ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Family Trip @Japan -- Day 4 Say Hi! Tokyo



Day 4 Say Hi! Tokyo




วันนี้แพลนหลักๆ ของเราก็มีแค่กลับโตเกียว ถ้าเวลาเหลือค่อยเที่ยวต่อ



แพลนแบบคร่าวๆ


17 May 2019

08.40 เช็คเอาต์
09.20 นั่งบัสกลับ Shinjuku, Tokyo
07.15 นั่งบัสจาก Shin-Shimashima ไป Kamikochi
12.00 ถึงสถานี Shinjuku
นั่งรถไฟสาย Chuo ไปสถานี Kinshicho
13.00 ถึงสถานี Kinshcho เดินไปโรงแรม Sotetsu Fresa Inn Tokyo-Kinshicho
13.30 กินข้าวกลางวัน ร้านแก้วใจ
14.30 นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานี Asakusa
15.00 ถึง Asakusa
เดินไปยัง Asakusa Culture Tourist Information Center 300 เมตร
ขึ้นไปชมวิวชั้น 8
เดินเล่นวัด Sensoji (หรือวัด Asakusa)
17.30 นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานี Roppongi
18.00 ขึ้นตึกชมวิวที่ Roppongi Hill
19.00 กลับ Kinshicho
19.30 เช็คอิน
20.30 กินข้าวเย็น






แพลนแบบละเอียด


🚩 Go to Shinjuku (Tokyo)
วันนี้ตื่นเช้าพอสมควร
หาซื้อข้าวเช้าที่ร้าน Matsuya ใกล้ๆ โรงแรม



พอกินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปเช็คเอาต์ที่ล็อบบี้ชั้น 10 ประมาณ 8.40





จากนั้นก็เดินไปที่ Matsumoto Bus Terminal
เพื่อนั่งรอรถบัสรอบ 9.20



ภายใน Bus Terminal จะมีที่นั่งไม่มากเท่าไหร่






ห้องน้ำจะอยู่ชั้นล่าง ต้องเดินลงบันไดไป มีลิฟต์นะ แต่ยังไม่เปิดให้ใช้งาน



จากจุดนั่งรอ สามารถเดินทะลุไปยังจุดจอดรถได้



จุดจอดรถแบ่งเป็น 2 ฝั่ง



รถเราจะจอดที่ชานชาลาที่ 6 (ดูได้จากป้ายในสถานี จะบอกว่ารถที่จะไป Shinjuku จอดที่ชานชาลาไหน)
ต้องข้ามไปอีกฝั่ง
ทางข้ามจะอยู่ใกล้ๆ ปากทางที่รถจะเข้ามา



เวลา 9.15 รถก็มาถึง
ยื่นตั๋วลำดับที่ 4/4 ให้คนขับ แล้วก็ไปนั่งตามหมายเลขที่นั่งที่ระบุบนตั๋ว





สภาพรถคล้ายๆ กับตอนขามา มีห้องน้ำอยู่ด้านหลังสุด





รถใช้เวลาประมาณ 1 ชม. กว่าๆ ก็มาจอดที่จุดพักรถ ที่เดิมกับขามา
ให้เข้าห้องน้ำ ซื้อของได้ 10 นาที






จากนั้นก็วิ่งต่อไปอีกประมาณ 2 ชม.


🚩 Go to Kinshicho
มาถึง Shinjuku Expressway Bus Terminal
รถจอดทีชั้น 3
จากนั้นก็ลงลิฟต์ไปยังชั้น 2
แล้วข้ามถนนไปสถานี JR Shinjuku



ต่อรถไฟ JR Chuo ตรงไปยังสถานี Kinshicho
ภายในสถานี คนค่อนข้างเยอะ และวุ่นวาย
แต่มีป้ายบอกทางชัดเจน
ตั้งสติดีๆ แล้วเดินไปตามป้ายก็ไม่ยากเท่าไหร่
มีลิฟต์ให้ด้วย





รถไฟใช้เวลาประมาณ 30 นาที
นั่งชมวิวไปเพลินๆ โชคดีได้นั่ง

พอถึงสถานี Kinshicho ก็เดินออกประตู South Exit



จากนั้นก็เลี้ยวขวา เข้าไปในซอยย่านร้านค้า เดินตามทางไปเรื่อยๆ ประมาณ 250 เมตร
จนถึงสี่แยก ทางขวามือจะเห็น Tokyo Skytree อยู่ไม่ไกล
ส่วนโรงแรมจะอยู่ทางซ้ายของสี่แยก






ครั้งนี้พักที่ โรงแรม Sotetsu Fresa Inn Tokyo-Kinshicho
เปิดให้เช็คอิน 15.00 ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
เลยทำได้แค่ฝากกระเป๋าไว้
จากนั้นก็ไปหาข้าวกิน




🚩 ร้านแก้วใจ
มีร้านอาหารไทย ชื่อ ร้านแก้วใจ อยู่ตรงข้ามโรงแรม
พนักงานเป็นคนไทย พูดไทยได้ เมนูเป็นภาษาไทยด้วย
สั่งกับข้าวมา 2 อย่าง ข้าวเปล่า 3 อย่าง
น้ำบริการฟรี
ค่าอาหารประมาณ 3,700 เยน








พ่อสั่งกาแฟมา เค้าเลยแถมกาแฟมาให้ฟรี 3 แก้ว
แต่พ่อกินได้คนเดียว 555



ตอนเข้าห้องน้ำที่ร้าน แม่เจอชักโครกแบบเปิดอัตโนมัติ ถึงกับงงไปเลย

🚩 Asakusa
จากนั้นก็เดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน Kinshicho ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟนั่นแหละ
นั่งรถไฟใต้ดินด้วยบัตรแบ่ง 72 ชม. ไป Asakusa
สถานีไม่ใหญ่มาก มีบันไดเลื่อนและลิฟต์ให้ ค่อนข้างสะดวกเลย






นั่งรถไฟใต้ดินประมาณ 15 นาที
ตอนเปลี่ยนขบวนไม่เท่าไหร่
แต่ตอนออกจากสถานี Asakusa ค่อนข้างลำบาก
เนื่องจากทางออกส่วนใหญ่ ไม่มีลิฟต์หรือบันไดเลื่อนเลย

ออกประตู A2b มั้ง มีลิฟต์ให้
แต่ก็แลกกับการที่ต้องเดินไกลเพื่อไปถึงวัด





ออกมาปุ๊บ ก็มองหาประตูวัด ซึ่งจะเห็นอยู่ไกลๆ
ก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ เลย ระยะทางน่าจะประมาณ 300 เมตร
จากนั้นก็แวะที่ Asakusa Culture Tourist Information Center 300 เมตร
ขึ้นไปชมวิวชั้น 8
ลิฟต์น้อย คนรอเยอะ ข้างบนคนก็เยอะ แทบไม่มีที่นั่งเลย




ชมวิวสักพักก็กลับลงมาด้านล่าง
แล้วเดินเข้าไปในวัด Asakusa
ด้านในกำลังจัดงานเทศกาล ร้านค้าจะเยอะกว่าปกติ








อยู่ที่นี่จนถึง 5 โมงกว่าๆ
ก็เดินกลับไปสถานีรถไฟใต้ดิน

จังหวะนี้จะงงมาก เพราะสถานี Asakusa ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็น Ginza Line ซึ่งไม่ใช่สายที่เราต้องการ
ต้องเดินกลับไปยังทางออกเดิม เพื่อนั่งสาย Asakusa Line ไป คือต้องเดินย้อนกลับไปอีก 300 เมตร





🚩 Roppongi Hill
จุดหมายต่อไปคือ Roppongi Hill
ซึ่งเราจองตั๋วขึ้นตึกมาจากไทยแล้ว แพงด้วย เลยจำเป็นต้องไป
จริงๆ พลาดมากนะ ควรซื้อตั๋ว Bus นำเที่ยวมากกว่า จะได้ไม่ต้องเดิน

นั่งรถไฟใต้ดินจาก Asakusa -> Ningyocho -> Roppongi



ออกประตู C1
แล้วเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป



จะเจอรูปปั้นแมงมุม



ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ
จนเจอโดมกระจก ที่มีป้ายบอกว่า Tokyo City View




ก็ให้กดลิฟต์ไปชั้นบนสุด น่าจะชั้น 3 นะ
แล้วก็เดินไปตามทาง




จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วขึ้นตึกชมวิว
แต่เราไม่ต้องเข้าแถวตรงนี้
มันจะมีบูธเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ กัน เป็นบูธที่ไมมีหมายเลขแถว
ยื่นใบจองที่จองผ่านเว็บ Klook ให้พนักงาน
เค้าจะออกตั่วให้เลย
ไม่มีคิว
ได้ตั๋วเร็วมาก



จากนั้นก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงลิฟต์
พนักงานจะให้ยืนรอเข้าแถวหน้าลิฟต์ก่อน
พอลิฟต์มาถึงก็จะกดไปชั้น 52 ให้

มาถึงชั้น 52 ก็เดินตามทางไป City View
ยื่นตั๋วให้พนักงาน



วิวมุมสูง สามารถมองได้รอบ 360 องศา ผ่านกระจก
อาจจะถ่ายรูปยากนิดนึงเพราะติดเงาบนกระจก





มีหลายมุมให้ถ่ายรูป คนค่อนข้างเยอะ
แต่ไม่แออัด
ถ้าเดินไปฝั่งซ้าย จะมีเก้าอี้ให้นั่งชมวิว
ซึ่งจะอยู่ตรงด้านที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกดินพอดี







อยู่ที่นี่จนเกือบทุ่มนึงก็กลับโรงแรม
ไม่ขึ้นไปชั้นดาดฟ้าแล้ว เพราะแม่อยากกลับเต็มที




ทางใต้ดินที่นี่ซับซ้อนมาก
ขากลับต้องกลับเส้น Oedo Line
แนะนำให้เดินด้านบน แล้วหาประตูทางเข้าที่เป็นทางลงไปเส้น Oedo
ไม่อย่างงั้น ไปเดินด้านล่าง มันก็จะชี้ไปชี้มา ให้ขึ้นมาด้านบนอยู่ดี
เสียเวลาเปล่าๆ
แถมเป็นบันไดซะเยอะเลยด้วย




ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาถึงโรงแรม

🚩 Sotetsu Fresa Inn Tokyo-Kinshicho
เราจะพักที่โรงแรมนี้ 2 คืน
เลือกห้องพักแบบ Triple Non-Smoking มา
ได้พักชั้น 14 ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมเลย




เมื่อสำรวจโรงแรมเสร็จก็ลงไปด้านล่าง
ไปซื้อข้าวที่ร้านแก้วใจขึ้นมากิน

ตอนดึกๆ แบบนี้ คนยังเยอะมาก
เราต้องสั่งไว้แล้วค่อยกลับมารับทีหลัง ไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้าด้วย
ระหว่างรอ ก็ไปแวะมินิมาร์ท แล้วก็ถ่ายรูปแถวๆ นี้







ไม่มีกล่องให้ ใส่มาเป็นถุง
พอดีเรามีกล่องข้าวจากร้านเมื่อเช้ามาด้วย ก็เลยเอามาใช้ซะ



ปล. วันนี้เหนื่อยสุดๆ
เพราะว่าวุ่นวายอยู่ที่ใต้ดินนานมาก ขึ้นๆ ลงๆ บันไดก็เยอะด้วย





สรุปวันนี้


1. อากาศดี ไม่ค่อยมีแดด

2. ควรหลีกเลี่ยงการให้คนแก่นั่งรถไฟใต้ดิน โดยเฉพาะกรณีต้องเปลี่ยนสาย เพราะมันซับซ้อนมาก และหลายสถานีไม่มีไม่บันไดเลื่อนหรือลิฟต์ให้ หรืออาจจะต้องเดินไปไกลกว่าจะเจอ รถไฟธรรมดาดูจะสะดวกกว่า
- รถไฟใต้ดิน เข้าใจง่าย 1 สถานีมีไม่กี่สาย ชานชาลาก็น้อย แต่ว่าตอนเปลี่ยนสายจะยุ่งยาก เดินขึ้นเดินลงวุ่นวาย ทางออกเยอะ ต้องเลือกทางออกดีๆ แถมวิ่งในอุโมงค์ไม่เห็นวิวอะไรด้วย
- รถไฟธรรมดา บางสถานี สายรถไฟยั้วเยี้ย ดูงงๆ แต่ป้ายบอกทางชัดเจน เวลาเปลี่ยนสายจะสะดวกกว่า เพราะส่วนใหญ่มีบันไดและลิฟต์ให้ รถส่วนใหญ่วิ่งผ่านตัวเมือง ทำให้ได้เห็นวิวด้วย

3. ควรเที่ยวโตเกียวช่วงเสาร์อาทิตย์ เพราะจะไม่โดนอิมแพ็คจากคนที่ไปทำงาน

4. สถานีส่วนใหญ่ (เท่าที่เจอก็ทุกสถานี) มีห้องน้ำให้ ควรเข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น อย่าไปคิดเข้าปลายทาง เพราะบางที ต้องเดินไกล กว่าจะหาเจอ

5. ถ้ามีรถบัสชมเมือง ควรใช้บริการซะ
การเที่ยวแบบเป็นจุดๆ อาจจะไม่เหมาะกับคนแก่ (โดยเฉพาะแม่) บางครั้งการนั่งรถชมเมืองไปเรื่อยๆ ก็เป็นความสุขอย่างนึง แถมสบายด้วย

6. ไม่ควรซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ไว้ล่วงหน้า เพราะจะเป็นการฝืนตัวเองให้ต้องไป

7. Priority Seat อาจจะไม่มีประโยชน์เสมอไป เพราะบางที แม่งก็มีคนหนุ่มสาวมานั่งเต็มเลย โชคดีที่แม่ได้ที่นั่งตลอด





ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง


👉 Day 1 มุ่งสู่ Matsumoto
👉 Day 2 ตะลุย Japan Alps
👉 Day 3 Kamikochi
👉 Day 4 Say Hi! Tokyo
👉 Day 5 ไปสบตา Fujisan
👉 Day 6 บ๊ายบายเจแปน


👉 โรงแรม Premier Hotel CABIN Matsumoto
👉 โรงแรม Sotetsu Fresa Inn Tokyo-Kinshicho

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>