ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Family Trip @Japan -- Day 3 Kamikochi สวิตเซอร์แลนด์แห่งญี่ปุ่น

Day 3 Kamikochi




วันนี้เรายังคงอยู่กันที่เมือง Matsumoto
แพลนวันนี้ จะชิวๆ หน่อย เพราะเมื่อวานเราใช้แรงกายกันไปเยอะแล้ว
สถานที่ที่เราจะไปก็คือ

สวิตเซอร์แลนด์แห่งญี่ปุ่น "ค า มิ โ ค จิ" 




แพลนคร่าวๆ


16 May 2019

06.00 มาถึงสถานีรถไฟ Matsumoto
06.31 นั่งรถไฟสาย Kamikochi Line จาก Matsumoto ไป Shin-Shimashima
07.15 นั่งบัสจาก Shin-Shimashima ไป Kamikochi
08.30 ถึง Kamikochi Bus Terminal
เดินไปสะพาน Kappa
กินข้าว
เดินเล่น
12.00 นั่งบัสจาก Kamikochi Bus Terminal กลับ Shin-Shimashima
13.05 ถึงสถานี Shin-Shimashima
13.27 นั่งรถไฟสาย Kamikochi Line กลับ Matsumoto
14.00 ถึงสถานีรถไฟ Matsumoto
แวะซื้อข้าวใน Family Mart
กินข้าว
พักผ่อน
15.30 ซื้อตั๋ว Town Sneaker Bus ที่ Matsumoto Bus Terminal
16.00 นั่ง Town Sneaker สาย 200 Northern Line ไป Matsumoto Castle
เดินเล่นรอบปราสาท
16.30 เดินไปถนน Nawate Street กับ Nakamachi Street
17.05 นั่ง Town Sneaker สาย 210 Eastern Line
อ้อมกลับไป Matsumoto Station
17.30 ถึงป้าย 1 หน้าสถานีรถไฟ Matsumoto
18.00 กินข้าวเย็นร้านอาหารจีน





แพลน แบบละเอียด


🚩 Matsumoto Station
วันนี้ก็ตื่นแต่เช้าอีกแล้ว
แต่เป้าหมายสำหรับวันนี้จะเป็นแบบชิวๆ หน่อย ไม่ได้เดินเยอะเหมือนเมื่อวาน
จุดหมายของเราคือ Kamikochi ที่ถูกขนานนามว่าเป็น สวิตเซอร์แลนด์แห่งญี่ปุ่น

สำหรับการเดินทางจาก Matsumoto ไปยัง Kamikochi
มี 2 วิธี คือ
1. รถบัสวิ่งตรงจาก Matsumoto ไปยัง Kamikochi เลย (แวะจอดที่ Shin-Shimashima)
แต่รถออกค่อนข้างเช้า ประมาณ 05.30 และดูเหมือนจะมีแค่ 2 เที่ยวต่อวัน
2. นั่งรถไฟสาย Kamikochi Line จาก Matsumoto ไปยัง Shin-Shimashima ใช้เวลา 30 นาที รถไฟออกทุก 40 นาที
แล้วต่อรถบัสจาก Shin-Shimashima ไปยัง Kamikochi ใช้เวลา 1 ชม. รถออกประมาณชม.ละคัน

สำหรับเราวิธีที่ 2 ดูจะสะดวกที่สุด

เริ่มจากออกจากโรงแรม ประมาณ 6 โมงเช้า
มายังสถานีรถไฟ Matsumoto



โชว์ตั๋วลำดับที่ 2/4 จากตั๋วชุด Kamikochi Yu Yu ให้จนท.บริเวณช่องตรวจตั๋วดู ก็สามารถผ่านเข้าไปด้านในสถานีได้เลย
ซึ่งใบนี้ จะใช้สำหรับเดินทางจาก Matsumoto -> Shin-Shimashima -> Kamikochi
ใช้ได้ทั้งรถบัส และรถไฟ



จากนั้นมองหาชานชาลาสำหรับ Kamikochi Line ซึ่งมีชานชาลาเดียว คือ ชานชาลาที่ 7
รถไฟขบวนนี้ จะวิ่งสุดสายที่ Matsumoto และ Shin-shimashima ดังนั้นไม่ต้องกลัวเลยป้าย






รถไฟออกเวลา 06.31








ภายในรถ คนไม่เยอะเท่าไหร่
และดูเหมือนจะไม่มีห้องน้ำ




🚩 Shin-Shimashima
รถวิ่งเป็นเวลา 30 นาที ก็มาถึงสถานี Shin-Shimashima
จุดจอดรถอยู่ติดกับสถานีเลย มีทางออกแค่ทางเดียว





สถานีนี้ จะใช้ระบบ Manual
ช่องตรวจตั๋วจะมีจนท. เป็นคนคอยตรวจสอบ
ตอนจะออกจากสถานี ก็ยื่นตั๋วลำดับที่ 2/4 ให้จนท.ตรวจตั๋วดูแค่นั้นเอง



จากนั้นก็มองหารถบัสที่มีไฟหน้ารถขึ้นว่า Kamikochi
ถ้าหันหน้าออกจากอาคารสถานี ป้ายรถบัสจะอยู่ทางขวามือ ติดกับฝั่งทางรถไฟ





นำตั๋วลำดับที่ 2/4 โชว์ให้คนขับรถดู
ก็สามารถขึ้นรถได้เลย
ไม่มีระบุที่นั่ง อยากนั่งตรงไหนก็ตามสบายเลย



🚩 Kamikochi Bus Terminal
รถออกเวลา 07.15
แวะรับส่งคนตลอดเส้นทาง
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงปลายทาง Kamikochi Bus Terminal




คนส่วนนึงจะลงที่ป้าย Taisho Pond
แล้วเดินริมน้ำไปเรื่อยๆ จนถึง Kappa Bridge และอาจจะเดินยาวไปถึงบึง Myojin
ซึ่งอาจจะใช้เวลาทั้งวันในการเดิน




แต่ครั้งนี้ เราพกคนชรามาด้วย
ดังนั้น เราจึงเลือกที่จะลง Kamikochi Bus Terminal ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถบัสนั่นเอง




บริเวณ Bus Terminal จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำ เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว และมีที่นั่งอยู่ค่อนข้างเยอะ
ห้องน้ำมีค่าบริการ ครั้งละ 100 เยน ไม่มีคนเก็บเงิน แต่มีกล่องใส่เงิน






🚩 Kappa Bridge
จาก Bus Terminal เดินไปไม่ไกลก็จะเจอแม่น้ำ
เลี้ยวขวา แล้วเดินเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ก็จะไปถึงสะพาน Kappa Bridge
ระยะทางจาก Bus Terminal ประมาณ 400 เมตร
ตอนเช้าๆ แบบนี้ คนน้อยมาก










ฝั่งนี้จะมีอาคารที่เป็นโรงแรมและร้านค้าอยู่แห่งนึง
ลองเข้าไปดูแล้ว ด้านในจำหน่ายสินค้าที่ระลึกซะส่วนใหญ่
ส่วนร้านอาหารชั้นบนยังไม่เปิด และเขียนป้ายแปะไว้ว่า ร้านถูกจองเต็มแล้ว ต้องมาตอนบ่ายสอง
ส่วนด้านหน้าของกินขาย เป็นพวก ซาลาเปา ของทอดแบบง่ายๆ ซอฟครีม อะไรพวกนี้



เราเลยเดินข้ามสะพาน Kappa Bridge ไปอีกฝั่ง
ซึ่งมีอาคารแบบเดียวกัน
แต่ที่นี่ มีร้านอาหาร ที่เปิดขายอาหารและเครื่องดื่มอยู่ด้วย
โชคดีจัง นึกว่าจะไม่มีอะไรกินซะแล้ว





เครื่องดื่มสามารถสั่งกับพนักงานในร้านได้เลย
ส่วนอาหาร ต้องกดเลือกเมนูและจ่ายเงินจากเครื่องจำหน่ายคูปอง
แล้วเอาคูปองไปยื่นให้พนักงาน

อาหารส่วนใหญ่จะเป็นพวก โซบะกับอุด้ง
อาหารประเภทข้าวมีแค่ แกงกะหรี่ กับทงคัตสึ
ราคาประมาณอยู่ในช่วง 800 - 1500 เยน

สามารถนั่งทานด้านในหรือด้านหน้าร้านได้
มีน้ำเปล่าฟรี บริการตัวเอง
เมื่อทานเสร็จก็ยกถาดไปเก็บด้านในด้วย




หลังทานข้าวเช้าเสร็จ
ก็เดินเล่นอยู่บริเวณนี้
ไม่ได้ไปไหนไกลเลย







น้ำที่นี่ใสมาก
เย็นมากด้วย
มีก๊อกน้ำบางจุด ซึ่งนักท่องเที่ยวจะมากดน้ำจากที่นี่กลับไป


วันนี้อากาศค่อนข้างดี
มีแดด
ไม่หนาวมากเท่าไหร่






วิวภูเขาหิมะกับแม่น้ำสวยดี รู้สึกสดชื่นมาก
อยากลงไปเล่นน้ำ แต่น้ำมันตื้น แถมเย็นสุดๆ
ทำได้แค่เอามือแตะๆ น้ำ






ที่นี่หาถังขยะยากมาก
ตอนแรกพี่ที่เคยมาบอกว่า ไม่มีถังขยะ ต้องพกกลับไปเอง เราเลยเตรียมถุงขยะมา
แต่พอสำรวจดีๆ ตรงอาคารแรกที่เราไปดู
ข้างๆ จะมีโซนตู้กดน้ำหยอดเหรียญอยู่ ด้านในจะมีถังขยะ





ส่วนห้องน้ำก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่
ค่าเข้า 100 เยนเหมือนกัน
แต่ห้องน้ำนี้ กลิ่นค่อนข้างแรงทีเดียว






พอสายๆ คนก็เริ่มเยอะ
สะพานก็เต็มไปด้วยผู้คน และเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ




สัก 11 โมงครึ่ง เราก็เดินกลับไปที่ Bus Terminal
เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์








🚩 Kamikochi Bus Terminal
สำหรับการเดินทางกลับ Matsumoto ด้วยตั๋วชุด Kamikochi Yu Yu
จะใช้ตั๋วลำดับที่ 3/4
โดยจะต้องนำตั๋วนี้ไปยื่นให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ก่อนเพื่อไปแลกตั๋วขึ้นรถบัส



มองหาเคาน์เตอร์ที่เขียนว่า Shin-shimashima / Matsumoto
แล้วเอาตั๋วนี้ ไปยื่นให้พนักงาน
เลือกรอบรถที่ต้องการ ซึ่งเราเลือกรอบ 12.00 ไว้




พนักงานจะออกตั๋วให้อีกชุดนึง
เป็นตั๋วที่มีลำดับหมายเลข



เลขพวกนี้ คนขับรถจะขานเรียก เพื่อให้เราขึ้นรถตามลำดับ
แต่ไม่เกี่ยวกับเลขที่นั่งบนรถแต่อย่างใด
ตอนเรียกจะพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วตามด้วยภาษาอังกฤษ ไม่ต้องกลัวว่าจะพังไม่ออก

เมื่อได้ตั๋วแล้ว ก็ไปรอรถที่ป้าย 4 ใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์นั่นแหละ
รอจนคนขับเรียกหมายเลขของตัวเอง ก็เดินขึ้นรถไป




🚩 Shin-Shimashima
รถบัสใช้เวลา 1 ชม. ก็มาถึงสถานี Shin-Shimashima ประมาณ 13.00
ตอนลงมา คนขับบอกว่า ให้แถวๆ นี้ไปก่อน
ซึ่งแน่นอนว่าเรางง 555
ก็ฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ
แต่ดูจากเวลาในตารางแล้ว
คาดว่า รถไฟจะมาเวลา 13.27
นั่นคือ คนขับให้เรารอรถไฟนั่นแหละ

สถานีนี้เป็นแบบ Manual ไม่มีเครื่องตรวจตั๋ว
ทุกอย่างเลยต้องรอจนท.









พอรถไฟใกล้จะมาถึง
จนท. ก็จะมายืนสแตนบายรอบริเวณจุดตรวจตั๋ว



โดยจะตรวจตั๋วผู้โดยสารที่ลงมาจากรถไฟให้หมดก่อน
จากนั้นก็ให้ผู้โดยสารด้านนอกเดินเข้ามาในชานชาลา
เราก็แค่ยื่นตั๋วลำดับที่ 3/4 ให้จนท. ดู



บนรถคนน้อยเช่นเคย
แต่รอบนี้ส่วนใหญ่เราจะไปยืนตรงด้านหน้า เพราะอยากเห็นวิวตอนรถไฟวิ่งบ้าง





🚩 Matsumoto Station
รถไฟใช้เวลา 30 นาทีก็มาถึงสถานี Matsumoto ชานชาลา 7 เหมือนเดิม
ขึ้นลิฟต์มาชั้นบน แล้วเดินไปตรงประตูตรวจตั๋ว
จากนั้นก็ยื่นตั๋วลำดับที่ 3/4 ให้จนท. ตรงประตูตรวจตั๋วดู
ก็จะสามารถออกจากสถานี Matsumoto ได้

มาถึง Matsumoto ประมาณ 14.00
ก็เดินไป Family Mart ใกล้ๆ โรงแรม เพื่อซื้อของไปกินบนห้อง
กินข้าว นั่งเล่น พักผ่อน สักพักนึง


🚩 Town Sneaker Bus
เวลาประมาณ 15.30 ก็ลงมาด้านล่าง
ไปที่ Matsumoto Bus Terminal แล้วซื้อตั๋ว Town Sneaker Bus แบบ One day pass ราคา 500 เยน
นั่งรถ Town Sneaker Bus กี่รอบก็ได้ใน 1 วัน



รถ Town Sneaker Bus เป็นรถรอบเมือง
มีประมาณ 3-4 สาย
ป้ายแรกอยู่ด้านหน้าทางเข้าสถานีรถไฟ Matsumoto



ป้าย 1 สำหรับรถ Town Sneaker สาย 200 Northern Line เป็นสายที่วิ่งขึ้นด้านเหนือของเมือง และผ่านปราสาท Matsumoto

ป้าย 2 สำหรับรถ Town Sneaker สาย 210 Eathern Line เป็นสายที่วิ่งทางตะวันออก ผ่านถนน Nakamachi Street รวมถึงย่านโรงเรียน
และสาย 220 Southern Line เป็นสายที่วิ่งทางด้านใต้ สายนี้เราไม่สนใจ เพราะไม่ได้ไป
แต่ทุกสายสามารถกลับมาที่สถานี Matsumoto ได้หมด





เวลาขึ้นให้ขึ้นจากด้านหลัง
แล้วเอาตั๋วบัส พร้อมกับป้ายที่ต้องการจะลงไปถามคนขับเพื่อความชัวร์







เส้นทางรถบัสดูได้ที่นี่
https://www.city.matsumoto.nagano.jp/kurasi/sumai/bus/town.files/route.PDF


🚩 Matsumoto Castle
รอจนถึง 16.00 รถสาย 200 ก็มาถึง
เป้าหมายของเราคือ สะพานแดงกับปราสาท Matsumoto



คนส่วนใหญ่จะลง ป้าย 8 Matsumotojo・shiyakushomae เพราะอยู่ใกล้ประตูทางเข้าชมตัวปราสาท
แต่เราว่าแม่ไม่น่าจะอยากขึ้น
เลยลงป้าย 9 Ikegami Hyakuchikutei ซึ่งจะอยู่ด้านหลังปราสาท และใกล้กับสะพานแดง



ลงป้าย 9 ปุ๊บ ก็เดินต่อไปอีกนิด จะเจอทางเข้าเขตปราสาททางซ้ายมือ
บริเวณนี้มีจุดนั่งพักที่มีดอกฟูจิประดับด้านบนด้วย มีห้องน้ำบริการฟรี






ถ่ายรูปตรงสะพานแดงสักพักนึง (ตอนนี้ไม่ให้ขึ้นไปบนสะพานแล้ว)
ก็เหมือนว่าพ่อจะอยากขึ้นไปดูปราสาท
แต่ว่าตอนนี้ 16.30 แล้ว เค้าปิดไม่ให้ขึ้นแล้วอ่ะ (ตัวปราสาทปิดตอน 17.00 นะ)







🚩 Nawate Street & Nakamachi Street
เลยเดินต่อไปยังถนน Nawate



วันนี้ร้านเปิดน้อยมากกกกกกกกกกก
น้อยจนไม่รู้จะเดินดูอะไรดี สงสัยตลาดจะไม่เปิดวันธรรมดา





ก็เลยข้ามฝั่งไปยังถนน Nakamachi เพื่อไปรถรถ Town Sneaker Bus สาย Eastern Line
เพราะว่าจะได้นั่งรถรอบเมือง 5555






จริงๆ ถ้าอยากกลับเร็วๆ นั่งรถสายเดิมกลับก็ได้ แต่ต้องเดินไปอีกนิด เพราะป้ายรถเมล์อยู่คนละจุดกัน
แต่ทีนี้เวลาเหลือไง ขอนั่งรถไปฝั่งอื่นบ้าง




รถสาย Eastern Line ก็วิ่งไปทางฝั่งตะวันออกนั่นแหละ
ฝั่งนี้จะเจอรร. เยอะหน่อย เด็กนักเรียนเต็มเลย

คนที่นี่นิยมปั่นจักรยานกันมาก
พ่อบอกว่าตั้งแต่มาที่นี่ ยังไม่เห็นมอเตอร์ไซต์สักคันเลย



จริงๆ เมืองมันก็ไม่ได้ใหญ่นะ
อย่างไปปราสาทเนี่ย คนส่วนใหญ่เค้าก็เดินกัน
อากาศก็ดีด้วย คนเลยนิยมปั่นจักรยานมากกว่ามั้ง
มีจักรยานให้เช่าหลายที่ด้วยนะ

รถบัสใช้เวลา 30 นาที ก็กลับมาที่สถานี Matsumoto




🚩 ร้านอาหารจีน Chinese Restaurant Mei Weicheng 美味城
ได้เวลากินข้าวแล้ว
แต่แม่เบื่อข้าวผัดร้านเดิมแล้วอ่ะ
ร้านอาหารที่ใกล้สุด ก็คือ Matsuya (ร้านอื่นๆ ไม่กล้าแนะนำ)
แต่ก็เป็นอาหารญี่ปุ่น

เลยนำเสนอร้านอาหารจีนแทน
อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่ แต่ก็ต้องเดินแหละ
(แม่ไม่ค่อยอยากเดิน เลยเลือกกินร้านที่ติดสถานีนั่น 2 วันเลย ซึ่งมันก็ไม่ได้อร่อยหรอก แค่ขี้เกียจเดิน)

แต่เนื่องด้วยความเบื่ออาหารญี่ปุ่นถึงขีดสุด ... แม่ยอมเดิน!
ระยะทางประมาณ 200 เมตร
เป็นร้านอาหารจีนที่หาไว้ตั้งแต่ก่อนมาเที่ยว
เพราะมั่นใจว่า แม่ไม่ถูกกับอาหารญี่ปุ่นแน่ๆ
เลยปักหมุดร้านอาหารจีนกับไทยเอาไว้ทุกจุดที่ไปเที่ยว (ยกเว้นบางที่ ที่มีร้านอาหารจำกัด)
และมันก็ได้ใช้งานจริงๆ



มาถึงร้านจีนร้านแรก
มันปิด!

โอเคร
มีสำรองอีกร้าน
ห่างกันไม่กี่ก้าว โชคดีร้านเปิดอยู่
ร้านเปิด 17.30 ไปกินได้เลย



ร้านนี้ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ
แต่มีรูปในเมนู
เลยจิ้มมั่วๆ ไป
น้ำเปล่าบริการฟรี




รสชาติอาหารโอเค ทานได้เหมือนอาหารไทย
เสียอย่างเดียว คือ ยอมให้สูบบุหรี่ในร้าน โชคดีคนสูบบุหรี่ตอนเรากินเสร็จแล้ว
เลยรีบเช็คบิลแล้วออกจากร้าน



กินเสร็จก็กลับไปพักผ่อนในโรงแรม
ส่วนเราไปเดินเล่นในห้างต่อ
และพบว่าชั้นบน มีร้านสินค้ามือสองอยู่
ซึ่งแม่น่าจะอยากดู
แต่ว่า มันจะปิดในอีก 15 นาที
เลยตัดสินใจ ช่างมันเหอะ







สรุปวันนี้


1. โชคดีอีกแล้ว อากาศดีนั่นเอง

2. Town Sneaker รอบรถค่อนข้างน้อย ควรเผื่อเวลา

3. ถ้าให้เลือกระหว่างรอรถ กับเดินไปเอง ให้เลือกรอรถ เพราะแม่ขี้เกียจเดิน

4. ร้านอาหารไทยและจีน จำเป็นมาก ควรปักหมุดไว้

5. ควรพกของกินติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะบางที่ทีไป ไม่ค่อยมีร้านอาหาร หรือร้านไม่เปิด หรือเปิดแต่ตัวเลือกน้อยมาก

6. ไม่ต้องพกน้ำไปเยอะ เอาไปขวดสองขวดพอ เพราะตู้กดน้ำหาง่ายยิ่งกว่าอ๊อกซิเจนในอากาศ

7. ตลาดและถนนคนเดิน ไม่ใช่ที่ที่ควรจะพาแม่ไป





ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง


👉 Day 1 มุ่งสู่ Matsumoto
👉 Day 2 ตะลุย Japan Alps
👉 Day 3 Kamikochi
👉 Day 4 Say Hi! Tokyo
👉 Day 5 ไปสบตา Fujisan
👉 Day 6 บ๊ายบายเจแปน


👉 โรงแรม Premier Hotel CABIN Matsumoto
👉 โรงแรม Sotetsu Fresa Inn Tokyo-Kinshicho

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>