ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Singapore @4th Time - Day 2 เดิน Southern Ridges & ลองนั่ง Singapore Cable Car




มาถึงวันที่ 2
วันนี้เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เมอร์ไลอ้อนให้จงได้ 💪
แต่ที่พักเราห่างไกลเหลือเกิน 😭
ครั้นจะเดินไปก็ 5 กิโลเจ้าค่ะ 😐
ขาระบมมาจากเมื่อวาน ยังไม่หายดีเลย
เลยต้องตื่นแต่เช้าแทน 💤

ตื่นมา 4 สี่ อาบน้ำ แต่งตัว
ตี 5 ครึ่ง เด้งออกจากโรงแรม
แบกกระเป๋าหนักกว่า 5 กิโล ไปด้วย เพราะต้องพกทั้งขาตั้งกล้อง และ Gimbal
เดินจากโรงแรม 700 เมตรไป MRT Kallang
เพื่อให้ทันรอบแรกประมาณ 5.50

เนื่องจากว่าเน้นถ่ายวีดีโอมากไปหน่อย รูปส่วนนึง (น่าจะส่วนใหญ่เลย) จึงเป็นรูปที่แคปมาจากวีดีโอ ภาพก็จะไม่ค่อยชัด เพราะกล้องวีดีโอก็กาก 55 




ช่วงเช้ามืด บริเวณนี้ยังคงเงียบเหงาอยู่
มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย และปั่นจักรยานประปราย

แต่ในสถานี คนเยอะมากกกก
ส่วนใหญ่คงต้องทำงานวันเสาร์

MRT สายสีเขียว Kallang -> Raffle Places Exit B

ก็ใช้สเต็ปเมื่อวาน เดินเข้าทางใต้ดินโรงแรม Fullerton เพื่อเดินมาแถวเมอร์ไลอ้อน
ช่วงนี้เค้ายังไม่เปิดบันไดเลื่อนและทางเลื่อน เพราะงั้นต้องเดินเองหมดเลย

มาถึงริมอ่าว ฟ้ายังไม่สว่างเลย
น้องเมอก็ยังไม่เข้างาน ไม่พ่นน้ำอ่ะ 😓
เราเลยหามุมนั่งถ่ายรูปตึกเรือแทน

มีคนผ่านมาบ้าง ส่วนใหญ่มาวิ่ง





พอฟ้าเริ่มสาง แต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นเมฆออกมาสักที








ประมาณ 7 โมง เมอร์ไลอ้อน ก็เปิดทำการ
ตอนเช้าอากาศดี คนก็น้อย สามารถหามุมถ่ายรูปเมอร์ไลอ้อน และบริเวณอ่าวได้ตามสะดวก





7 โมงครึ่ง พระอาทิตย์ถึงโผล่หัวออกมา







8 โมง นัดกับเพื่อนไปกินเบเกอรี่ที่ Tiong Bahru

MRT สายสีเขียว Raffle Places -> Outram Park Exit A (ใกล้กว่า MRT Tiong Bahru)
เดินข้ามสะพานลอยไปขึ้นรถบัส
โดยมองหาตึก The Pinnacle@Duxton นี้ให้เจอ เราต้องไปทางฝั่งที่ตรงข้ามกับมัน



นั่งรถบัสสาย 121 ลง 06051 Blk 55 < 2 ป้าย >




ลงรถบัสแล้วเดินเข้าซอยหลังป้ายไปนิดเดียว

 


ร้าน Tiong Bahru Bakery



เนื่องจากเพื่อนยังไม่มา
เราเลยเข้าไปจองที่นั่งก่อน
พอบอกเค้าว่ามา 8 คน อีก 15 นาทีน่าจะมาถึง
เค้าก็ให้เราไปรอด้านในสุดของร้านเลย

 


คือด้านหน้าร้านคนจะดูเยอะหน่อย เหมือนไม่มีที่นั่งว่าง
แต่จริงๆ ด้านในยังมีพื้นที่อยู่



เบเกอรี่ราคาค่อนข้างแพงอยู่
ครัวซองชิ้นละ 4$ เครื่องดื่ม 6.8$
http://www.tiongbahrubakery.com





วิธีสั่ง คือ
เข้าแถวจ่ะ
พนักงานจะถามเราว่าจะเอาอะไรบ้าง
เราก็ค่อยๆ เลือกไปเรื่อยๆ พนักงานก็จะหยิบเบเกอรี่ใส่ถาด
จากนั้นแถวก็จะขยับไปด้านหน้าเรื่อยๆ
สุดท้ายก็ไปหยุดที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
เครื่องดื่มสั่งได้ตรงนี้เลย มีเมนูเครื่องดื่มอยู่ตรงผนังข้างเคาน์เตอร์



พอคิดเงินเสร็จ
ชำระเงินเรียบร้อย ก็ยกถามเบเกอรี่เข้าไปด้านใน
ส่วนเครื่องดื่ม เดี๋ยวพนักงานนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

ใครที่ไม่สั่งเครื่องดื่ม
ทางร้านจะมีจุดให้บริการน้ำเปล่า บริการตัวเองฟรี
อยู่ตรงโต๊ะตรงข้ามกับเคาน์เตอร์คิดเงิน
แล้วก็โซนด้านในร้านอีก 1 จุด
มีน้ำเปล่า แก้ว น้ำตาล ทิชชู่ ช้อน มีด ส้อม สามารถหาได้จากตรงนี้





เบเกอรี่อร่อยดี แต่ส่วนใหญ่ออกไปทางหวาน ถ้ากินเยอะ จะรู้สึกเลี่ยน
ครัวซอง อัลมอนด์ อร่อย แต่หวานมากกกกก กินคำนึงนี่ติดลิ้นเลย
ครัวซอง ชาเขียว ก็อร่อย เหมือนมีไส้ชาเขียวด้านใน
ฮอตช็อคโกแลต ขนาดสั่งโนชูก้า ยังรู้สึกว่าหวาน
Lemon Tart อร่อย เปรี้ยวมาก รสตัดกับเบเกอรี่อื่นๆ ดี
ขนมปังบางอย่าง ถ้าหน้าตาเหมือนทำจากขนมปังฝรั่งเศสจะแข็งมาก ควรหลีกเลี่ยงเพื่อสุขภาพฟันที่ดี
เบเกอรี่ที่นี่ชิ้นใหญ่มาก ถ้ามาหลายๆ คน สั่งมาหลายๆ อย่างแล้วแบ่งกันจะดีกว่า
(กินอย่างเดียว คนเดียว มันเลี่ยนมาก)

นั่งกินอยู่จนถึง 10 โมง
แม่เจ้าาาาา 😱 ชั้นจะไปเดินเขา
ตั้งใจว่าจะไปตอน 9 โมง
นี่ 10 โมงกว่าแล้ววววว จะโดนแดดทำร้ายขนาดไหน

พอออกจากร้าน
ก็กลับไปรอที่ป้ายรถบัสเดิม
นั่งรถบัสสาย 195 ไปลง 14211 ISS Intl Sch < 17 ป้าย > ใกล้ The Interlace Condo

ตรงนี้รู้สึกโมโหเน็ต Sim2Fly มาก 😠 สัญญาณเน็ตหาย 😱 แล้วต้องนั่งรถไกลด้วย
รถบัสไม่จอดทุกป้ายตามแมพอีก ต้องคอยเล็งพวกตึกใกล้ๆ ป้ายรถบัสที่จะลงแทน



เจอตึก  The Interlace Condo สวยแปลกตาดี
เหมือนเอาตึกมาซ้อนๆ กัน




อุโมงค์ต้นไม้ ร่มรื่นมาก



ตรงส่วนนี้เรียกว่า Southern Ridges
เป็นทางเดินที่เชื่อมต่อกันยาว 10 กิโลเมตรนี้ ซึ่งเชื่อมระหว่างยอดเขา
เราสามารถเดินศึกษาธรรมชาติได้ จากบนสะพานซึ่งสูงจากพื้นพอสมควรเลย

แต่เราเลือกเดินแค่จากสะพาน Alexandra Arch ไปถึง สะพาน Henderson Waves
ระยะทางประมาณ 2 กิโล











หลังจากเดินผ่าน Alexandra Arch ไป
เราจะเจอสะพานเหล็ก ซึ่งอยู่สูงจากพื้นพอสมควร
ทางเดินนี้เป็นทางลาด เรียบ ตลอดเส้น
ผู้ที่ใช้รถเข็นก็สามารถขึ้นมาได้
เราใช้เวลาเดินบนสะพานเหล็กนี่ไปประมาณ 15 นาที



มีป้ายบอกทางเป็นระยะ





ถ้ามาจาก Alexandra Arch จะเจอทางขึ้นเนิน
เพราะฝั่ง Henderson waves เป็นเขาสูงกว่า

ถ้ากำลังขาเพียงพอ จะมีบางจุดที่เป็นบันไดลัดขึ้นด้านบนได้เลย
แต่ถ้าไม่ไหว ก็เดินตามทางลาด
อาจจะอ้อมไกลหน่อย แต่สบายขากว่า

 



เมื่อสื้นสุดทางเดินเหล็ก
ก็จะเป็นทางเดินบนเขาแล้ว
สามารถนำรถขึ้นมาได้ มีที่จอดรถ
มีทางเท้าให้เดิน




จากนั้น ก็เดินขึ้นเนินไปยัง จุดชมวิว Telok Blangah Hill Park
เป็นจุดชมวิวที่ดูคลาสสิคดี แต่ต้องเดินขึ้นเนินสูงเอาการเลยทีเดียว






ลงมาด้านล่าง แล้วเดินต่อมาทางลานจอดรถ
เดินขึ้นเนิน (อีกแล้วววว หอบแฮ่กๆ)

 

 

จากนั้นก็เดินขึ้นเนินไป ยัง สะพาน Henderson Waves







เย้ 😆 จบแล้ว
ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชม

ตอนแรกจะไปให้ถึง Mt. Faber แล้วนั่ง กระเช้าไป Sentosa
(เลยเลือกเดินจากสะพาน ไป สะพาน ทั้งที่ถ้าทำกลับกัน จะเป็นการเดินลงเนิน ซึ่งน่าจะสบายกว่า)
แต่ ณ จุดนี้ ไม่ไหวแล้วค่ะ

ลงไปข้างล่างเลยดีกว่า
ทางลงก็ใช่ย่อย

 



รอรถบัส 131, 145 กลับไปป้าย 14129 HarbourFront Stn < 4 ป้าย >




จากนั้นเดินข้ามสะพานลอยไปยังตึก Harbourfont Tower 2
มีป้ายบอกตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหลง
(เจอขอทานสิงคโปร์ด้วยนะ 😳)

พอถึงชั้นล่างของ Tower 2 จะเป็นเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว

Singapore Cable Car มี 2 เส้นทาง
1. ไปกลับ เส้น Mt. Faber Line 1 รอบ ราคา 33$
เป็นเส้นทาง ระหว่าง Mt.Faber ไปยัง เกาะ Sentosa (รวมค่าเข้าเกาะไว้แล้ว)
2. ไปกลับ เส้น Sentosa Line 1 รอบ ราคา 15$
เป็นเส้นทาง ภายในเกาะ Sentosa (ไม่รวมค่าเข้าเกาะ)

สามารถซื้อแบบเหมา 2 เส้นทาง ในราคา 35$ เหรียญได้
(แต่ถ้าซื้อที่ร้าน Sea wheel จะได้ราคา 18$ 2 เส้นทาง)
และสามารถอัพเกรดเป็น Unlimited rides (ขึ้นลงไม่จำกัดครั้ง) โดยจ่ายเพิ่มอีก 10$

ซึ่งใครคิดจะซื้อ เส้น Mt. Faber อยู่แล้ว แนะนำซื้อแบบเหมา 2 เส้นเถอะ

ในแต่ละเส้นทาง จะแบ่งเป็นสถานีย่อยๆ 3 สถานี
1. Mt. Faber Line
สถานี Mt. Faber <--> สถานี HarbourFront <--> สถานี Sentosa

2. Sentosa Line
สถานี Merlion <--> สถานี Imbiah <--> สถานี Siloso















เรามีตั๋วแล้ว เลยเดินผ่านเคาน์เตอร์ไปได้เลย
ตั๋วที่มีเป็นแบบเหมา 2 เส้นทาง
สามารถใช้ได้ ทั้งไปกลับ Mt.Faber Line และ ไปกลับ Sentosa Line
โดยเราสามารถแวะลงระหว่างทางได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งรวดเดียว



จากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ให้เดินไปทางฝั่งซ้าย
จะมีลิฟต์ ซึ่งจะมีบอกว่า ไปทาง Mt.Faber หรือ Sentosa

เพื่อความคุ้มค่า เราเลือกกลับไป Mt.Faber ก่อน แล้วค่อยนั่งยาวมา Sentosa
ให้มองหาป้าย Lifts to Mount Faber แล้วกดลิฟต์ไปชั้น 15 ได้เลย




 


Cable Car ของเส้น Mt. Faber line
จะเป็นกระเช้าสีดำสนิททุกอัน

ตรงประตูเปิดปิด (จะเปิดเองเมื่อถึงสถานี แต่เราจะลงหรือไม่ลงก็ได้)
จะมีส่วนที่เป็นช่องว่าง ไม่มีกระจกกั้น
ส่วนด้านที่เหลืออีก 3 ด้าน จะเป็นกระจกใสบานใหญ่

ด้านใน
มีพัดลมระบายอากาศเล็กๆ อยู่
เก้าอี้ 2 ตัว หันหน้าเข้าหากัน
มีที่วางแก้วน้ำ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตู

จุคนได้ไม่เกิน 8 คน
เค้าจะปล่อยกระเช้าไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรอให้คนเต็มกระเช้า

 



สถานี HarbourFront Tower 2 -> สถานี Mt. Faber

สถานีแรก คนน้อยมาก
เราได้นั่งกระเช้าคนเดียวด้วย
ด้วยความที่กลัวความสูงมาก (แล้วจะนั่งทำไมฟระ 😓)
ก็เลยกลัวมากเป็นพิเศษเช่นกัน

แน่นอนว่า พอกระเช้าออกตัวปุ๊บ ....
หลับตา 😖
พร้อมเสียงกรีดร้องในใจ เชี้ยยยยยยยยยยยยยยย ชั้นจะรอดมั้ยยยยยย ฮืออออออออออออ 😭



กระเช้าไม่สั่นนะ ออกจะนิ่งๆ อ่ะ แต่คนมันกลัวววววว 😭😭

นั่งไปสัก 2-3 นาที ถึงใจเย็นลง (ครึ่งทางแล้วอ่ะ)
มองข้างนอกผ่านกล้องมือถือ
เออ ถ้ามองแบบนี้ไม่ค่อยกลัวแหะ
แต่ในใจ ครือแบบ เมื่อไหร่จะถึงงงงงงงงงงงงงงงงง 😵






กระเช้าใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็มาถึง Mt.Faber
ฝั่งนี้คนเยอะมาก คิวค่อนข้างยาว
เราลงจากกระเช้า แล้วไปเดินสำรวจก่อน (ขอพักหน่อยเหอะ)

ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ห้องน้ำ
วันนี้มีคนมาจัดงานแต่งด้วย

ถ้าเดินเลยจากสถานีนี้ขึ้นไปจะเป็น Mt.Faber Peak
เป็นจุดชมวิวที่สูงมาก
มีเมอร์ไลอ้อน ซ่อนอยู่อีก 1 ตัว (ซึ่งเราเคยขึ้นมาแล้ว ตอนมาสิงคโปร์ครั้งที่ 2)

พักอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชม. (ชาร์ตแบตไปด้วย)

ก็ไปต่อคิวขึ้นกระเช้า
รอบนี้พนักงานไม่ใจดีอ่ะ
พอเห็นเรามาคนเดียว
เค้าปล่อยกระเช้าว่างๆ ไปเฉยเลย 😳
แล้วให้เราไปนั่งกะครอบครัวฝรั่ง (ที่เค้านั่งในกระเช้าอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้ลงหรือขึ้นที่สถานีนี้)
ครือออออ แบบว่า พี่จะปล่อยกระเช้าเปล่าไปทำไม ทำไมไม่เอานู๋ยัดเข้าไปในกระเช้านั้นนนนนนนน 😫

สถานี Mt. Faber -> สถานี Sentosa

นั่งแบบแบบเกร็งๆ ไม่กล้าถ่ายรูปเยอะ เพราะติดฝรั่ง 555
รอบนี้นั่งยาวเข้า Sentosa เลย
นั่งกระเช้าเส้นนี้ ไม่เสียค่าเข้าเกาะอยู่แล้ว
และช่วงนี้ เค้าให้เข้าเกาะฟรีด้วยยยย 😘

อันนี้เราไม่ได้ลง HarbourFront
จึงไม่แน่ใจว่า เราสามารถนั่งจาก สถานี HarbourFront - > สถานี Sentosa ได้อีกหรือเปล่า
เพราะเค้าจะขีดฆ่าบนตั๋วแค่ต้นทาง ไม่ได้เช็คระหว่างทาง


 

ครั้งนี้นั่งกระเช้านานกว่าเดิม แต่ไม่ค่อยกลัวเหมือนครั้งแรก
อาจจะเพราะชินแล้ว .... หรือเพราะนั่งกับคนอื่น ต้องเก็กเข้าไว้ 😶






 



พอกระเช้าถึงสถานี Sentosa ก็รีบออกมา
สถานี Sentosa จะอยู่ใกล้ๆ กับ สถานี Imbiah ของเส้น Sentosa Line

แต่เราเลือกไป สถานี Merlion
เพราะเป้าหมายถึงลงที่ สถานี Siloso แต่อยากนั่งกระเช้ายาวๆ เลย
แต่ก็เดินหลงไปสองรอบ

คำแนะนำ
ถ้าจะไปสถานี Merlion ให้มองหาป้ายบอกทางไป Merlion เลย
เพราะสถานีจะอยู่ใกล้กับ Merlion ยักษ์





กระเช้าของ Sentosa Line
จะมีสีสันสดใสกว่า Mt. Faber Line
รูปทรงใกล้เคียงกัน มีแตกต่างกันเล็กน้อย

ประตูเปิดปิด มีช่องว่างเหมือนเดิม
แต่กระเช้าของ Sentosa จะมีกระจกใสบานใหญ่แค่ด้านเดียว คือด้านตรงข้ามประตู
ส่วนกระจกที่อยู่หลังเก้าอี้ทั้งสองฝั่ง
จะเป็นกระจกบานพับ ซึ่งเราไม่ชอบเลย ขัดขวางการชมวิวในบางมุม
แต่ในกระเช้าไม่มีพัดลมระบายอากาศ คงใช้กระจกเหล่านี้ในการระบายความร้อนแทน

เก้าอี้มี 2 ตัว
หันหน้าเข้าหากัน
จุคนได้สูงสุด 8 คน
มีที่วางแก้วน้ำ






สถานี Merlion -> สถานี Siloso
(จะต้องผ่านสถานี Imbiah ด้วย แต่เราไม่ลง)

ครั้งนี้ได้นั่งคนเดียวอีกแล้ว
น่าจะเป็นเพราะ คนไม่เยอะด้วยแหละ
ตอนขึ้นมาไม่มีคิวเลยอ่ะ

นั่งยาวจาก สถานี Merlion ไป สถานี Siloso เลย
ฝั่งซ้ายเป็นทะเล ฝั่งขวาเห็นตึก
วิวค่อนข้างสวย แต่บางครั้งก็โดนต้นไม้บัง
และไม่ชอบดีไซน์ของกระเช้า ที่มีกระจกเป็นขั้นๆ เลย
อยากได้กระจกใสๆ รอบด้านอ่ะ (อันนี้จะมีแค่ด้านเดียวที่เป็นกระจกใสทั้งแผ่น)


 









พอถึงสถานี Siloso
ก็เดินไปที่ Siloso Beach
ตอนนี้มีงาน Sentosa Sandsation MARVEL edition อยู่
คือปั้นทรายเป็นรูปตัวละคร Marvel น่ะ











เดินดูอยู่แป๊บเดียว เพราะไม่ใช่แฟนคลับ
จากนั้นก็เดินไปที่ Fort Siloso



ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 2 (มันมีให้กดแค่ชั้น 1 กับ ชั้น 2 แค่นั้นแหละ)
เป็นชั้น 2 ที่สูงโครต



วิวสวยดีนะ
ลิฟต์เป็นกระจก สามารถชมวิวด้านนอกได้



ด้านบน
พออกจากลิฟต์มาทางซ้ายมือ จะเป็นจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวเกาะ Sentosa ได้ แต่ไม่สูงเท่า กระเช้า



บางส่วนเป็นพื้นมันเป็นกระจกอ่ะ
ไม่กล้าเหยียบ 555
ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ

 

ถัดจากลิฟต์ไปทางขวามือ จะเป็นทางไป Fort Siloso โดยต้องเดินไปบน Skywalk ประมาณ 5 นาที
เดินไปตามทางจนสุดจะเป็น




ปลายทาง จะมีฐานปืนใหญ่, หลุมหลบภัย และหอสังการณ์ สามารถเข้าชมได้ฟรี
เราไม่ได้แวะดูเลย



รู้สึกปวดขามาก (แต่แกรนั่งกระเช้ามาตั้งนานนะ 😐)
เลยเดินย้อนกลับไปที่ลิฟต์ แล้วไปนั่งเล่นแถวนั้น (นั่งกับพื้นนี่แหละ มันไม่มีเก้าอี้ให้นั่งนะ)



จริงๆ แล้วกำลังทำใจ เพราะพยายามจะไปยืนบนพื้นกระจกให้ได้

พอใกล้ 4 โมง ได้เวลากลับโรงแรมแล้ว
ก็เลย ตัดสินใจ เดินไปบนพื้นกระจกด้วยความรวดเร็ว
อารมณ์เหมือนวิ่งผ่านน้ำตอนฤดูหนาว วัดใจแบบนี้เลย กร๊าาาก 😂
โอเคร 💪 สอบผ่าน !



กดลิฟต์ลงไปด้านล่าง
เดินกลับไปที่สถานี Siloso แล้วนั่งกระเช้าไป Merlion

สถานี Siloso -> สถานี Merlion

 

 

 

เราสามารถนั่ง Cable จาก Sentosa กลับไปยัง สถานี HarbourFront ได้อยู่
แต่เราอยากเดิน Sentosa Boardwalk ดูบ้าง

หลังจากลงจากกระเช้าที่สถานี Merlion แล้วก็นั่ง Sentosa Express จาก Imbiah ไป Waterfront
เดินเข้าไปแถวๆ USS แล้วมองหาป้าย Crane Dance

สภาพ Crane Dance ตอนเลิกงาน


จากนั้นเดินไปทางซ้าย จะเจอทางไป Sentosa Boardwalk
เป็นทางเดินเชื่อมระหว่าง Sentosa กับ Vivo City

ปกติถ้าข้ามจาก VivoCity มาเกาะ Sentosa ด้วย Boardwalk จะเสียค่าเข้าเกา 1$
แต่ช่วงนี้เค้าให้เข้าเกาะได้ฟรี (Sentosa Express ก็ฟรีนะ ถ้าใช้ Ez-link)

Sentosa Boardwalk มีความยาวประมาณ 600 เมตร
แต่มีทางเลื่อนและป้ายบอกระยะทางที่เหลืออยู่ตลอดทาง

บรรยากาศค่อนข้างดี
แบ่งเป็นโซนด้านนอก จะเป็นทางเดินริมน้ำ
ไม่มีหลังคา อาศัยร่มเงาจากต้นไม้ช่วยคลายร้อน
ส่วนอีกโซนจะมีหลังคา เป็นส่วนที่มีทางเลื่อน
ทั้งสองโซนนี่เชื่อมถึงกัน ถ้าเหนื่อยจากการเดินริมน้ำ จะแวะเข้าในร่มแล้วเดินบนทางเลื่อนก็ได้












เดินแป๊บๆ ก็ถึง VivoCity แล้ว

จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบน จำไม่ได้ว่าชั้น 3 หรือ 4 (ชั้นเดียวกับ Food Republic)
แล้วออกไปทางดาดฟ้า  จะมีสวนน้ำด้านบน
ไปชมวิว แล้วก็ดูว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง







เสร็จแล้วก็ข้ามถนนไปยังป้าย ตรงข้าม VivoCity
แล้วนั่งรถบัส 100 กลับป้าย 80071  Yi Xiu Fty Bldg < 20 ป้าย >



ระหว่างนี้เพื่อนยังไม่กลับ และเราเลยแวะไปซื้อของที่ Sheng Siong ก่อน
ซุปเปอร์มาเก็ตแสนถูก (สำหรับที่สิงคโปร์)
เหมือนโลตัสตลาดบ้านเรา

มี 2 ชั้น
ชั้นล่างขายพวกเครื่องดื่มแช่เย็น ผัก ผลไม้ อาหารสด
ชั้น 2 จะเป็นขนมขบเคี้ยว อาหารแห้ง เครื่องดื่ม เครื่องใช้ในบ้าน ฯลฯ
ตอนนี้ชั้น 2 ชำระเงินผ่านเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติแล้ว พนักงานไม่ต้องมายุ่งกับเงินเราเลย
โดยพนักงานจะต้องคิดเงินให้ก่อนนะ จากนั้นเราค่อยไปจ่ายที่เครื่อง




ฟินตรงโค้กกระป๋องละ 0.5$ (แต่ถ้าแช่เย็น 0.65$)



อันนี้เพื่อนถ่ายมาแต่ชั้น 1 เพราะไม่รู้ว่ามีชั้น 2 ด้วย







จากนั้นก็เดินกลับโรงแรม
ณ เวลานี้คือ ขาเดี้ยงมาก เดินกระเผลกๆ 😭

พอถึงห้องก็อาบน้ำแต่งตัว เพราะเราต้องไปงานแต่งต่อ

หกโมงกว่าๆ
ให้โรงแรมช่วยเรียก Taxi ให้ (แนะนำว่าเรียก Grab จะถูกกว่า)

โดนชาร์ตล่วงหน้า 3.3$ เลยจ้า
ค่า Taxi แพงมาก
มี ช่องค่าโดยสารปกติ แล้วก็มีช่อง Extra
ให้เอาราคาทั้งสองช่องมาบวกกัน จะได้ค่าโดยสารที่ต้องจ่าย

Extra เนี่ย เริ่มต้นมาก็เจอค่าเรียกรถไป 3.3$ แล้ว
แล้วยังเพิ่มอีก 25% ของค่าโดยสาร เพราะดันไปเรียกช่วง Peak Period อีก





แต่เพื่อนมาอีกคัน โดนไป 12$
สงสัยเราโดนพาอ้อม

 



เราไม่รีวิวงานแต่งนะ 555
เอาเป็นว่าหลังเสร็จงานแต่งแล้ว
มา Taxi กลับรถบัสจ้า
สายยาจกที่แท้ทรู 😂

กว่าจะถึงห้อง เหนื่อยมากกกก 😣
... เอ้า ต้องรีดผ้าต่ออีก 😅 5555

 


แพลนวันพรุ่งนี้ เลยเปลี่ยนจาก ตื่นเช้า ไปที่ Marina Barrage
เป็นข้ามไป 8 โมงเลย 5555
ขาเราสำคัญกว่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]