ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Singapore @4th Time - Day 3 ลิ้มรส Sunday Folks แวะชม ArtScience Museum Singapore





วันที่ 3 แล้ว
วันนี้ให้รางวัลตัวเองด้วยการตื่นสายได้ค่ะ 😀
6 โมงครึ่ง ตื่นได้ (สายแล้วจริงๆ)

อาบน้ำแต่งตัว
จัดกระเป๋าให้เรียบร้อย
ทิ้งขาตั้งกล้องไว้เบื้องหลัง หมดประโยชน์แล้ว 😂
จริงๆ อีกสาเหตุนึงทีตัด Marina Barrage ตอนเช้าออกไป เพราะถ้าไปต้องแบกขาตั้งกล้องนี่แหละ

8 โมงตรง เด้งออกจากโรงแรม
แวะกินข้าวเช้าที่ Nanyang Old Coffee หน้าปากซอย
ร้านนี้เป็นร้านเดียวกับ Nanyang Old Taste ที่ขายพวกสุกี้
เปิดทุกวัน 7:30 - 23:00





 


นอกจากอาหารเช้าอย่างง่ายๆ แล้ว ยังมีอาหารท้องถิ่นอีก
แต่ถ้าไปเช้าๆ จะสั่งได้เฉพาะพวกคายาโทส เพราะอย่างอื่นยังทำไม่เสร็จ

 




ได้เซ็ตราคา 4.8$ มา
ประกอบด้วย กาแฟ/ช็อคโกแลต คายาโทส ไข่ลวก
ไข่ลวก 2 ฟอง อร่อย 😘
คายาโทส 2 แผ่น ขนมปังกรอบดี ไส้เหมือนสังขยาหวานๆ รสชาติเข้ากันดี
แต่เรากินได้แผ่นเดียวอ่ะ เลี่ยนแล้ว 555
ช็อคโกแลต ออกจะหวานๆ (สั่ง no sugar)
โดยรวมแล้วรสชาติดี (จริงๆ ก่อนเข้ามาคือ มีฝรั่งยืนเชียร์ให้ไปกินร้านนี)





จากนั้นก็ไปรอรถเมล์ สาย 2 ที่ป้าย 04159  Aft Chijmes  < 10 ป้าย >




เดินย้อนกลับมาที่ Chijmes
เป็นโบสถ์เก่า ที่ตอนนี้ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารไปแล้ว
เวลาเปิด ตามร้านอาหารด้านใน แต่ 8 โมงกว่าก็น่าจะเปิดแล้ว

















จากนั้นนั่งรถสาย 2, 12, 33, 147, 190 ไปลง 05039 New Bridge Ctr < 6 ป้าย >
สังเกต MRT Chinatown พอเลยแล้ว ก็เตรียมตัวลงได้

 


เดินเข้าไปบนถนน Smith และย่านวัดพระเขี้ยวแก้ว เพื่อหาซื้อของฝาก
ร้านจะเริ่มเปิดช่วง 9 โมงเช้าเป็นต้นไป แต่ถ้าจะให้ร้านเปิดครบ และบรรยากาศดูคึกคักกว่านี้
ต้องมาช่วงบ่ายถึงค่ำ

 


ที่นี่ก็มี Nanyang Old Coffee เช่นกัน
คนค่อนข้างเยอะ และมีของกินหลากหลายกว่า



เดินผ่าน Chinatown Food Street


ย่านร้านค้าใกล้กับวัดพระเขี้ยวแก้ว



จากนั้นเดินไปที่ Ann Siang Hill Park
เริ่มต้นจากวัดพระเขี้ยวแก้ว เดินข้ามถนน
แล้วเดินเข้าซอยถนน Erskine เป็นถนนโค้งๆ หน่อย
เดินไปจนสุดทาง
เลี้ยวซ้าย ตรงไปจนสุดทางอีกครั้ง เลี้ยวขวา
จะเจอทางเข้าAnn Siang Hill Park


ถนนโค้งๆ


Ann Siang Hill Park
เป็นเนินเขาเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลย่านไชน่าทาวน์
สามารถเดินเล่นชมวิวธรรมชาติและวิวเมืองได้พร้อมๆ กัน ในระยะประมาณไม่เกิน 200 เมตร
มีมุมให้ถ่ายรูปเล็กน้อย




จากทางเข้า เดินขึ้นไปด้านบนจะเจอร้าน P.S Cafe ด้วย
เป็นร้านดัง มีสาขาค่อนข้างเยอะ
บรรยากาศดี แต่ราคาแพงไปหน่อย 💲

ในรีวิว คนชอบไปถ่ายรูปตรง บันไดวน
แต่ขอเรียนให้ทราบว่า ณ ตอนนี้ ทางเข้าบันไดวนถูกปิดไปแล้ว ห้ามเข้า ❌

 

 


บันไดวน ทางขึ้นถูกปิดแล้ว แต่ยังถ่ายรูปจากด้านนอกได้อยู่







บ่อน้ำเก่า



เดินกลับทางเดิม แต่ไม่ต้องขึ้นไปบน P.S Cafe แล้ว
เราจะออกไปประตูอีกทางนึง





ประตูทางเข้าอีกทางนึง

จากนั้นเดินต่อไปที่ Sunday Folks ร้านซอฟต์ครีมเจ้าดังของสิงคโปร์
จาก Ann Siang Hill Park เดินต่อไปทาง MRT Tanjon Pargar
เดินผ่าน Amoy Street Food Centre ด้วย
ที่นี่มีร้านระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว หลายร้าน
แต่ดั้น ปิดวันอาทิตย์ 😥



MRT สายสีเขียว Tanjon Pargar -> Buona Vista
MRT สายสีเหลือง Buona Vista -> Holland Village
ทางออก A

จากนั้นเดินมาทางลานจอดรถ

เข้าซอยเล็กๆ แล้วเลี้ยวซ้าย
เดินไปอีกนิดจะเจอร้าน
แต่ป้ายร้านเล็กมาก ให้สังเกตป้ายสีเขียวๆ บนประตูร้าน

 


ร้าน Sunday Folks



ป้ายเล็กๆ แขวนอยู่ที่ประตู


 


ตอนนี้เวลาประมาณ 11.45 ร้านยังไม่เปิด
ปกติเปิด อังคาร - พฤหัส 13.00 - 22.00, ศุกร์ - อาทิตย์ 12.00 - 23.00, หยุดวันจันทร์

หน้าร้านมีที่จอดรถ blusSG ด้วย


ตอนมาถึงยังไม่มีใครมารอคิวเลย
แต่สักพักก็เริ่มมีมารอ 2-3 กลุ่ม มีคนไทยด้วย
พอเที่ยงปุ๊บ พนักงานก็เปิดให้เข้า
ไม่มีการแจกบัตรคิว เพราะคนยังน้อยอยู่

เป็นคนแรกของวันนี้ที่ได้เดินเข้าร้าน เย้ 😝(แต่ไม่ใช่คนแรกที่สั่งเมนู เพราะมันแต่งงอยู่)
เข้าไปนั่งด้านในสุดเลย




เค้าให้เมนู  กับใบสำหรับสั่งอาหารมา
โดยให้ สั่ง 1 รายการต่อ 1 ใบ
ให้ดูในใบเมนูประกอบการสั่ง คือเราเองก็งงอยู่นานเหมือนกัน (ตอนนี้ก็งงอยู่นะ 😕)

เลือกรูปแบบไอศกริม
ถ้าเป็น Signature ให้ดูรูปไอศกรีมหน้า FRESH BAKED WAFFLES ประกอบการสั่ง
เซ็ตมาตรฐานเป็น Waffles + Ice Cream + Toppings (เค้าเลือกมาให้แล้ว) ราคา 12$

จากนั้น เลือก Category
ถ้าเป็น Single Waffle ไม่ต้องบวกเงินเพิ่ม
ถ้าเป็น Double Waffles จะต้องเพิ่มเงินอีก 3$ (วาฟเฟิลแพงนะเนีย)

สุดท้ายก็ เลือก Ice Cream
มี 4 รสชาติ
คือ Dark Chocolate Ferrero, Sea Salt Gula Melaka, Earl Grey Lavender, Roasted Pistachio

นอกจากนี้ สำหรับคนที่เลือก Signature ยังสามารถเลือกเครื่องดื่มได้ โดยบวกเพิ่มอีก 4$ เท่านั้น

ส่วนใครที่เลือก Create Your Own (ราคาเริ่มต้น 14$)
จะต้องเลือก Category, Ice Cream และ Topping เองทั้งหมด
รายละเอียดว่ามีอะไรให้เลือกบ้าง ดูในทางขวาของ เมนูหน้า FRESH BAKED WAFFLES

ถ้าคนเยอะ ไม่อยากทานที่ร้าน
สามารถเลือกซื้อแบบ Take away ได้
จะเป็นไอศกรีมโคนหรือถ้วย
สามารถเลือก Ice Cream และ Topping ได้เอง ราคาเริ่มต้น 10$









นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมแบบอื่นๆ และเค้กด้วยนะ



ซึ่งเราเลือกเป็น
1. Signature : Single Waffle + Earl Grey Lavender
Topping จะได้มาเป็น อัลมอนด์แผ่น กับ สตอเบอรี่
(Signature เลือก Topping เองไม่ได้ เค้าล็อคไว้เลยว่าแต่ละเซ็ตมี Topping อะไรบ้าง)
2. Signature : Single Waffle + Sea Salt Gula Melaka
Topping จะมาเป็น โมจิ และ ขนมที่เหมือนโอโจ้ 555




Topping ที่ทางร้านเตรียมไว้



หลังจากเขียนใบสั่งอาหารเสร็จแล้ว
ก็นำไปยื่นที่เคาน์เตอร์ ชำระเงิน จากนั้นก็รอของมาเสิร์ฟที่โต๊ะ





น้ำเปล่ากดฟรี

 


รอสักพัก ซอฟครีมก็มา เย้ 😆😆😆
น่ากินนนนนนนนน 😍😍😍



Sea Salt Gula Melaka




Earl Grey Lavender




รสชาติ อร่อยดีนะ
เราไม่ได้รู้สึกว๊าววววว 💖 อะไรกับเนื้อไอศกรีมมากนัก
แต่วาฟเฟิลอร่อยมากกกกก ไม่หวานมาก หอมเนยสุดๆ ควรลอง 👍
จริงๆ อยากลองแบบโคนบ้าง แต่เห็นราคาแล้วก็ไม่ไหวเหมือนกัน 55

ไอศกรีม ละลายเร็วไปหน่อย
ถ่ายรูปแป๊บเดียว น้ำหยดติ๋งๆ เลย
หรือเรานั่งใกล้ตรงที่แดดส่อง

ใต้ไอศกรีมก่อนถึงวาฟเฟิล มีวาฟเฟิลช็อคโกแลตคั่นด้วย
อัลมอนแผ่นอร่อย สตอเบอรี่รสชาติตัดกันดี

 


กินเสร็จ ก็กลับไปที่ MRT
ข้างๆ ร้าน Sunday Folks มีร้านเบเกอรี่ Baker & Cook คนเยอะมาก
ดูท่าทางน่ากิน แต่เราอิ่มแล้วอ่ะ




MRT สายสีเหลือง Holland Village -> Botanic Garden
MRT สายสีน้ำเงิน Botanic Garden -> Bayfront
ทางออก C



เดินตามทางป้าย Art Science Museum ไปเรื่อยๆ ในห้าง The shoppes
จนกระทั่งเจอทางออกมายังตึกดอกบัว









กดลิฟต์หรือขึ้นบันไดเลื่อนลงไปชั้นล่าง B1
จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว
คิวค่อนข้างเยอะ แต่รันเร็ว



ที่นี่จะแบ่งเป็นหลายๆ นิทรรศการ เราสามารถเลือกชมบางนิทรรศการได้
หรือจะเหมาหมดก็ได้ ถ้าตังค์เหลือเฟือ
เพราะค่าตั๋วแพงอยู่นะ นิทรรศการเดียว 19$ 💸

นิทรรศการแบ่งเป็นรอบด้วยนะ เพิ่งรู้จากเพื่อน
เพราะเพื่อนไปซื้อแล้วเค้าบอกไม่มีรอบ 😥

คือตอนเราไปซื้อตั๋ว พนักงานไม่ได้แจ้งอะไรเลย
แค่เราบอกว่าจะเข้านิทรรศการนี้ๆ นะ
เค้าคิดเงิน แล้วก็ปรินท์ตั๋วให้เลย ไม่ได้มีให้เลือกรอบใดๆ ทั้งสิ้น
แต่แอบเห็นบนตั๋วมีเห็นว่ารอบเข้าชมบ่ายโมงแค่นั้นเอง

แต่ไปเช็คในเว็บมันระบุว่า
Admission times are as follows:
10:00
11:30
13:00
14:30
16:00
17:30 (Last Entry)




เราเลือกชมแค่ นิทรรศการเดียว คือ Future World
พอได้ตั๋ว ก็มองหาห้องกำแพงสีดำ ใกล้ๆ จุดจำหน่ายตั๋ว
ดูชื่อนิทรรศการว่าตรงกับบนตั๋วรึเปล่า จากนั้นก็ยื่นตั๋วให้พนักงาน





เดินเข้าไป ตอนแรกมืดมากกกกกกกกกก แอบตกใจ นี่ไฟดับหรอ 😧

พอเดินเข้าประตูห้องไป
โอ้โห สวยยยยยยยยยยยย 😲
คนเยอะแยะ แต่ไม่แออัดนะ

ข้างในแบ่งเป็นห้องย่อยๆ ตามคอนเซ็ปห้อง





ห้องแรก Nature
เป็นภาพ Digital interactive
ที่ฉายรูปของธรรมชาติ ใน 4 ฤดู




Universe of Water Particles, Transcending Boundaries
คอนเซ็ปประมาณว่า ดอกไม้และผู้คน ไม่สามารถควบคุมได้ แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้

ตรงผนังด้านในสุด จะเป็นน้ำตกใหญ่ๆ เวลาคนเข้าไปใกล้ มันก็เปลี่ยนเป็นภาพเหมือนน้ำตกเวลากระทบกับคนจริงๆ
ส่วนสายน้ำด้านล่าง เวลามีคนไปยืน มันก็จะแหวกเส้นทางน้ำ อ้อมตัวเราไป










พอฤดูกาลเปลี่ยน สายน้ำตกจะค่อยๆ หายไป เปลี่ยนเป็นดอกไม้สีสันสวยงามละลานตาแทน







ด้านข้าง มีภาพ Digital บนผนัง
ด้านนึงแสดงเคลื่อนไหว ของวิถีชีวิตในชนบท ผ่านฤดูกาลต่างๆ
Four Seasons, a 1000 Years, Terraced Rice Fields - Tashibunosho

 




ผนังอีกด้านจะแสดงภาพต้นไม้ ที่เปลี่ยนไปในฤดูกาลต่างๆ
Life Survives by the Power of Life







รอบๆ ผนัง มีผีเสื้อบินไปมา
ถ้าเอามือไปปัดๆ มันจะร่วงตกลงมาด้วยนะ
Flutter of Butterflies Beyond Borders, Ephemeral Life Born from People







ห้องที่สอง Town
เป็นเหมือนสวนสนุก Digital
แบ่งเป็นส่วนจัดแสดงย่อยๆ หลายชิ้น
เราสามารถมีส่วนร่วมได้ทุกชิ้น (ยกเว้นบางอันที่ให้เล่นเฉพาะเด็ก)


Sliding through the Fruit Field
เป็นสไลเดอร์ ให้เด็กไถลลงมา (ให้เด็กเล่นเท่านั้น)
มันจะมีแสงเป็นทางตามเส้นทางที่เด็กไถลลงมาด้วย
ส่วนพวกของเล่นก็จะกระจายไป หลบทางให้เด็กๆ  มีพลุด้วยนะ

 





Connecting! Block Town
เป็นเหมือนเกมวางผังเมือง
มีส่วนของน้ำ ถนน แล้วก็รางรถไฟ
บล็อกสีฟ้า เป็นส่วนของน้ำ มันจะเชื่อมบล็อกสีฟ้าด้วยน้ำ ถ้าเราย้ายบล็อก เส้นทางน้ำก็จะเปลี่ยน
บล็อกสีแดง เป็นถนน
บล็อกสีเขียว เป็นทางรถไฟ
พอวางบล็อกเสร็จ ก็จะมีภาพจำลองฉายขึ้นบนโปรเจคเตอร์ด้านบน






A Table where Little People Live
บนโต๊ะกลมๆ เนี่ย จะมีตัวตุ๊กตาคนตัวเล็กๆ วิ่งอยู่
เวลาเราย้ายของบนโต๊ะ จะทำให้การเคลื่อนที่ของตุ๊กตา และสภาพแวดล้อมบนโต๊ะเปลี่ยนไป
ตุ๊กตาคนอาจจะปีนขึ้นมา กระโดด หรือย้ายไปในทิศทางอื่นๆ



Sketch Piston - Playing Music
เป็นกระดานที่ให้ผู้คนสามารถสร้างสรรค์เสียงเพลงได้ด้วยการวาดเส้นบนจอด้วยนิ้ว
ระดับเสียงที่เล่นบนเส้นขึ้นอยู่กับความสูงที่วาดไว้
นอกจากนี้สิ่งที่เราวาดไว้ ก็จะส่งผลกระทบต่อตัวละครบนกระดาน ทำให้การเคลื่อนไหวของมันเปลี่ยนไปด้วย




Sketch Town
เป็นภาพดิจิตอลบนฝาหนัง ที่เราสามารถวาดภาพของตัวเอง แล้วทำให้มันไปโลดแล่นบนฝาผนังนี้ได้
โดยเค้าจะเตรียมกระดาษไว้โดยระบุ Type ต่างๆ เช่น ตึก รถ ยูเอฟโอ ฯลฯ
ซึ่ง Type เหล่านี้ จะเป็นตัวกำหนดว่า วัตถุที่เราวาดไว้ จะเคลื่อนที่แบบใดบนผนัง
เช่น UFO ก็จะบินๆ อยู่บนฟ้า รถ ก็จะเคลื่อนที่ไปตามถนน เป็นต้น
จะวาดอย่างอื่นไปก็ได้นะ แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวจะถูกกำหนดด้วย Type เหล่านี้

พอเราวาดรูประบายสีเสร็จ ก็ไปที่เครื่องสแกน
นำกระดาษไปใส่ไว้ แล้วกดปุ่มสแกน
รูปของเรา จะถูกนำไปสร้างเป็นภาพ 3 มิติ
แล้วก็เคลื่อนไหวอยู่ตรงผนัง









Media Block Chair
อันนี้คือ บล็อกเรืองแสง
ที่เราสามารถนำไปประกอบกันเป็น เก้าอี้ โต๊ะ ผนัง หรืออะไรก็ได้ตามแต่จินตนาการ
ซึ่งเวลาเอาบล็อกมาเชื่อมต่อกัน มันจะมีการเปลี่ยนสีด้วย




Graffiti Nature
จะคล้ายๆ กับ Sketch Town คือ มีภาพให้วาด แล้วสแกนเข้าเครื่อง
ภาพก็จะมาโลดแล่นอยู่ตรงทางเดิน
ซึ่งจะเป็นพวกสัตว์ต่างๆ เช่น กบ ปลาวาฬ กิ้งก่า ฯลฯ

เวลาเดิน ระวังเหยียบกบ นะ 555555
กบมันจะพยายามหลบเท้าเรานั่นแหละ
แต่ถ้าหลบไม่พ้น ก็... แผละ... สลายตัวกลายเป็นดอกไม้

แต่ตรงจุดนี้ค่อนข้างมืด อาจจะไม่ทันได้สังเกต นึกว่าเป็นภาพดิจิตอลธรรมดา
เลยถ่ายมาได้แบบผ่านๆ แถมมืดด้วย ไปสังเกตตอนมีคนเหยียบกบเนี่ยแหละ 55





ห้องที่สาม Sanctuary
ห้องนี้ออกแนวปรัชญาชีวิตหน่อย พูดถึงวงจรชิวิตและความตาย
ถ้าเราสัมผัสพื้นที่ว่าง จะมีวงกลมเกิดขึ้นแล้วก็จะขยายตัวไปเรื่อยๆ

 




ห้องที่สี่ Park
จะคล้ายๆ กับห้อง Town
มีพื้นที่จัดแสดงย่อยๆ




Sketch People & Animals
เหมือน Sketch Town เลย แต่เปลี่ยนรูป เป็นคนและสัตว์



What a Loving, and Beautiful World
จะมีตัวอักษรจีนๆ ร่วงลงมา
เมื่อเงาของเราโดนตัวอักษร
โลกตามความหมายของตัวอักษรก็จะถูกสร้างขึ้นมา



Light Ball Orchestra
จะมีลูกบอลเรืองแสง และเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
เราสามารถที่จะสัมผัสและจัดเรียงลูกบอล ทำให้เกิดสีสันและเสียงเพลงต่างๆ


 


Create! Hopscotch for Geniuses
สามารถสร้างเกม เอ่อ....เหมือนเกมตั้งเตหรือเกมตากระโดดขาเดียวของบ้านเราอ่ะ
โดยเค้าจะมีรูปทรง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลมมาให้
เราสามารถเลือกจัดเรียงรูปทรงเหล่านี้ และกำหนดระดับความยากได้เอง


 



ห้องที่ห้า Crystal Universe
เป็นงานศิลปะที่ใช้หลอดไฟเล็กๆ ควบคุมผ่านระบบดิจิตอล
โดยไฟสามารถเปลี่ยนสี และสร้างเป็นแสงสว่างในรูปแบบต่างๆ ได้








เราสามารถเลือกรูปแบบของไฟได้เองด้วย
ตรงด้านหลังใกล้ๆ กับผนังห้อง จะมีแผงควบคุมอยู่ หรือสามารถสั่งการผ่านมือถือได้

เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่า มันมีรอบการเล่น แล้วกะจะถ่ายให้ครบรอบ เลิกหวัง 555
ซึ่งเรายืนถ่ายวีดีโอมา 10 นาที ถึงรู้ 😖555

จากนั้นเราก็ไปยืนสั่งการบ้าง
โดยมันจะมีรูปแบบการแสดง ให้เราเลือกครั้งละประมาณ 6 แบบ
พอเราเลือกแบบได้ปุ๊บ
มันก็จะสุ่มมาให้อีก 6 แบบ ซึ่งอาจจะซ้ำของเดิมบ้างก็ได้
เข้าใจว่า มันคงเลือกรูปแบบที่สามารถเล่นต่อเนื่องกับรูปแบบก่อนหน้าได้
ซึ่งเราก็พยายามเลือกให้มันไม่ซ้ำแล้วอ่ะนะ


 



อยู่ในนิทรรศการประมาณ ชั่วโมงครึ่ง
จริงๆ อยากอยู่ต่ออีก แต่ต้องรีบกลับ เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง 😓

ก่อนกลับขอแวะไปที่ Fountain of Wealth หรือ น้ำพุแห่งความมั่งคั่งก่อน
เนื่องจากเพื่อนยังไม่เคยไปเลย

MRT สายสีเหลือง Bayfront -> Promenade
ทางออก C

เดินลงไปชั้นล่าง มองหาทางเข้าน้ำพุ
เวลาที่เค้าจะเปิดให้สัมผัสน้ำพุคือ
10.00 - 12.00
14.00 - 16.00
18.00 - 19.30

เราไปถึงก่อน 16.00 หน่อยเดียว น้ำพุยังเปิดอยู่ ถือว่าโชคยังเข้าข้าง

 



วิธีการสัมผัสนส้ำพุ
ก็คือเอามือสัมผัสกับน้ำพุ แล้วเดินวนไปตามลูกศร 3 รอบ พร้อมอธิษฐาน



เดินทางกลับโรงแรมได้ 💪

MRT สายสีเหลือง Promenade -> Dakota
ทางออก B

ช่วงนี้เห็นเค้าติดธงชาติตามบ้านเรือนกันเยอะยัง ขนาดผ่านวันชาติมาเป็นเดือนแล้ว


นั่งรถเมล์ 31, 32, 33 ลง 801111 Bef Geylang Rd < 3 ป้าย > ฝั่งตรงข้ามซอยเข้าโรงแรม

 


แต่รอบนี้ไม่เดินขึ้นสะพานลอยแล้วนะ ขาบอบช้ำมาก 😥
ยอมเดินไปทางถนนเกลัง ข้ามถนน แล้วค่อยเดินย้อนกลับมาซอย Geylang 6

 


มาถึงโรงแรมก็เจอเพื่อนๆ กำลังรออยู่พอดี
หลังทำธุระเรียบร้อย ก็ลากกระเป๋าไปยังป้ายรถเมล์

นั่งรถ 2 ไปลง 01319  Lavender Stn < 4 ป้าย >
MRT สายสีเขียว Lavender -> Changi Airport



มาถึงแล้วก็แวะ เอาบัตร Singapore Tourist Pass ไปคืนก่อน
รอบนี้ไม่มีคิวเลย คืนบัตร คืนเงิน เร็วมาก ยังกับคืนบัตรศูนย์อาหาร 😁



จาก Terminal 2 มองหาป้าย Bus to Terminal 4




มีที่นั่งรอ และร้านอาหารอยู่ประปราย





แต่ยังไม่ทันได้สำรวจอะไร รถบัสก็มาถึง




รถใช้เวลาประมาณ 4 นาที มาถึง T4
Terminal ค่อนข้างทันสมัย
สายการบินส่วนใหญ่ใช้ระบบ Auto Check-in รวมทั้งโหลดกระเป๋าด้วยตนเองกันหมด
มีพนักงานมาคอยช่วยเหลืออยู่บ้าง




เช็คอิน Airasia
เราเสียเวลาตรงนี้ค่อนข้างนาน เพราะดูเหมือนว่าเครื่องที่เลือก จะใช้การไม่ได้
พยายามสแกนบาร์โค้ดในบอร์ดดิ้งพาสอยู่นานก็ไม่สำเร็จ
จนพนักงานต้องมาช่วย ซึ่งพนักงานก็ไม่สามารถสแกนบาร์โค้ดได้
จนต้องไปปรินท์บอร์ดดิ้งพาสใบใหม่ จากเครื่องข้างๆ
แล้วลองเอามาสแกนเครื่องนี้ดู ก็ยังไม่ได้อีก
(แล้วทำไมเค้าไม่ย้ายไปใช้เครื่องที่ปรินท์บอร์ดดิ้งพาสได้ซะเลยล่ะ จะกลับมาใช้เครื่องเดิมทำไมหว่า😕)

เลยเปลี่ยนเป็นคีย์หมายเลขการจองแทน (ยังคงพยายามใช้เครื่องเดิมต่อไป)
ซึ่งก็ผ่านพ้นไปด้วยดี สามารถปรินท์แท็กติดกระเป๋าได้
ปล. ถ้าเช็คอินออนไลน์ สามารถปรินท์บอร์ดดิ้งพาส พร้อมแท็กได้เลย แต่ว่า ตอนเราเช็คอิน มันพังตรงหน้าให้เลือกจำนวนกระเป๋าพอดี แต่เช็คอินสำเร็จ เลยกะจะมาปรินท์แท็กที่สนามบิน




เมื่อได้แท็กมา ก็จัดการติดแท็กเข้ากับหูกระเป๋า (มีป้ายบอกวิธีการติดอยู่ใกล้ๆ)



จากนั้นก็นำกระเป๋าไปที่เครื่องโหลด
เอาบาร์โค้ดไปสแกน
เอากระเป๋าใบแรกขึ้นชั่ง
พอคำนวณน้ำหนักเสร็จ ก็กดยืนยัน
จากนั้นก็จะมีถามว่ามีกระเป๋าโหลดอีกมั้ย
แล้วชั่งใบถัดไปจนครบ
เมื่อครบแล้ว ตอนมันถามว่ามีกระเป๋าอีกรึเปล่า ก็ให้ตอบ no ไป
เสร็จแล้วจะได้ใบเสร็จมา




เสร็จแล้ว ไปหาข้าวกิน 🍛

ด้านนอกก่อนจะผ่านตม.
มีศูนย์อาหาร 24 ชม.
ร้านค้าค่อนข้างเยอะ
ราคาก็ถือว่าโอเค









กินร้าน Geylang Prawn Noodels
เป็นเหมือนเส้นอูด้ง กินกับกุ้ง หมู เนื้อ ฯลฯ
ราคา 7.5$





ที่นี่มีเครื่องแนะนำสนามบิน
ชอบที่มีระบบแนะนำขั้นตอนและเส้นทางไปยังไฟท์ของเราด้วย

กดไฟล์ที่ต้องการ
เครื่องรายละเอียดของไฟท์ ว่าต้องเช็คอินที่ไหน ขึ้นเครื่องเกตไหน เดินทางกี่โมง
แล้วก็จะมีเป็นสเต็ปเลย ไล่ตั้งแต่
จากจุดที่เรายืนอยู่ จะไปเคาน์เตอร์เช็คอินที่ไหน ยังไง
จากเคาน์เตอร์เช็คอิน ไปผ่านตม. ที่ไหน
ผ่านซีเคียวริวตี้ ตรงไหน
ไปหน้าเกตได้ยังไง

เหย ดีอ่ะ สนามบินเรามีรึเปล่าไม่รู้แหะ ไม่เคยเล่นเครื่องพวกนี้เลย
แต่อันนี้ดี ไม่ต้องมายืนงงอยู่ในสนามบิน 😉

 


หลังจากผ่านตม. และซีเคียวริตี้เข้ามาได้อย่างสวยงามแล้ว
ก็เดินสำรวจด้านในกันบ้าง

ข้างในมีร้านเยอะอยู่นะ










จากนั้นก็ไปรอหน้าเกต


มีที่ชาร์ตแบตให้บางจุด


รอบนี้บอร์ดดิ้งตรงเวลา
สนามบินหนาวมากกกกกกกก 😷
บนเครื่องก็หนาวเช่นกัน 😷
ดีที่พกผ้าพันคอมา



กลับบ้านได้ 😆
บ๊ายบาย สิงคโปร์ จะมีรอบที่ 5 มั้ยนะ 😆😆
เครื่องสั่นบ่อยมาก ตัวเกร็งเลย 😞555

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]