ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Family Trip @Japan -- Day 2 ตะลุย Japan Alps

Day 2 ตะลุย Japan Alps





เกริ่นนำ



Japan Alps เป็นฉายาที่ใช้เรียก เทือกเขา Tateyama ซึ่งมีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงาม คล้ายกับเทือกเขาแอลป์ในยุโรป

Tateyama Kurobe Alpine หรือ คนญี่ปุ่นเรียกว่า Alpen เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ต้องผ่านทางตอนหนือของภูเขา Tatayama ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด Toyama และ Nagano

โดยไฮไลท์ของเส้นทางนี้ คือ ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน จะมีกำแพงหิมะสีขาวโพลน  "Yuki no Otani"
ที่มีขนาดสูงมาก อยู่ระหว่างสถานี Bijodaira และ Murodo (บนเส้นทางนี้จะมีสถานีย่อยๆ หลายสถานี)
โดยเส้นทางนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกปี แต่อาจจะมีกำหนดการณ์แตกต่างกันเล็กน้อย


สำหรับในปี 2019
 ช่วงเวลาเปิดให้บริการทุกเส้นทาง (เด็นเทสึโทยาม่า - ชินาโน่โอมัตจิ) 
15 เมษายน 2019 - 30 พฤศจิกายน
 ช่วงเวลาเปิดให้บริการบางส่วน (เด็นเทสึโทยาม่า - มิดางะฮาระ) 
10 เมษายน 2019 - 14 เมษายน

 ปิดเส้นทางตั้งแต่ เดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนเมษายน


โดยช่วงเวลาที่เปิดแบบเต็มเส้นทาง จะสามารถเข้าชมได้ทั้งจากฝั่ง Toyama และ Nagano 
ทั้งแบบจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึง หรือไปกลับฝั่งเดิมก็ได้ 
ตั้งแต่เวลา 09.30 - 15.15  (ต้องเข้าไปด้านในก่อน 15.00)


ปล. กำแพงหิมะ ที่อยู่บนสถานี Murodo จะมีจนถึงประมาณเดือนมิถุนา หลังจากนั้นหิมะก็จะละลายจนหมด แต่จะได้บรรยากาศทุ่งหญ้าเขียวขจีแทน



เส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine





จากที่บอกไว้ว่า บนเส้นทาง Alpine นี้ เราสามารถเดินทางได้ 2 ฝั่ง
 ฝั่ง Nagano (Tokyo, Matsumoto, Nagano) โดยจะเริ่มต้นที่สถานี Ogizawa
ถ้ามาด้วยรถสาธาณะ อาจจะเริ่มต้นที่สถานี Shinano-Omachi 
แต่ถ้ามาด้วยรถส่วนตัว ก็สามารถขับไปถึงสถานี Ogizawa ได้
 ฝั่ง Toyama (Osaka, Kyoto, Toyama, Tateyama) โดยจะเริ่มต้นที่สถานี Tateyama Sta.
หรืออาจจะเริ่มต้นที่ สถานี Dentetsu-Toyama

เราสามารถเลือกที่จะเดินทางแบบจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึง หรือไปกลับฝั่งเดิมก็ได้

NOTE: กำแพงหิมะ ตั้งอยู่ที่สถานี มูโรโด "Murodo" ซึ่งจะอยู่ค่อนไปทางฝั่ง Toyama มากกว่า





โดยหากเดินทางแบบข้ามไปอีกฝั่ง จะต้องใช้เวลาประมาณ 6-8 ชม.

แต่ถ้านับเฉพาะการเดินทางไปยังกำแพงหิมะ (Murodo) แล้วกลับสถานีเดิม

หากมาจากฝั่ง Toyama จะใช้เวลาน้อยกว่า และเปลี่ยนพาหนะน้อยกว่า
จาก Tateyama Sta. ไปกลับ Murodo จะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม.
จาก Tateyama Sta. ไปกลับ Kurobe Dam จะใช้เวลาประมาณ 8-9 ชม.

หากมาจากฝั่ง Nagano จะต้องเปลี่ยนพาหนะ 6-7 ครั้ง
จาก Ogizawa ไปกลับ Murodo จะใช้เวลาประมาณ 5-7 ชม.

ปล. ในรูปด้านล่าง จากฝั่ง Toyama จะเป็นการประมาณเวลาการเดินทาง จาก Tateyama Sta. ไปกลับ Kurobe Dam เนื่องจากเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว






สำหรับค่าใช้จ่ายก็ดูจากด้านล่างนี้ได้เลย
ราคาค่อนข้างสูงทีเดียว

จาก Tateyama Sta. ไปกลับ Murodo 4,310 เยน
จาก Tateyama Sta. ไปกลับ Kurode Dam 10,790 เยน
จาก Ogizawa ไปกลับ Muroro 9,050 เยน


 

แต่เดียวก่อน! ถ้าเรามั่นใจว่าจะเดินทางจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึงอยู่แล้ว
สามารถซื้อตั๋ว Tateyama Kurobe Opiton Ticket ในราคา 9,800 เยนได้
http://www.jrtateyama.com/e/index.html




มีบริการขนส่งสัมภาระไปสถานีอีกฝั่งนึงด้วยนะ

รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเส้นทาง Alpine Route สามารถติดตามได้จากเว็บ
https://www.alpen-route.com


สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวชมกำแพงหิมะ
แนะนำให้ค้างที่ Toyama / Matsumoto / Nagano แล้วค่อยมาเที่ยวกำแพงหิมะในวันถัดไป
เนื่องจากว่าใช้เวลาในการเดินทางบนเส้นทางนี้ค่อนข้างมาก 
ถ้าเดินทางไปกลับโตเกียว หรือเมืองอื่นๆ ที่ไกลออกไป ก็อาจจะเหนื่อยเกิน (แต่ก็เคยมีคนทำแล้ว)


มาเริ่มเดินทางกันเลย!!!!
สำหรับเรามาค้างที่เมือง Matsumoto อยู่แล้ว
จึงเลือกเส้นทางเข้าจากฝั่ง Nagano โดยจะสิ้นสุดที่ Murodo เท่านั้น
ที่ไม่ข้ามฝั่ง เพราะว่าอยากจะเช็คสภาพอากาศให้แน่ใจว่าฟ้าใส ค่อยเดินทางเท่านั้น (มีให้เลือก 2 วัน)
ไปทั้งที เสียเงินตั้งเยอะ ขอเก็บบรรยากาศสวยๆ ดีกว่า



แพลนคร่าวๆ


15 May 2019

05.30ไปถึงสถานีรถไฟ Matsumoto
รอรถไฟสาย Oito ที่ชานชาลา 3
05.58รถออกจากสถานี Matsumoto
07.02ถึงสถานี Shinano-Omachi
ซื้อตั๋วบัสไปกลับ Shinano Omachi - Ogizawa 2,500 เยน
07.10ต่อรถบัสไปสถานี Ogizawa
07.45ถึงสถานี Ogizawa
ซื้อตั๋วไปกลับ Ogizawa - Murodo 9,050 เยน
08.00ขึ้นรถบัส Kanden Tunnel Electric Bus
รถจะวิ่งผ่านอุโมงค์ประมาณ 15 นาที
08.15ถึงสถานี Kurobe Dam
เดินไปชมวิวเขื่อน กินข้าว กินขนม แถวๆ เขื่อน
09.00ถึงสถานี Kurobeko
09.10ขึ้นรถ Cable Car
รถจะวิ่งในอุโมงค์ จากล่างขึ้นสู่ด้านบน ประมาณ 5 นาที
09.15ถึงสถานี Kurobedaira
09.30ขึ้นกระเช้า Tateyama Ropeway
ประมาณ 10 นาที (ควรอยู่ริมหน้าต่างไว้ จะได้เห็นวิว)
09.40ถึงสถานี Daikanbo
เดินขึ้นไปชมวิวด้านบน (สวยมาก ควรแวะ)
10.15ขึ้นรถ Tateyama Tunnel Trolley Bus
รถจะวิ่งในอุโมงค์อีกประมาณ 10 นาที
10.30ถึงสถานี Murodo (ชั้น 2)
กินข้าว (ชั้น 3)
เดินเล่น ชมหิมะ

--------------------------- เดินทางกลับ ---------------------------


14.00ขึ้นรถTateyama Tunnel Trolley Bus กลับสถานี Daikanbo
14.20ขึ้นกระเช้า Tateyama Ropeway กลับสถานี Kurobedaira
แวะชมวิวที่จุดชมวิว
15.00ขึ้นรถ Cable Car กลับสถานี Kurobeko
เดินบริเวณสันเขื่อนไปยัง Kurobe Dam
แวะกินขนม
แวะชมวิวที่จุดชมวิว
16.00ขึ้นรถบัส Kanden Tunnel Electric Bus กลับสถานี Ogizawa
16.20ขึ้นรถบัสกลับสถานี Shinano-Omachi
17.10ขึ้นรถไฟกลับ Matsumoto
18.00ถึงสถานี Matsumoto
แวะกินข้าวเย็น
ช็อปปิ้ง
อาบน้ำ นอน


แพลนแบบละเอียด


🚩 สถานีรถไฟ Matsumoto
ตื่นเช้าประมาณตี 4 เพื่อเตรียมไปให้ทันรถไฟสาย Oito ขบวนแรกที่จะไป Shinano-Omachi

ตอนเช้าช่วงตี 5 กว่า พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
แต่สถานียังคงเงียบเหงาอยู่






สถานีรถไฟ Matsumoto ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ ป้ายบอกทางค่อนข้างชัดเจน
มีประตูตรวจตั๋วแค่จุดเดียว พอเข้าไปแล้วค่อยไปแยกชานชาลาของรถไฟสายต่างๆ ด้านใน




รถไฟที่จะพาเราไปยังสถานี Shinano-Omachi นั้น จะเป็นรถไฟสาย Oito
เมื่อเราแตะบัตร IC Card แล้วก็ลงไปรอที่ชานชาลา 3  (มีลิฟต์)










วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น เพราะอิทธิพลของฝนเมื่อวาน ใส่เสื้อ 3 ชั้นเลย
นั่งรอรถไฟแบบหนาวๆ ที่ชานชาลา จนต้องกดน้ำอุ่นจากตู้กดน้ำหยอดเหรียญมาช่วยคลายหนาว



เวลาประมาณ 05.58 รถไฟก็มาถึง






#1 ยานพาหนะที่ 1 

Local Train (Oito Line) จาก Matsumoto ไป Shinano-Omachi 

ในรถไฟ คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ 
ในรถไฟมีห้องน้ำด้วย สบายละ
อากาศในรถไฟ อุ่นมาก






วิวนอกหน้าต่างรถไฟช่วงแรกๆ ยังเต็มไปด้วยหมอก แต่พอสายๆ ท้องฟ้าก็สดใสขึ้น












🚩 สถานี Shinano-Omachi
มาถึงสถานี Shinano-Omachi ประมาณ 7.00 กว่านิดๆ 
ทำเวลาได้ดี เพราะเราต้องรีบไปขึ้นรถบัสตอน 7.10

แต่! ชานชาลาที่รถไฟมาจอด มันอยู่คนละฝั่งกับสถานี
ต้องข้ามสะพานลอยด้วย! โดนแม่บ่นเลย

ยังไม่พอ!! มาถึงสถานีก็พบว่า ... มันไม่รับบัตร IC Card เว้ยเห้ย!!!
ใครใช้ IC แตะมา ต้องไปให้เจ้าหน้าที่จัดการให้ แล้วจ่ายค่าเดินทางเป็นเงินสด

แล้วคิวเยอะด้วยไง
ชิหายแล้ว จะทันรถมั้ยยยยยยยย >o<

พอจ่ายเงินเรียบร้อย ก็รีบวิ่งไปหน้าสถานี
มองทางซ้ายมือ 




โอ้ววว รถบัสยังจอดอยู่
เลยบอกให้พ่อแม่ค่อยๆ เดินตามมา
ส่วนเราวิ่งไปซื้อตั๋ว แล้วบอกให้คนขับรอแป๊บ คนแก่กำลังเดินมา 555




ค่ารถไปกลับ Shinano-Omachi - Ogizawa ราคาไปกลับ 2,500 เยน
จะได้เป็นตัวมา 2 ใบ สำหรับขาไปและขากลับ 
ยื่นให้พนักงานหน้ารถดู เพื่อความชัวร์ว่าเราขึ้นรถถูกคัน




ตั๋วไม่ระบุที่นั่ง เลือกนั่งได้ตามสบายเลย
รถกว้างพอสมควร

#2 ยานพาหนะที่ 2 
Local Bus จาก Shinano-Omachi ไปยัง Ogizawa
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที




🚩 สถานี Ogizawa
ก่อนลงจากรถ ก็ยื่นตั๋วให้พนักงานก่อน เค้าจะเก็บตั๋วขาไปไว้




พอลงรถก็ไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ตรงที่แถวๆ ที่รถจอดเลย 
คิวไม่เยอะ 3-4 คิวเอง ผิดจากที่คาดไว้เหมือนกัน




ตั๋วไปกลับ Ogizawa - Murodo ราคา 9,050 เยน
จะได้ตั๋วใบเดียว มีบาร์โค้ด

เวลาใช้ตั๋ว ก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรงหน้าประตูทางเข้าของแต่ละสถานีเลย
เค้าจะเอาไปสแกนให้




สถานีนี้มีลิฟต์ขึ้นไปชั้น 2 ซึ่งเป็นบริเวณเข้าคิวเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า Kanden Tunnel Electric Bus 
ต้องไปต่อคิวก่อน พอใกล้เวลารถออก จนท. ถึงจะปล่อยเราเข้าไปด้านใน




ประมาณ 8.00 เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้เข้าไปด้านใน
ต้องเดินขึ้นบันไดไปสัก 10 กว่าขั้น
ก็ค่อยจูงแม่ขึ้นมาช้าๆ
โชคดีตอนเช้า คนยังไม่เยอะ มีที่นั่งเหลือเยอะเลย










#3 ยานพาหนะที่ 3 
Kanden Tunnel Electric Bus จาก Ogizawa ไป Kurobe Dam
เป็นรถบัสไฟฟ้า ที่วิ่งผ่านอุโมงค์
ใช้เวลาประมาณ 16 นาที




🚩 สถานี Kurobe Dam
เมื่อมาถึงสถานี Kurobe Dam
เดินตามชาวบ้านมาได้เลย






พอมาถึงทางแยกแรก
แยกขวา จะเจอบันไดเขียวๆ ขึ้นไปจุดชมวิว
ให้เราเดินไปทางซ้าย จะเป็นทางเดินไปยังเขื่อน










ก่อนจะมาถึงอุโมงค์เขื่อน 
จะเจอบันไดทางลงอีกหลายขั้น
แล้วก็ต้องเดินผ่านอุโมงค์ยาวๆ สัก 300 เมตร 
ตรงจุดนี้อากาศหนาวมาก เพราะแสงแดดส่องไม่ถึง
พอออกมาได้ ก็จะเจออ่างเก็บน้ำบนเขื่อน






บริเวณนี้มีร้านอาหาร ร้านค้าอยู่ แต่ร้านอาหารด้านบนยังไม่เปิด เปิดแต่ร้านอาหารเล็กๆ 
วิธีการสั่งก็ไปที่เครื่องจำหน่ายตั๋ว
กดเลือกเมนูที่ต้องการ มีทั้งเครื่องดื่ม ข้าวผัด ไส้กรอก ซอฟครีม ฯลฯ 
ราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่
จ่ายเงินเสร็จ เครื่องจะให้คูปองมา 
ก็เอาคูปองยื่นให้พนักงาน แล้วรอเค้าเรียก




พวกเราแวะบริเวณนี้นานหน่อย
เพราะนั่งกินอาหารเช้ากันตรงนี้เลย

จากนั้นก็เดินบนสันเขื่อน
ไปยังปลายทางอีกฝั่ง
ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีได้มั้ง
เดินช้าๆ เดินไป ถ่ายรูปไป









#4 ยานพาหนะที่ 4 
สองเท้า จาก Kurobe Dam ไป Kurobeko
ปกติเค้าใช้เวลากันประมาณ 15 นาที แต่ของเราน่าจะเดินกันครึ่งชม.ได้


🚩 สถานี Kurobeko
เดินมาถึงสถานี Kurobeko 
ก็เข้าคิวเพื่อรอรถ Cable Car รอบ 09.10
คิวน้อยอีกแล้ว






เวลาเข้าแถว ให้มองหาป้าย Individual Gate ไว้
เพราะเค้าจะแบ่งแถวของกรุ๊ปทัวร์ กับแถวคนที่มาเองแยกกัน 
แถวของกรุ๊ปทัวร์ก็จะยาวหน่อย




พอถึงเวลา เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้เดินไปขึ้น Cable Car
แต่รถเจ้ากรรม มันไม่ได้จอดชั้นล่างสุด ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนิด ถึงจะขึ้นรถได้




จังหวะนี้ ขุ่นแม่ได้ยืนค่ะ 
เพราะรถรางจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก จุคนได้ไม่เยอะ 
แต่มันก็จะมาถี่กว่ายานพาหนะอื่นๆ


#5 ยานพาหนะที่ 5 
Kurobe Cable Car จาก Kurobeko ไป Kurobedaira
เคเบิลคาร์ใต้ดินเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ในช่วงหิมะตก
ใช้เวลาประมาณ 5 นาที




🚩 สถานี Kurobedaira
มาถึงสถานี Kurobedaira ก็มาเข้าคิวรอกระเช้ารอบ 09.30 





พอถึงเวลาก็เข้าไปในกระเช้า
โชคดีได้คิวแรกๆ 
เดินเข้าไปหน้าสุดเลย ติดกระจก
ด้านในมีที่นั่งด้วย นั่งได้ประมาณ 4 คน
สบายท่านแม่เลย




#6 ยานพาหนะที่ 6 
Tateyama Ropeway จาก Kurobedaira ไป Daikanbo
เป็นกระเช้าไฟฟ้าแบบไม่มีเสาพยุงที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น
ใช้เวลาประมาณ 7 นาที 




🚩 สถานี Daikanbo
เนื่องจากเราเหลือยานพาหนะอีกแค่ 1 อย่าง และเวลานี้ก็ยังไม่สายมาก
เลยขึ้นไปชมวิวด้านบนซะหน่อย










แต่บันไดประมาณ 60 ขั้น
ท่านแม่เลยต้องรออยู่ด้านล่าง
ปล่อยสองพ่อลูกไปผจญภัยด้านบน




วิวด้านบนจะเห็นภูเขาที่ยังมีหิมะหลงเหลืออยู่ พร้อมกับวิวทะเลสาบบนเขื่อนด้วย 
มีกำแพงหิมะเล็กๆ ให้ถ่ายรูปเล่น
คนไม่แออัดเท่าไหร่ แต่ก็เยอะพอสมควร














กลับลงมาตรงจุดที่แม่รออยู่
พอดีว่า แถวๆ นี้ มีอุโมงค์หิมะ ที่ทะลุไปยังจุดชมวิวเล็กๆ ได้ ไม่ต้องเดินขึ้นบันได แต่ต้องหลบน้ำที่มันหยดลงมา
เลยพาแม่ไปตรงนั้น จะได้ถ่ายรูปด้วยกัน





จากนั้นก็ต้องเดินลงบันไดไปชั้นล่าง
เพื่อไปต่อคิว รอรถ Tateyama Tunnel Trolley Bus รอบ 10.15





ลงมาถึงตรงที่รอรถ ตะลึงมาก คนเยอะชะมัด 
แต่ แต่ ส่วนใหญ่เป็นคิวทัวร์อ่ะ ช่องบุคคลธรรมดา คนไม่เยอะเท่าไหร่




มีรถรอประมาณรอบละ 4-5 คัน
แม่ได้นั่งคนเดียว ส่วนพ่อลูกก็ยืนกันไป
ยืนด้านหน้ารถเลย จะได้เห็นวิว (ซึ่งไม่มี เพราะรถวิ่งในอุโมงค์)






#7 ยานพาหนะที่ 7 
Tateyama Tunnel Trolley Bus จาก Daikanbo ไป Murodo
รถบัสไฟฟ้า(รถราง) ลอดอุโมงค์ของญี่ปุ่น ด้วยระดับความสูง 2450 เมตร 
รถบัสนี้จะวิ่งลอดในอุโมงค์ โดยใช้พลังกระแสไฟฟ้าเป็นแรงขับเคลื่อน
ดังนั้นจึงปราศจากควันและปลอดมลภาวะ
ใช้เวลาประมาณ 10 นาที




🚩 สถานี Murodo
ในที่สุด เราก็มาถึงจุดหมายของเราสักที สถานี Murodo
โดยเราน่าจะอยู่ที่ชั้น 2 (ชั้น 1 เป็นทางไปกำแพงหิมะ ชั้น 3 เป็นห้องอาหาร ชั้น 4 เป็นจุดชมวิว)
คนเยอะมาก วุ่นวายสุดๆ



เราเดินขึ้นบันไดไป 1 ชั้น (ไปชั้น 3) เพื่อมากินข้าวกลางวันก่อน








🚩 พาโนรามาวิว
กินเสร็จ ก็เดินขึ้นบันไดไปอีก 1 ชั้น (ไปชั้น 4) เพื่อไปจุดชมวิวด้านบนอาคาร



จะมองเห็นตรงที่เป็นกำแพงหิมะด้านหน้าอาคาร 
ส่วนด้านหลังจะเป็นพาโนรามาวิว








ถ่ายรูปตรงนี้พักนึง ก็เดินไปด้านหลังอาคาร
มีทางเดินแบบกันลื่นให้ประมาณ 10 เมตร
จากนั้นก็จะมีแยกซ้ายขวา
ไปทางขวาก่อน เพราะคนน้อย และมีโซนที่ดูเหมือนเป็นกำแพงหิมะเตี้ยๆ

















จากนั้นก็เดินกลับมาที่เก่า 
ส่งแม่มานั่งพัก 5555
แล้วค่อยเดินไปทางฝั่งซ้ายบ้าง




ฝั่งนี้จะเป็นทางเดินบนหิมะยาวๆ
เดินลำบากมาก
เดินอยู่ดีๆ ขาก็หายไปในหิมะ ฮ่าาาาาา
ถ้าถ่ายวิดีโอ แล้วอยู่ๆ มันกระตุก
นั่นแหละ แปลว่า ร่วงลงไปแล้ว














รองเท้าที่ใช้เป็นรองเท้าผ้าใบธรรมดา แต่ฉีดสเปรย์กันน้ำไว้ก่อนเดินทาง
ใช้งานได้ดีมาก
รองเท้าไม่เปียกเลย ยกเว้นตอนหิมะมันกระเด็นเข้ามาด้านใน

เราเดินไปเรื่อยๆ จนถึงบึง Mikuriga-ike และ Mikurigaike Onsen 
ฟินมากกกกก และเหนื่อยมากเช่นกัน











แบกขาตั้งกล้องไปนี่เป็นได้ทุกอย่าง
ทั้งขาตั้งกล้อง ไม้เท้าช่วยพยุง และไม้เซลฟี่








🚩 กำแพงหิมะ
จากนั้นก็เดินกลับมาตรงที่พ่อกับแม่นั่งรอ
ตกลงกันว่า ขอไปดูตรงกำแพงหิมะแป๊บนึง เดี๋ยวกลับ 
ส่วนพ่อแม่ ขี้เกียจเดินแล้ว ขอถ่ายรูปแถวนี้ต่อไป

จากชั้นบนสุด เดินลงบันไดมาอีก 2 ชั้น
จะเจอจุดที่เรามาจาก Kanden Tunnel Electric Bus ณ ตอนนี้ คนล้นทะลักมาก



มองทางบันไดทางลงไปด้านล่าง เพื่อออกไปด้านนอกอาคาร











ตรงกำแพงหิมะ จะเป็นทางเดินบนถนนเรียบ 
ระยะทางจากทางเข้า ถึงปลายทางที่เค้าอนุญาตให้เดินไปได้ ประมาณ 400 เมตร แค่นั้นเอง 




แต่ระหว่างทาง ก็จะมีทางเข้าเล็กๆ 2-3 จุด เพื่อไปจุดชมวิวบ้าง Snow Maze บ้าง
ซึ่งเราไม่ได้แวะ เพราะกลัวไม่ทันเวลา










เดินตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางเลย
แล้วก็ย้อนกลับมา










🚩 ---- เดินทางกลับ ----
เวลา 14.00 ก็ได้นั่งรถ Kanden Tunnel Electric Bus กลับ Daikanbo







พอมาถึงสถานี Daikanbo เราก็ต่อคิว นั่งกระเช้ารอบ 14.20 ไป Kurobedaira ทันทีเลย












กระเช้ามาถึงสถานี Kurobedaira
ก็ขอตัวขึ้นไปชมวิวด้านบน
















วิวบนนี้ จะคล้ายกับที่ Daikanbo แต่เห็นมุมมอง 360 องศาเลย มีโต๊ะนั่งด้วย

พอกลับลงมาด้านล่าง ....พ่อกับแม่หายไปไหน???
ลองเดินหาๆ ดูก็พบว่า ทั้งสองคนอยู่ด้านนอกอาคารนี้ ซึ่งมีทางเดินหิมะเล็กๆ และจุดถ่ายรูปเช่นกัน
โดยต้องเดินทะลุร้านของฝากไปด้านในสุด จะเจอประตูทางออก





เวลา 15.00 ก็ไปนั่งรถ Cable Car รอบนี้ เค้าเรียกไปนั่งรวมกับทัวร์ด้วยแหละ





มาถึงสถานี Kurobeko ก็เดินลงบันได แล้วเดินผ่านอุโมงค์สั้นๆ ออกไปยังเขื่อน
แวะหาของกินเช่นเคย เหมือนพ่อจะติดใจไส้กรอกร้านนี้
















ระหว่างนี้ พ่อกับแม่ก็แวะหาอะไรกินที่นี่
พ่อดูจะติดใจไส้กรอกเป็นพิเศษ ซื้อมา 2 รอบแล้ว

ตอนนี้แดดส่องมาที่เก้าอี้หน้าร้านอาหาร ทำให้นั่งกินตรงนั้นไม่ได้แล้ว มันร้อนเกิน
เลยหยิบเก้าอี้พับมานั่งตรงแถวๆ เขื่อน ตรงที่มีร่มเงาพอดี สบายยยยย
พ่อบอก มีฝรั่งยกนิ้วให้ด้วย

ส่วนเราก็ขอตัวไปชมวิวด้านบน




ทางไปจุดชมวิวมี 2 ทาง คือจากด้านนอก คือ เดินจากตรงที่เรากินข้าว ขึ้นไปได้เลย
แต่เนื่องจากแดดร้อนมาก
เราเลยเลือกไปอีกทางคือ ทางที่ต้องเดินไปในสถานี Kurobe Dam ก่อน

ก็ต้องเดินผ่านอุโมงค์หนาวๆ นั่น 
ก่อนถึงสถานีจะต้องเดินขึ้นบันไดด้วยนะ ประมาณ 20 ขั้นได้
แล้วก็เจอทางแยกเดิมที่ตอนแรกเราเลี้ยวซ้ายมานั่นแหละ แต่รอบนี้เลี้ยวอีกทาง ต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 220 ขั้น เพื่อขึ้นไปด้านบน







มีป้ายให้กำลังใจระหว่างทาง ประมาณว่า เหลืออีก 100 ขั้นเองนะ (มั้ง)



ด้านบนนี้มีพื้นที่กว้างขวาง มีร้านค้าเล็กๆ อยู่
วันนี้เขื่อนไม่เปิดน้ำ












จากนั้น 16.00 ก็ต่อแถวเพื่อนั่ง Kanden Tunnel Electric Bus ไปยัง Ogizawa
คนแน่นมากกกกกก รอบนี้ได้ยืนทั้ง 3 คนเลย






มาถึง Ogizawa ตรงชั้น 3
จะมีจุดชมวิว และลิฟต์ลงไปชั้นล่างสุด






รถบัสไป Shinano-Omachi จอดอยู่พอดี
พ่อจำคนขับรถได้
ก็เลยเอาตั๋วไปให้คนขับดู คนขับเก็บตั๋วไปแล้วให้ขึ้นรถได้เลย

ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็มาถึงสถานี Shinano-Omachi








ซื้อตั๋ว JR กลับสถานี Matsumoto




ขากลับก็ต้องเดินขึ้นสะพานลอยไปชานชาลาอีกฝั่งนึงอยู่ดี T_T




มาถึงสถานี Matsumoto ประมาณ 6 โมงกว่า




แวะกินข้าวร้านเดียวกับเมื่อวาน 
แม่บอกว่า วันนี้ข้าวผัดเค็มกว่าเดิม
แต่เราสั่งของกินอย่างอื่น เลยอร่อยอยู่คนเดียว




ก่อนกลับห้องก็แวะซื้อกดกาแฟ ให้พ่อไว้กินตอนเช้า (ทำไมมันไม่ให้กดฟรีตอนเช้า ฟร้าาาาาา)
แล้วก็นั่งกินขนมที่ซื้อมาเมื่อวาน
ก่อนจะไปอาบน้ำ นอน







สรุป


1. โชคดีมากกกกกกกกกก
ฟ้าเปิด ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศไม่หนาวเกินไป ถึงมีแดดก็ไม่ค่อยร้อน

2. แว่นกันแดดจำเป็นมาก
หิมะวิ๊งๆ เข้าตาเลย ถ่ายรูปยากมาก มองไม่ค่อยออกว่าถ่ายอะไรไป

3. คนไม่เยอะเท่าไหร่ด้วย
เพราะตามที่เค้าเตือนๆ มาคือ ช่วงรอคิวขึ้นพาหนะต่างๆ อาจจะใช้เวลานานเกือบ 2 ชม.
แต่เรารออย่างมากก็ 10 นาทีเอง ไม่ต้องเอาเก้าอี้พับออกมาเลย ส่วนใหญ่ได้อยู่ลำดับต้นๆ ของแถวด้วย
อย่าลืมว่าต้องเข้าแถว Individual นะ

4. เก้าอี้พับก็จำเป็นอยู่นะ
ได้ใช้เก้าอี้ตอนหามุมนั่งรอ เพราะเก้าอี้ส่วนใหญ่ไปอยู่ในอาคาร แต่พ่อแม่อยากนั่งข้างนอก ก็เอาเก้าอี้ตัวเองออกมาใช้งานเลย
ตรงเขื่อน มีเก้าอี้หน้าร้าน แต่ตอนบ่ายๆ แดดจะส่องตรงนั้นพอดี นั่งไม่ไหว ก็เอาเก้าอี้พับไปนั่งตรงริมเขื่อนที่มีร่มเงา สบายยยยยยย

5. ถ้าเน้นเดินทางง่าย แนะนำให้มาทางฝั่ง Toyama 
จะแค่นั่งรถไฟ รถราง และรถบัสก็มาถึง Murodo แล้ว ราคาถูกกว่าด้วย
แต่ถ้าชอบความท้าทาย หลากหลาย ให้มาทางฝั่ง Nagano ซึ่งเรามาฝั่งนี้

6. ให้สมมติว่าอากาศจะหนาวไว้ก่อน
ถ้าร้อน ก็ถอดออกได้ เตรียมกระเป๋าเป้แบบพับไปด้วย ไว้เก็บของที่ไม่ได้ใช้
แต่ถ้าหนาว เราจะลำบาก (แต่ไปอยู่ตึกก็อุ่นนะ)





ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง


👉 Day 1 มุ่งสู่ Matsumoto
👉 Day 2 ตะลุย Japan Alps
👉 Day 3 Kamikochi
👉 Day 4 Say Hi! Tokyo
👉 Day 5 ไปสบตา Fujisan
👉 Day 6 บ๊ายบายเจแปน


👉 โรงแรม Premier Hotel CABIN Matsumoto
👉 โรงแรม Sotetsu Fresa Inn Tokyo-Kinshicho


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>