ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน @1st time : Day 3 - ยืนมองประตูสวรรค์ Tianmenshan 天門山 แวะเมืองโบราณ Furongzhen 芙蓉鎮



แพลนวันนี้

เทียนเหมินซาน Tianmenshan 天门山
ฝูหรงเจิ้น Furongzhen 芙蓉鎮






Tianmenshan 天门山




แผนทีเขาเทียนเหมินซาน




สรุปการเดินทางบนเขาเทียนเหมินซาน

1. นั่งกระเช้า จาก Down Station  →  Upper Station
2. เดินไปบนเส้นทาง West Line
ผ่านทางเดินริมผา, ทางเดินกระจก, ทางเดินริมผา, สะพานแขวน, วัดเทียนเหมินซาน
3. นั่งกระเช้าห้อยขา จาก วัดเทียนเหมินซาน  →  Fairy Peak
4. เดินลงเขา จาก Fairy Peak  →  Upper Station
บางคนอาจจะ ลงลิฟต์จาก Fairy Peak แล้วเดินผ่านอุโมงค์ มายัง Upper Station
5.เดินไปบนเส้นทาง East Line
ผ่านทางเดินริมผา, สวน, ทางดินลอยฟ้า, ลานหน้าบันไดเลื่อนเทียนเหมินซาน
6. ลงบันไดเลื่อน 12 ตัว
7. เดินลงบันได 999 ขั้น
8. นั่งรถบัส จาก ประตูสวรรค์  →  จุดแสดงโชว์จิ้งจอก
ผ่านถนน 99 โค้ง
9. เปลี่ยนไปนั่งรถบัสอีกคัน จากจุดแสดงโชว์จิ้งจอก  →  Down Station





มาต่อกันที่การเดินทางของเราบ้าง

เช้าวันใหม่
อากาศแจ่มใส และค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว
เราต้องเตรียมเสื้อหนากว่าปกติ
เพราะเมื่อวานเพื่อนที่ไปดูโชว์จิ้งจอกบอกว่า ข้างบนเขาหนาวและลมแรง

บรรยากาศหน้าโรงแรม


หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย
ก็ลงมาเช็คเอาต์ และฝากกระเป๋า
จากนั้นจึงเดินไปที่โรงแรม Zhangjiajie Yijiaqin Hotel 张家界一家亲宾馆



07.30 มาถึงโรงแรม
คุณร็อคกี้ (เจ้าของโรงแรม) พาเรามาที่รถพร้อมกับผู้โดยสารอื่นๆ อีก 5 คน
รถคันนี้นั่งได้ประมาณ 7 คน
บนรถแทบไม่ทีที่วางกระเป๋าแล้ว



คุณร็อคกี้ ขับรถมาส่งถึงสถานีกระเช้าด้านล่าง Down Station of Cable Way 索道下站
แล้วพาพวกเราไปเข้าแถวเตรียมเข้าสถานี ตรงป้ายแถวสำหรับ Line A

แถวสำหรับ Line A : ขึ้นเขาด้วยกระเช้า + บันไดเลื่อน + ลงเขาด้วยรถบัส

แถวสำหรับ Line B : ขึ้นเขาด้วยรถบัส + บันไดเลื่อน + ลงเขาด้วยกระเช้า



ส่วนเค้านำ Passport ของเราไปซื้อตั๋ว
ซื้อเสร็จก็นำตั๋วมาแจกพร้อมคืน Passport
และอธิบายว่า ตั๋วเรารวมค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้าง
หลักๆ คือ  ค่ากระเช้า 1 เที่ยว, ค่าบันไดเลื่อน  1 เที่ยว, ค่ารถลงเขา 1 เที่ยว




08.00 จนท. เริ่มปล่อยให้เดินเข้าสถานีกระเช้า
เดินขึ้นไปชั้นบน และเดินตามแผงกั้นแถวไปเรื่อยๆ
พอถึงเครื่องตรวจตั๋ว ก็ยื่นตั๋วให้พนักงาน แล้วไปรอขึ้นกระเช้า

 






08.20 ได้ขึ้นกระเช้า
กระเช้านึง สามารถนั่งได้ 8 คน
แก๊งค์ที่มากับคุณร็อคกี้ ซึ่งเป็นคนไทยทั้งหมด ได้นั่งกระเช้าตัวเดียวกันหมดเลย







วันนี้ฟ้าใสมาก
แต่แดดก็แรงมากจริงๆ
วิวนอกกระเช้าสวยยยยมากกกก



 



ขนาดเรากลัวความสูง ยังลุกขึ้นมาถ่ายรูปวิว ลืมความกลัวไปเลย
กระเช้าจะผ่านตัวเมืองไปก่อน จากนั้นก็จะเริ่มขึ้นเขา และเพิ่มความชันขึ้น

ผ่านสถานีกระเช้าช่วงกลาง Middle Station of Cable Way 索道中站 ด้วย
สมัยก่อนมีหยุดที่สถานีนี้ แต่ตอนนี้ไม่หยุดแล้ว ตรงไปยาวๆ เลย

หลังจากผ่านสถานีมา เราจะเริ่มมองเห็นถนน 99 โค้ง ซึ่งขากลับเราจะต้องนั่งรถบัสมาที่ถนนเส้นนี้






08.40 ถึงสถานีด้านบน Upper Station of Cable Way 索道上站 
เวลาที่ใช้เหมือนจะเร็วกว่าที่เคยอ่านรีวิวมา
เพราะปกติจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที แต่นี่น่าจะแค่ 30 นาทีก็มาถึงแล้ว

หลังจากนั้นก็ลงจากกระเช้า และเดินตามคนอื่นมาเรื่อยๆ
จะเจอทางแยกไป Yunmeng Fairy Peak 云梦仙顶 ซึ่งจะต้องเดินผ่านอุโมงค์

แล้ว Fairy Peak มันคือที่ไหน?
มันคือจุดสูงสุดของยอดเขาแห่งนี้ ที่มีกระเช้าห้อยขา นั่งไปมาระหว่าง Fairy Peak กับ  Tianmenshan Temple นั่นแหละ




ถ้าเราจะไปเดินริมผาก่อน
ก็ให้เดินไปทาง Peak Summit Line
จะมีทางออกอยู่ใกล้ๆ ห้องน้ำ

เดินลงมาด้านล่าง
จะเจอลานกว้าง พร้อมป้ายบอกทาง

แบ่งเป็นเส้น West line กับ East line
บริเวณนี้จะมีป้ายบอกทาง ค่อนข้างละเอียด
และมีจุดชมวิวกระเช้าด้วย

 



 

เส้นสีแดงคือ West Line ส่วนสีฟ้าคือ East Line


ตัวบันไดเลื่อนและประตูสวรรค์จะอยู่ใกล้ East Line
แต่เราจะเดินริมผาไปที่วัดเทียนเหมินก่อน
เราเลยเลือกทาง West Line




จะเจอทางแยกไป Heaven-Approaching Platform กับ Cliffside Path
Heaven-Approaching Platform 凌霄台 จะเป็นทางเดินบนเขา
Cliffside Path 栈道 จะเป็นทางเดินริมผา



เลือกทางเดินริมผา
สารภาพว่าช่วงเดินแรกๆ คือกลัวมาก มันสูง แล้วบางจุดก็เป็นทางเดินแคบๆ
ทางขวาของเราจะเป็นผาสูง เราก็พยายามเดินชิดซ้าย เกาะหินเกาะต้นไม้ตามไหล่ทางไว้ 😖

 






เดินไปสัก 10 นาที
จะเจอทางเข้าสะพานกระจก Western Glass Bottom Cliffside Path 西线 - 玻璃栈道






ซื้อตั๋วเช่าถุงเท้าที่เคาน์เตอร์ทางซ้ายก่อน ราคา 5 หยวน แล้วค่อยไปเข้าประตูทางขวา





สำหรับคนที่ไม่อยากจะเดินผ่านทางเดินกระจก
สามารถเลือกเดินไปทางเดินป่าแทนได้
ทางเข้าจะอยู่ทางซ้ายของเคาน์เตอร์



พอผ่านเครื่องตรวจตั๋วไป ก็ไปเอาถุงเท้ามาสวมครอบรองเท้าอีกที ก่อนจะเริ่มเดินบนสะพาน






ระยะทางไม่กี่เมตร แต่เราใช้เวลามากกว่า 10 นาที
เพราะมัวแต่ถ่ายรูป รอคนเดินผ่าน แล้วก็เกาะหินกระดึ๊บๆ ไปเรื่อยๆ




พอสุดเส้นทางกระจก ก็คืนถุงเท้า
แล้วก็เดินลัดเลาะตามเขายาวๆ เลย

 


เดินไปตามทาง Forest of Wishe许愿林
จะเจอป่าที่มีผ้าแดงจำนวนมากผูกไว้ตามต้นไม้

 


 






เดินต่อไปยัง Guigu Cliffside Path 鬼谷栈道





 






 


 


 






มาถึงสะพานแขวน Suspension Bridge 悬索桥

 



 



พอข้ามสะพานแขวนมา จะเจอ Rest Area
มีห้องน้ำ และร้านขายของที่ระลึกอยู่
มีผู้หญิงมาเล่นดนตรีให้ฟังด้วย

แต่ตรงนี้สูบบุหรี่กันหนักมาก เราเลยต้องรีบๆ เดิน







จากโซนนี้
เลี้ยวขวา มีจุดชมวิว Guigu Cave

 

 


จากนั้นก็เลี้ยวไปทางวัด Tianmen Mountain Temple 天门山寺



 



จากตรงนี้ไปจะไม่ใช่ทางเดินริมผาอีกแล้ว
จะเป็นเหมือนทางเดินในป่า ทำทางเดินไว้อย่างดี



เจอจุดที่เหมือนศาลเจ้าก่อนจะถึงวัด

 


 


11.00 มาถึงบริเวณลานกว้าง




ทางขวาเป็นเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วกระเช้าห้อยขา และมีทางแยกไปวัด
ทางซ้ายเป็นทางไป East line กับ Cherry Villages Restaurant
ด้านหน้าเป็นทางเข้าสถานีกระเช้าห้อยขา Forest Sightseeing Cable Car



เดินเลี้ยวขวาไปวัดก่อน อยู่ทางเดียวกับทางไปห้องน้ำเลย








 


จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาทางเก่า
แล้วกลับมาซื้อตั๋วกระเช้าห้อยขา ราคา 25 หยวน ต่อเที่ยว





จากนั้นก็เดินไปสถานีกระเช้าห้อยขา Forest Sightseeing Cable Car 森林观光缆车






การขึ้นกระเช้า
จนท. จะให้เรายืนประจำจุดที่มาร์คไว้ โดยจะหันหลังให้กระเช้าตัวที่เราต้องนั่ง
ถ้าสะพายกระเป๋ามาด้วย แนะนำให้เอามาไว้ด้านหน้า
พอกระเช้ามาถึง ก็ทิ้งก้นลงไปบนกระเช้าได้เลย
โดยจะมีจนท. อีกคน มาปิดด้านหน้าให้





กระเช้าไม่สูงมาก แต่ลอยผ่านเหวด้วยแหละ
พอถึงสถานีปลายทาง จะมีจนท. ช่วยพาเราออกจากกระเช้า





ณ ตอนนี้เราอยู่ที่ Yunmeng Fairy Peak 云梦仙顶 แล้ววววว




จากตรงสถานี เดินขึ้นบันไดไปยังอาคาร

 


ที่ชั้น  1 ของอาคารยังมีลิฟต์ เพื่อลงไปด้านล่าง แล้วเดินผ่านอุโมงค์ไปบรรจบกับสถานีกระเช้า Upper Station of Cable way ที่เราขึ้นมาตอนแรกสุดได้เลย



ด้านบนของอาคาร สามารถเดินขึ้นไปพื่อชมวิว 360 องศาได้


 




อาคารขาวๆ โค้งๆ นั่นคือ บริเวณใกล้ๆ กับสถานีกระเช้า Upper Station of Cable Way


ต่อไปเราต้องกลับไปยัง Upper Station of Cable Way อีกครั้ง
เพื่อเปลี่ยนไป East Line แล้วเดินทางต่อไปยังบันไดเลื่อน

โดยเราเลือกที่จะไม่ลงลิฟต์
แต่เดินลงเขาไปด้านล่างแทน

 


ก็จะเป็นทางเดินป่า ลงเขาธรรมดา (แต่เหนื่อย)




เดินมาจนถึงสถานีกระเช้า Upper Station of Cable Way



 


ลงไปสำรวจด้านล่างซะหน่อย




แล้วจะเจอทางขึ้นไปที่แยก West Line - East Line เหมือนเมื่อเช้า

พอถึงตรงนี้ ให้เปลี่ยนไปเดินเส้น East Line แทน เพราะบันไดเลื่อนลงไปยังประตูสวรรค์อยู่ทาง East Line

มองหาป้ายทางไป East Line เอาไว้




เริ่มจากทางเดินริมผากันก่อน
พอเป็น East Line หน้าผาจะอยู่ทางซ้ายมือ



มองย้อนกลับไป



ไปตามป้าย Davidia Involucrata Garden 珙桐园
เดินไปไม่ไกลมาก จะเจออุโมงค์




แล้วก็โผล่มาเจอสวน Davidia Involucrata Garden
ตรงนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษ






ต่อจากตรงนี้
จะเจอทางเดินลอยฟ้าที่สวยงามทำจากไม้
คนเยอะมากกก

เส้นทางตรงนี้จะมีทางแยกเป็น 2 ทาง
ทางนึงคือทางเดินลอยฟ้า อีกทางคือทางเดินริมผา
ซึ่งทั้งสองเส้นทาง จะไปบรรจบกันที่ลานหน้าบันไดเลื่อน

แน่นอนว่าเราเลือกทางเดินลอยฟ้า




 

 



พอใกล้จะสุดทาง
จะมองเห็นประตูสวรรค์อยู่ทางด้านล่าง

 



เมื่อสุดทางเดินลอยฟ้า จะเป็นลานกว้าง อยู่บริเวณหน้าบันไดเลื่อน Tianmenshan Escalator 穿山自動扶梯





13.00 ยื่นตั๋วให้จนท. (ใช้ตั๋วใบเดียวกันกับตั๋วขึ้นกระเช้า)
แล้วลงบันไดเลื่อนได้

บันไดเลื่อนมีทั้งหมด 12 ตัว (จะมีหมายเลขติดอยู่ที่มุมๆ บันไดเลื่อนด้วย)
ใช้เวลาอีกประมาณ 10 นาที




จากนั้นเดินตามทางมาเรื่อยๆ
เราก็จะพบว่า ตอนนี้เรามาถึงช่องประตูสวรรค์แล้ว






อันดับต่อไป เราต้องไปด้านล่าง เพราะรถบัสที่จะพาเรากลับนั้นจอดรออยู่ที่ด้านล่างนี้

สำหรับคนที่เดินลงไม่ไหว
เค้ามีบริการบันไดเลื่อนอยู่ สามารถพาเราลงมาถึงด้านล่างได้เลย





ไม่แน่ใจว่าตั๋วที่คุณร็อคกี้ซื้อมาให้สามารถใช้กับบันไดเลื่อนส่วนนี้ได้หรือเปล่า
แต่เราก็เลือกที่จะเดินลงบันได

บันได 999 ขั้น สูงและชันมาก
ส่วนราวบันไดนั้นสะอาดมาก เพราะต้องคอยเกาะราวไว้ตลอด กลัวกลิ้งตกลงไป

เดินจนเข่าแทบทรุด มีจุดแวะพักเรื่อยๆ
มีคนเดินขึ้นด้วยนะ เก่งจัง






 

 


เดินลงจนมาถึงกระถางธูปใหญ่

 



แล้วเดินลงมาอีกชั้น ก็จะเจอป้ายหน้าประตูสวรรค์
ลานกว้างบริเวณนี้ มีคนถ่ายรูปกันเต็มเลย

 


ถ้าตรงนี้คนเยอะเกิน
ให้เดินออกมาด้านหน้าเยอะๆ ห่างป้ายไปจนเกือบถึงจุดจอดรถ
แล้วถ่ายไปทางประตูสวรรค์
จะเห็นทั้งป้าย บันได และประตูสวรรค์เลย


มองเห็นถนน 99 โค้ง ที่เราจะต้องนั่งบัสผ่าน


13.30 นั่งรถบัสกลับ ใช้ตั๋วใบเดียวกับที่นั่งกระเช้าและบันไดเลื่อน ได้เลย






 


13.50 รถมาจอดที่สถานี Mountain Gate ซึ่งอยู่หน้าอาคารที่จัดแสดงโชว์จิ้งจอก (ที่เมื่อคืนเรามาชม) เพื่อเปลี่ยนรถ
มันจะมีป้ายบอกทางไปจุดขึ้นรถเพื่อที่จะไปสถานีกระเช้าด้านล่าง Down Station of Cable Way




 


ตรงจุดนี้ รอรถนานเหมือนกัน
14.10 ออกจากบริเวณที่จัดแสดงโชว์จิ้งจอก
14.30 ถึงสถานีกระเช้า Down Station of Cable Way 索道下站



สำรวจบริเวณรอบๆ สถานีเล็กน้อย
ที่นี่มีจุดรับฝากสัมภาระ บริเวณด้านหน้าทางเข้า ใกล้ๆ กับอาคารของสถานีกระเช้า
ราคาประมาณ 5-10 หยวนต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับขนาด




จุดรับฝากกระเป๋าจะอยู่ตรงข้ามสถานีกระเช้า



ประตูทางเข้าสำหรับซื้อตั๋ว ซึ่งเราไม่ได้มา เพราะคุณร็อคกี้เป็นคนไปซื้อตั๋วมาให้




การเดินทางกลับไปยังที่พัก
จากข้อมูลที่หามา
สามารถเดินไปขึ้นรถเมล์ฝั่งตรงข้ามแล้วลงหน้าสถานีรถไฟได้
แต่เราหาป้ายรถเมล์ไม่เจอ
เลยเดินกลับไปรร. ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
พอรับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินย้อนกลับไปที่สถานีรถไฟ




14.50 มาที่สถานีรถไฟเพื่อแลกตั๋วรถไฟความเร็วสูงก่อน
ในรีวิวบอกว่า มีค่าธรรมเนียม 5 หยวน
แต่เราไปแลกก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมนะ




วิธีแลกก็ นำเอกสารการจองกับ Passport ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูแค่นั้นเอง







Furongzhen 芙蓉鎮




15.10 เดินข้ามถนนมาที่สถานีขนส่ง Zhangjiajie Central Bus Station 张家界中心汽车站 ซึ่งใกล้กันกับสถานีรถไฟ



เดินเข้าประตูข้าง McDonald ไป
จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว
ซื้อตั๋วไปฝูหรงเจิ้น Furongzhen 芙蓉鎮
ค่าตั๋ว 32 หยวน (ค่ารถ 30 หยวน ค่าประกัน 2 หยวน)








ซื้อตั๋วเสร็จ ก็เดินไปเรื่อยๆ
จะเจอทางเข้าท่ารถทางซ้ายมือ

เดินผ่านเครื่องสแกนกระเป๋า
จะเจอจุดรอรถ
ด้านหน้าจะเป็นประตูเครื่องตรวจตั๋วของรถที่ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ





บางรีวิวบอกว่าสามารถเดินไปขึ้นรถแล้วซื้อตั๋วบนนั้นได้เลย
แต่เราลองแล้ว ไม่มีเส้นทางไปยังจุดจอดรถโดยไม่ผ่านประตูตรวจตั๋ว (ซึ่งก็ต้องมีตั๋วก่อนถึงจะผ่านได้)
เลยต้องกลับไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ก่อน

เข้าใจว่าคนรีวิว คงนั่งรถมาจากที่อื่น แล้วมาลงที่ท่ารถนี้ จึงสามารถเดินไปขึ้นรถคันอื่นได้เลย

ปล. สำหรับรถจาก จางเจียเจี้ย → อู่หลิงหยวน มีทางเดินแยกออกไปที่ท่ารถได้เลย โดยไม่ต้องผ่านเครื่องตรวจตั๋ว

รถไปฝูหรงเจิ้น จะมีรถออกเรื่อยๆ จนถึงเวลา 17.00 น.
โดยตั๋วที่ได้มาจะไม่ได้ระบุรอบที่ชัดเจนไว้

ดังนั้นเราจึงไม่สามารถบอกได้ว่ารถจะออกกี่โมง
เมื่อเข้ามาถึงโซนนี้แล้ว จึงเอาตั๋วไปยื่นให้จนท. ตรวจตั๋วทันที

จนท. สแกนตั๋วเสร็จ ก็ชี้ไปยังรถคันที่จะออก
เป็นมินิบัสอีกแล้ว

 



15.45 รถออกพอดี
คนเต็มรถเลย
ครั้งนี้ได้นั่งหลังสุด
ที่แคบมาก ไม่มีพื้นที่วางกระเป๋า แถมคนข้างหน้ายังเอนเบาะมาอีก



17.45 มาถึงสถานีขนส่งฝูหรงเจิ้น Furong Bus Station 芙蓉镇汽车站  ใช้เวลาไปประมาณ 2 ชม.
สถานีนี้ จะเป็นท่ารถเล็กๆ
เราสามารถเดินไปที่รถได้เลย ไม่ต้องผ่านอาคารท่ารถอีก





พอลงจากรถ ก็ให้มองหารถสีเหลือง ทองๆ หน่อย
ยื่นชื่อ Furong Ancient Town  芙蓉古镇 ให้คนขับดู
ค่ารถ 2 หยวนต่อคน



17.50 มาถึงทางเข้าเมืองโบราณ 
รถจะจอดที่หน้าลานจอดรถด้านนอก


จากตรงนี้ ให้เลี้ยวซ้าย เข้าซอยเล็กๆ เดินลงเนิน ไปยังลานจอดรถด้านล่าง


ให้เดินเข้าซอยซึ่งต้องลงเนินไป
มองไกลๆ จะเหมือนมีลานจอดรถ อยู่ด้านล่างอีกที

พอไปถึงก็จะเจอ ทางขวามือเป็นประตูทางเข้าเมือง 东门  ทางซ้ายมือเป็นที่ขายตั๋วและจุดบริการนทท. ทางด้านหน้าเป็นที่จอดรถนำเที่ยวคันเขียวๆ

ประตูเข้าเมือง


จุดบริการนักท่องเที่ยว

ลานจอดรถนำเที่ยว


ที่นี่มีค่าเข้าเมืองด้วย
ราคาเท่าไหร่ไม่แน่ใจ เหมือนจะ 100+ หยวน
แต่หลังจาก 18.00 จะเข้าฟรี



18.00 เรายืนรอหน้าประตู จนพนง. รร. มารับ
แต่ก็ต้องรอจนจนท. กลับ เราถึงจะเข้าเมืองฟรีได้

18.15 จนท. กลับไปหมดแล้ว
พนง. จึงช่วยเราแบกกระเป๋าผ่านประตูไปยังรร.
ถนนเป็นหิน ไม่เหมาะกับการลากกระเป๋าเอามากๆ




จากประตูทางเข้า เดินตรงไปจะเจอลานกว้าง Tozhou Xizhou Square 溪州土司广场
ด้านหน้ามีรูปปั้นบอร์น Xizhou Bronze Pillar 溪州铜柱



เลี้ยวซ้ายไป จะเจอสะพาน Tuwang Bridge 土王桥
ข้ามสะพานไป แล้วเลี้ยวขวา เดินต่ออีกนิด จนถึงทางโค้ง จะเจอ รร. ทางขวามือ


 






รีวิวโรงแรม Baihe Matou Inn 芙蓉鎮白河碼頭客棧

ยื่นเอกสารการจองให้รร.
การเช็คอินทุกอย่างค่อนข้างเร็ว เนื่องจากมีการติดต่อกันผ่าน WeChat ตั้งแต่ตอนอยู่ไทยแล้ว

จ่ายเงินส่วนที่เหลือเสร็จ
พนง. ก็พาลงไปชั้นล่างอีก 2 ชั้น (ซึ่งน่าจะเป็นชั้น 2 ของโรงแรม ส่วนล็อบบี้คือชั้น 4)
พนง. ให้ดูห้องเสร็จแล้วก็บอกว่าจะอัพเกรดห้องให้ เป็นห้องที่อยู่ถัดไปอีกชั้น (ชั้น 3)
ห้องเดี่ยวที่จองมาเลยกลายเป็นห้องคู่ไปโดยปริยาย แถมได้เลื่อนขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น
ก็ดีนะ เดินขึ้นลงไม่เยอะ 😝

หลังจากแบกกระเป๋ามาที่ห้อง
พนง. ก็เอาส้มมาให้ทาน และนัดหมายเวลาทานอาหารเช้า
(จริงๆ ที่เราจองไม่มีอาหารเช้านะ ไม่รู้ว่าได้อัพเกรดหรือเปล่า)
พร้อมบอกเส้นทางไปน้ำตกให้

19.15 ออกจากรร. เลี้ยวขวา เดินไปไม่กี่เมตร
จะเจอทางลงไปด้านล่าง ซึ่งสามารถข้ามสะพานหินไปยังฝั่งตรงข้ามได้
หรือถ้าเดินตรงไป จะเป็นจุดชมวิวน้ำตกมุมสูง


 


เราเลือกเดินลงไปข้างล่าง และข้ามแม่น้ำด้วยสะพานหิน
ตรงนี้เป็นด้านบนของน้ำตก ได้ยินเสียงน้ำตกชัดเจนมาก แต่มองไม่เห็นน้ำตก

 

 


ฝั่งตรงข้าม จะเป็นย่านค้าขายของเมืองโบราณ มีร้านอาหาร ร้านค้ามากมาย
ทางเดินทำจากหิน เป็นทางขึ้นลงเนินทั้งเส้น เลี้ยวขวาจะเดินขึ้น เลี้ยวซ้ายจะเดินลง




เราเลือกเดินเลี้ยวซ้าย ไปทางท่าเรือซึ่งมีทางเดินไปยังน้ำตกได้
ระหว่างทาง ทางซ้ายมือ จะมีช่องเล็กๆ เพื่อลัดไปที่น้ำตก โดยไม่ต้องเดินไปให้ถึงท่าเรือ



แต่เราไม่ได้เลี้ยว (เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นทางลัด)
เลือกเดินตรงไปด้านล่างจนถึงท่าเรือ




จากท่าเรือ ถ้าเดินมาทางซ้ายมือ
จะเห็นทางเดิน เป็นเหมือนย่านร้านค้าที่สร้างใหม่






เดินย้อนกลับไปทางนั้น ซึ่งเป็นทางขนานกับทางเดินหินที่เราเดินผ่านมา
จนถึงทางแยก
ทางซ้ายเป็นซอยเล็กๆ ก็คือทางลัดที่เราไม่ได้เดินเข้ามานั่นแหละ
ทางขวาจะเป็นทางไปยังน้ำตก


 



ตอนนี้น้ำตกเปิดไฟแล้ว
คนยังไม่เยอะเท่าไหร่

มองหาทำเล ตั้งขาตั้ง ถ่ายรูป

คนที่นี่อยากรู้อยากเห็นกันอย่างเปิดเผยมาก
ถ่ายเรารูปอยู่
ถ้าเค้าอยากรู้ว่าถ่ายอะไร
เค้าจะยื่นหน้าเข้ามาเหมือนเป็นเจ้าของกล้องเลย
จากนั้นก็พูดอะไรสักอย่างไม่รู้ จนเราพูดภาษาอังกฤษใส่ เค้าก็จะทำหน้ายิ้มๆ แล้วยกนิ้วให้....?




หลังจากถ่ายรูปสักพัก
หันไปดูด้านหลัง คนมาจากไหนกันเนี่ย เยอะมาก
ทั้งๆ ที่ดึกแล้วด้วย คนยังเยอะอยู่เลย
คิดว่าคงมีทัวร์ที่จัดเที่ยวที่นี่ตอนกลางคืนเพื่อดูการจัดไฟที่น้ำตกแน่ๆ เลย

พอถ่ายรูปเสร็จ
ก็เดินตรงต่อไป
จะเป็นทางเดินลอดใต้น้ำตก
น้ำค่อนข้างแรง กรุณาเตรียมตัวเปียกมาด้วย


มองกลับไปตรงจุดที่เราถ่ายรูปน้ำตก


พอเข้ามาใต้น้ำตก จะเจอมุมถ่ายรูปคู่กับน้ำตกสวยๆ อยู่

 


 




จากนั้น ต้องเดินอ้อมไปอีกฝั่ง ของน้ำตก
เพราะถ้าเดินกลับก็ต้องผ่านน้ำตกอีก
กลัวเปียก เลยเดินต่อไปเรื่อยๆ

มีทางขึ้นเนินลงเนินตลอด แถมไกลและค่อนข้างมืดด้วย
ระหว่างทางก็มีจุดชมวิวอยู่เรื่อยๆ


 


เดินมาจนถึงลานกว้างๆ ซึ่งเป็นเหมือนจุดชมวิวอีกแห่งนึง
มีร้านค้าตั้งอยู่ แต่ตอนนี้ปิดแล้ว

ตรงนี้จะมีรถรับส่งรออยู่ด้วย ไม่มั่นใจว่าเสียค่ารถเท่าไหร่
แต่เราก็เลือกที่จะเดินต่อไป เพราะเห็นคนข้างหน้าเค้าเดิน

 




ทางเดินยังค่อนข้างมืดอยู่ แถมเงียบด้วย บริเวณนี้ไร้ซึ่งบ้านเรือน
แน่นอนว่าเดินไป ก็หลอนไป และตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ

เดินไปสักพักถึงค่อยเจอบ้านคน แต่ก็ไม่ได้คึกคักเท่าอีกฝั่ง

พอตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดชมวิวที่โรงแรมแนะนำมา ซึ่งหมายความว่า ใกล้จะถึงรร. แล้วววววว






ตรงนี้อยู่ไม่ไกลโรงแรมเลยจริงๆ ห่างกันแค่ 100 แมตร
ซึ่งจากจุดนี้ ตรงไปนิดเดียว ทางซ้ายก็จะเป็นทางลงไปสะพานหิน ที่เราไปตอนแรกนั่นแหละ
สรุปว่าเดินมาเป็นวงกลม




สำหรับคนที่อยากชมวิวน้ำตกมุมสูงอีกด้าน ต้องไปดูที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามนะ
ร้านที่เหมือนเปิดผับนั่นแหละ เห็นวิวชัวร์ หน้าร้านเค้าโฆษณาไว้
แต่อาจจะทนเสียงดังไม่ไหว เพราะเสียงมันดังมากจริงๆ

จริงๆ แล้วแถวนั้นก็มีอีกหลายร้านนะที่เห็นวิว จะแวะไปกินข้าวก็ได้
แต่เนื่องจากตอนนี้ดึกแล้ว ประมาณ 4 ทุ่ม
จะให้หาอะไรกินอีก ก็คงไม่ไหวแล้ว
เราเลยเลือกเดินกลับโรงแรมดีกว่า

เดินวนรอบน้ำตกไป 1 รอบใช้เวลา 3 ชม. 555





Link ที่เกี่ยวข้อง



เรื่อยเปื่อย
➤ เรื่อยเปื่อย v1 - เรื่องน่ารู้ แต่ไม่รู้ก็ได้
เรื่อยเปื่อย v2 - สรุปการเดินทางและค่าใช้จ่าย
เรื่อยเปื่อย v3 - ปัญหาจิปาถะก่อนเดินทาง


รีวิว


โรงแรม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>