
ทางขวา จะมีบันไดเลื่อนลงไปด้านล่าง สำหรับเดินข้ามไปฝั่งเมอร์ไลอ้อนอยู่

 

 


ปล. ตอนนี้มีแข่ง F1 ถนนรอบๆ เมอร์ไลอ้อนโดนปิด
ต้องหาข้อมูลดีๆ ว่าจุดไหนโดนปิด แล้วการเดินทางก็จะแตกต่างจากปกติด้วย
เพราะรถบัสจะไม่สามารถเข้ามาย่านนี้ได้

ตอนนี้เย็นแล้ว
คนบริเวณเมอร์ไลอ้อน เยอะมากกกกกกกกกกก
ถ่ายรูปกันไป มากี่ครั้งก็ถ่าย 555 😅


 


 


พอเริ่มเย็นแล้ว 18.00 กว่าๆ
เดินจากเมอร์ไลอ้อนไปป้าย The Sail ไกลมาก
แต่ก็ต้องเดิน เพราะเราจะไป Marina Barrage ซึ่งมีแค่สาย 400 ที่ผ่าน
และป้ายรถบัสที่ใกล้ที่สุด คือ The Sail นี่แหละ

 

 

รอรถประมาณ 10 นาที
นั่งรถไป 03369  Marina Barrage < 5 ป้าย >

 



มาถึงก็มองหาป้าย Marina Barrage แล้วเดินเข้าไป
ทางขึ้นจะเป็นสโลปขึ้นไปถึงด้านบน


 






วิวสวยมากกกก
คนไม่เยอะเท่าไหร่
ถ่ายรูปกันตรงนี้จนถึงมืด

 

 


สวนลุม!







ชมการแสดงของ Super Tree กันตรงนี้
แต่ ไม่ค่อยเห็นอะไรหรอกนะ ไกลเกินน่ะ

 






จากนั้นก็แยกย้าย
เพราะเพื่อนกลุ่มนึง จะไปกิน Chili Crab กันที่เกลัง
ส่วนเราอยู่ถ่ายรูปต่อแถวนี้

 



พอจบการแสดง ก็เดินลงมา แล้วเดินต่อไปยัง
Satay by the bay ศูนย์อาหาร ที่น่าจะราคาถูกที่สุดแถวนี้แล้ว

 

 

 


มีร้านอาหารหลายร้าน ราคาไม่แพงมาก ประมาณศูนย์อาหารปกติในห้างน่ะแหละ 
น้ำรู้สึกจะประมาณ 1.3$

 

 

 

 


แต่เราอยากกินสเต๊ะ เลยเลือก เซต 15$ มา เพราะอยากกินกุ้งด้วย



วิธีการสั่งก็ชี้ว่าเราจะเอาเซตนี้นะ
เค้าก็จะให้เลือกว่าจะเอาเนื้ออะไรมั่ง
รู้สึกจะมี หมู ไก่ เนื้อ แล้วก็อะไรไม่รู้อีก 1 อย่าง
ให้บอกเค้าว่าจะเอาอันไหน กี่ไม้ ตามจำนวนโควต้าที่ได้ในเซต
เราเลือกหมูไป 10 และ เนื้อ 2
นอกจากนี้ในเซตที่เราเลือก ยังได้ กุ้ง 2 ไม้ ข้าวปั้น แล้วก็หมูติดมันอีก 2 ไม้ด้วย
สั่งเสร็จจ่ายตังค์
จะได้เครื่องเรียกคิวมา

 


ถ้าเค้าทำเสร็จ เครื่องจะสั่นบอกเราเอง
รอค่อนข้างนานอยู่นะ 😞

ได้มาแล้ววววววววววววววววว

 


สะเต๊ะอร่อยดี เนื้อหวานๆ กุ้งอร่อย 😍
ข้าวปั้นนี่เหมือนข้าวแฉะๆ มาปั้นเป็นก้อนๆ ใครไม่ชอบข้าวแฉะๆ ก็คงไม่ชอบข้าวปั้นนี่ด้วย

กินเสร็จ ก็เดินสำรวจกันต่อ
เข้ามาในโซนของ Gardens by the bay

 


รู้สึกเหมือนเค้าจัดงานด้วยนะ
Mid-Autumn @ Gardens by the Bay 滨海花园庆中秋
มีออกร้านและจัดไฟคล้ายกาชาด
แต่เราไปถึงตอนดึกมากๆ เลยเหลือแต่ไฟประดับ
ส่วนบูธต่างๆ ทะยอยปิดกันไปหมดแล้ว

 

 

 

 

 


เราเดินไปตรงจุดถ่ายรูป Super Tree แล้วก็ถ่ายรูปอยู่แถวนี้พักนึง

 

 

 


 

 

 

 


ตึกเรือประดับไฟเป็นรูปธงการแข่ง F1

 

Lantern Displays

 

 

 

Wish Upon a Floating Lotus



จากนั้นข้ามไปอีกฝั่งตรงหน้า The Shoppes



เราไปถึงก่อนเวลาเริ่มการแสดงนิดหน่อย
ตอนแรกไม่รู้ว่ามีการแสดง
แต่เพื่อนเห็นคนเยอะ แล้วเหมือน เค้าไปรวมกันหน้าลานแสดง
เลยหยุดดู
ปรากฎว่ามีการแสดงอยู่จริงๆ ด้วย









พอการแสดงจบ ก็กลับ
ตอนแรกตั้งใจจะไปฝั่งเมอร์ไลอ้อน
แต่ตอนนี้ 5 ทุ่มแล้ว
กลัวจะไม่ทันรถ
เพราะครั้งนี้เราพักค่อนข้างไกล

MRT สายสีน้ำเงิน Bayfront -> Bugis ทางออก A
แล้วต่อรถบัสแบบเดียวกับเมื่อตอนบ่าย (แต่นั่งไป 7 ป้าย)



กลับห้องสลบเหมือดมาก ปวดขาสุดๆ 😭
ไม่เคยเดินเยอะขนาดนี้มาก่อน ขนาดได้เดินแค่ครึ่งวัน
ซัดไป 2 หมื่นก้าว 😑

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]