ʕ•ᴥ•ʔ ♡ Family Trip @Japan -- Day 6 บ๊ายบายเจแปน

Day 6 บ๊ายบายเจแปน





แพลนแบบคร่าวๆ


19 May 2019

05.30 ออกจากโรงแรม
06.30 ถึงวัด Asakusa
ดูงานเทศกาล Asakusa Sanja Matsuri
08.00 ไปศาลเจ้า Hie
09.00 กลับโรงแรม
10.00 เช็คเอาต์ ลากกระเป๋าไปสถานี Tokyo
11.00 ไปสถานี Oi-Keibajo-Mae
11.30 เที่ยวตลาด Tokyo City Flea Market
14.30 ไปสถานี Akihabara
กินข้าวร้าน Isomaru Suisan
15.30 กลับสถานี Tokyo
ต่อคิวรอรถบัสไปนาริตะ
16.20 นั่งรถบัสกลับ Narita
17.30 ถึงสนามบิน Narita เช็คอิน ผ่านตม. ช็อปปิ้ง
20.00 เรียกขึ้นเครื่อง
20.40 บินกลับไทย





แพลนแบบละเอียด


🚩 Tokyo Skytree
วันนี้มีแพลนพาพ่อแม่ไปเดินตลาดของมือสองเท่านั้น
ซึ่งตลาดมันเปิด 9 โมง
เลยให้ทั้งคู่นอนพักผ่อนไปก่อน
ส่วนเราก็ตื่นแต่เช้า เพราะอยากจะไปดูเทศกาลที่วัดอาซากุสะ

วันนี้พ่อจะได้ประสบการณ์ซื้อของในมินิมาร์ทต่างประเทศด้วยตนเองด้วย 555

จากข้อมูลบอกว่า งานเทศกาลเริ่มตอนประมาณ 6 โมงเช้า
เลยออกจากโรงแรมตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง
ตั้งใจว่าจะเดินไปถ่ายรูป Tokyo Skytree ก่อน ตรงจุดที่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่




ถ่ายๆ ไปก็ เอ๊ะ! ดูไม่ไกลนี่นา
แทนที่จะเดินกลับไปสถานี Kinshicho แล้วนั่งรถไฟไปลง Oshiage
เดินไปก็น่าจะได้มั้ง

ก็เลยเดินจากโรงแรม ตรงไปเรื่อยๆ
ยิ่งเดิน ยิ่งรู้สึกว่าใกล้แล้วๆ








...
...



...
...
...
เดินไปเดินมา แม่งทำไมไม่ถึงซะทีฟระ -*-
หลอกกันชัดๆ
แต่กลับตัวก็ไม่ด้ายยยยยยยยยยยแล้ว ToT
สรุปเดินไป 2 กิโล ใช้เวลาประมาณครึ่งชม. เพราะเดินไป ถ่ายรูปไป





🚩 Asakusa Sanja Matsuri
จาก Tokyo Skytree ก็ยังคงเดินต่อไปวัดอาซากุสะ (ทำไมไม่เข็ดฟระะะะะ)
ระยะทางประมาณ 1.5 กิโล










กว่าจะถึงวัดก็ปาไป 6 โมงครึ่งแล้ว
หน้าวัดดูไม่เห็นมีขบวนแห่อะไรเลยอ่ะ
หรือว่างานเลิกแล้ว
ไม่นะ ทำไมไวจัง แงๆ >.<




เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในวัด ไปถ่ายรูปตอนวัดโล่งๆ ก็ได้
พอเข้าไปได้ครึ่งทาง
ก็มีการกั้นประตู มีคนยืนออกันอยู่จำนวนนึง




อ๋อ เค้ายังไม่เริ่มแห่นี่เอง
เลยยืนรอเกาะแผงกั้นไปกับชาวบ้าน ซึ่งก็มีอยู่ไม่ถึง 20 คน

รอนานมากกกกก
ประมาณ 7 โมงกว่าๆ ถึงจะเริ่มแห่
ถึงตอนนี้คนมาจากไหนไม่รู้เยอะแยะเลย




ขบวนแห่จะมีทั้งหมด 3 ซุ้ม
โดยจะแห่ทีละซุ้ม
แต่ละซุ้มก็จะถูกแห่ไปคนละทิศทาง



ดูขบวนแห่ไป 2 ซุ้ม
ตอนนี้เวลาประมาณ 8 โมงแล้ว
เลยตัดสินใจเดินทางต่อไปศาลเจ้าฮิเอะ





🚩 Hie Shrine
นั่งรถไฟใต้ดินจาก Asakusa ไป Akasaka-Mitsuke ประมาณครึ่งชม.
ออกตรงทางออก 11 แต่ดันออกผิดฝั่ง เสียเวลาข้ามถนนอีก






ทางเข้าเสาแดง อยู่ไม่ไกลจากสถานีเท่าไหร่ ประมาณ 200 เมตรเอง
เชอะ! 3 กิโลก็เดินมาแล้ว




ตรงทางเข้าตอนแรกจะเป็นบันไดธรรมดา ไม่มีเสาโทริอิ
พอขึ้นไปชั้นนึง จะเจอเสาโทริอิสีแดงเรียงรายอยู่มากมาย
ถึงจะไม่เท่ากับที่เกียวโต แต่คนน้อย แล้วก็ถ่ายรูปได้สวยอยู่






🚩 Checkout
เวลา 9 โมง ก็กลับไปที่โรงแรม
กว่าจะถึงโรงแรมก็ปาไป 9 โมงครึ่งแล้ว






จัดกระเป๋าในส่วนที่เหลือ
แล้วออกไปเช็คเอาต์เวลา 10 โมงตรงเป๊ะเลย
ตอนเช็คเอาต์ก็แค่เอาคีย์การ์ดไปคืนแค่นั้น พนักงานไม่ตรวจอะไรในห้องเลย

ตอนแรกจะฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม
แต่คิดอีกที เดี๋ยวเราก็ผ่านสถานี Tokyo ซึ่งเป็นสถานีที่เราจะนั่งบัสกลับสนามบินอยู่แล้วนี่นา
ถ้าเอากระเป๋าไว้ที่โรงแรม ก็เสียเวลากลับมาเอาอีก โรงแรมไม่ได้อยู่ติดสถานีขนาดนั้น
เลยตัดสินใจลากกระเป๋าไปด้วย

จากสถานีรถไฟ Kinshicho นั่งสาย JR Sobu ไปยังสถานี Tokyo ได้เลย
ต่อเดียวถึงใช้เวลาแค่ 10 นาทีเอง



จากนั้นก็เดินตามป้าย Yaesu Underground Central Exit
โดยจะต้องเดินผ่านร้านค้าต่างๆ ภายในสถานี
ผู้คนพลุกพล่านมาก เดินจนงง และเกือบหลง
จนในที่สุด ก็มาถึงประตูทางออก Yaesu Central Exit



พอออกจากสถานีได้ ก็มองหาล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า
มีล็อคเกอร์เยอะมาก แทบจะทุก 10 เมตร
แต่... ไม่มีที่ว่างเลยจ้าาาาา แงงงงงงงงงงง

เอาไงล่ะ ลำบากชีวิตแล้วสิ
เดินไปเรื่อยๆ จนเจอป้ายบัสหมายเลข 7 ซึ่งจะเป็นจุดจอดรถบัสที่จะไปสนามบินนาริตะ
จำได้ว่าจะมีจุดบริการ JR Expressway Bus อยู่แถวนี้
อาจจะมีที่ฝากกระเป๋า



แล้วก็โชคดี มีที่ว่างด้วย
แต่ราคาโหดร้ายมาก
ช่องใหญ่สุด 700-800 เยนแน่ะ
คิดถึงล็อคเกอร์ที่ Shinjuku Expressway Bus Terminal เลย อันนั้น 300 เยนเอง

ในนี้จะมีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ล็อคเกอร์ ห้องน้ำ ที่นั่งพักสำหรับผู้โดยสาร ประชาสัมพันธ์
ตอนเข้ามาก็ไม่ต้องแสดงหลักฐานอะไร เดินเข้ามาได้เลย

ฝากกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็เดินตัวปลิวออกมาได้

🚩 Tokyo City Flea Market
จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในสถานี JR อีกครั้ง
นั่ง JR Yamanote Line ไปสถานี Hamamatsuchō ประมาณ 10 นาที





จากนั้นเปลี่ยนไปเป็นขบวน Monorail
ซึ่งเป็นรถไฟรางเดี่ยว สายที่ไปสนามบินฮาเนดะได้
ตอนเปลี่ยนสายค่อนข้างสบายเพราะมีทั้งบันไดเลื่อนและลิฟต์




ตอนรอรถ Monorail ต้องยืนให้ถูกแถวด้วย
ตรงหน้าจอมอนิเตอร์จะบอกว่า ตอนนี้แถวนี้ (แถวที่ 1 แถวที่ 2 อะไรแบบนี้) สำหรับขบวนไหน
เนื่องจากเค้าแบ่ง Monorail ย่อยออกเป็น 3 แบบ
คือ แบบที่ผ่านทุกสถานี แบบที่ผ่านสามสถานีแรกแล้วตรงไปฮาเนดะ และแบบที่พุ่งตรงไปฮาเนดะอย่างเดียว




ตอนเข้าแถวแรกๆ ก็งงว่า มีที่ว่างทำไมคนไม่เข้าไปนั่ง
สรุปคือ ขบวนที่จอดอยู่มันวิ่งตรงไปฮาเนดะเลย ซึ่งเราก็เกือบพุ่งเข้าไปแล้ว ดีว่าเห็นบนจอมอนิเตอร์ก่อน



รถไฟแต่ละขบวนทิ้งระยะห่างไม่มาก ไม่ต่างจากรถไฟใต้ดินเลย
ยืนรอสักพัก ขบวนที่จะจอดสถานี Oi-Keibajo-Mae ก็มาถึง



ตอนนั่งพยายามให้ได้ฝั่งซ้าย เพราะจะมองเห็นวิวโซนโอไดบะด้วย




รถไฟใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึง Oi-Keibajo-Mae
ลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่าง
มีทางออกเดียว



ออกมาก็เลี้ยวซ้าย แล้วเดินตรงไปประมาณ 350 เมตร
จะเจอทางเข้า Tokyo City Flea Market




Tokyo City Flea Market เป็นตลาดสินค้ามือสองขนาดใหญ่
จัดที่ลานจอดรถของสนามม้า
มักจะเปิดทุกวันเสาร์อาทิตย์
แต่ถ้าฝนตกก็จะไม่เปิด
ต้องไปเช็คตารางเอง

ข้างในมีร้านเยอะมาก
มีของมือสองหลายประเภท
ราคาไม่แพงสำหรับคนที่ซื้อไปใช้เอง




แม่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะเป็นแม่ค้าเลยรู้สึกว่ามันยังแพงอยู่
แต่พ่อซึ่งอยากได้นาฬิกาไปใช้เอง ดูตื่นเต้นเหลือเกิน
เดินดูนาฬิกาทุกร้านเลย







แม่เดินได้แค่หน่อยเดียว ก็ขอไปนั่งพัก
ส่วนเราก็เดินตามพ่อไปเรื่อยๆ เพราะต้องทำตัวเป็นล่ามกับATM

เดินไปจนครบทุกซอกซอย
สุดท้ายมาได้ของจากร้านแรกๆ ที่แวะ

นาฬิกาแบรนด์เนม 2 เรือน
ราคา 5,000 เยน ต่อเหลือ 4,200 เยน
กับราคา 4,000 เยน ต่อเหลือ 3,500 เยน แถมนาฬิกาตั้งโต๊ะแบบคริสตัลให้อีก 1 เรือน
และเนื่องจากอินาฬิกาตั้งโต๊ะมันหนักมาก
เลยต้องไปซื้อกระเป๋าสะพายแบ็คแพ็คมาอีก 1 ใบ ราคา 1,000 เยน ต่อเหลือ 900 เยน
สบายกระเป๋าตังค์ เบาหวิววววววว



ส่วนแม่เดินไปตรงที่เป็นร้านขายเสื้อผ้า
มีเสื้อราคาประมาณ 50-300 เยนอยู่เยอะแยะเลย
แต่แม่ไปได้เสื้อราคา 500 เยนมาแทน ต่อไปต่อมาเหลือ 300 เยน



แล้วลูกไม่เจอของอะไรเหรอเนี่ย???
จริงๆ เจอหลายอย่างนะ เช่น
เสื้อขนเป็ดยูนิโคล่นี่เหลือ 500 เยนเอง
รองเท้า Sketcher เหลือ 5,000 เยน
เสื้อฮีทเทคยูนิโคล่เหลือ 300-500 เยน
แต่ดันไม่ซื้อสักอย่าง เสียดายอยู่ น่าจะสอยมา

กว่าจะช็อปปิ้งเสร็จก็ 14.30 แล้ว
ยังไม่ได้กินข้าว แต่กินพวกฮอตดอก ขนมปัง อะไรพวกนี้ไปบ้างแล้ว
บริเวณนี้ รอบนอกจะมีโซนขายอาหารด้วยนะ พวกยากิโซบะ ฮอตดอก น้ำแข็งไส อะไรทำนองนี้
แต่ฮอตดอกเค้าชอบใส่ซอสเหลืองๆ น่าจะมัสตาร์ด รสชาติเปรี้ยวๆ พ่อไม่ชอบเลยกินได้นิดเดียว



อ้อ ตลาดนี้เค้าเปิด 09.00-15.00 นะ
เราออกมาตอนตลาดเริ่มวายแล้ว

🚩 Isomaru Suisan @Akihabara
จากตลาด เดินกลับไป Oi-Keibajo-Mae แล้วนั่งรถไฟ Monorail ไป Hamamatsuchō
ปล. สถานี Oi-Keibaijo-Mae มีบันไดเลื่อนทั้งสองฝั่ง






จากนั้นก็ต่อ JR ไป Akihabara
ออกทางออก Electric South อะไรเนี่ยแหละ





ไปกินข้าวร้าน Isomaru Suisan

ถามว่า: ทำไมต้องไปกินที่ Akihabara ทั้งๆ ที่ร้านนี้มีหลายสาขามากกกก?
ตอบ: สถานีนี้ไมไกลจากสถานี Tokyo และที่สำคัญ ร้านมันห่างจากสถานีไม่ถึง 100 เมตร แม่เดินได้แน่นอน!

พอเข้าไป พนักงานก็จะให้สั่งอาหารจากแท็บเล็ต มีเมนูอังกฤษ
สั่งเหมือน MK นั่นแหละ








ของที่สั่งก็เป็น ข้าวผัดปู มันปูมิโซะ ข้าวหน้าปลาดิบ ปลาแมคคอเรลย่าง ข้าวเปล่ากับมิโซะ กุ้งเสียบไม้ย่าง

สั่งเสร็จ พนักงานก็จะมาเปิดเตาให้ แล้วค่อยๆ ยกของมาให้ทีละอย่าง
รสชาติธรรมดานะ ไม่รู้สึกว่าว๊าว แต่ปลาน่าจะอร่อย พ่อกับแม่กินใหญ่เลย
ส่วนปลาดิบ พ่อกินได้นิดหน่อย แล้วก็เอาไปย่างเลยจ้าาาา







กินเสร็จ ก็กดเมนูเช็คบิลในแท็บเล็ต
พนักงานจะเอาใบเสร็จมาให้
แล้วให้เราไปจ่ายหน้าร้าน
มื้อนี้เสียเงินเยอะสุดเลย 4,000 เยนหน่อยๆ



🚩 Bus to Narita Airport
ออกจากร้านก็รีบกลับสถานี Tokyo



โชคดีที่ทางออก JR Yamanote อยู่ใกล้กับ Yaesu Central Exit
ออกมาเกือบๆ 16.00

เดินไปเอากระเป๋า เข้าห้องน้ำ แล้วมาต่อคิว

คิวยาวมากกกกกกกก ใครบอกว่าป้ายนี้คิวน้อย นับได้ประมาณ 60 คนแล้ว
ป้าย 7 จะแบ่งเป็น 2 แถว คือแถว Reserved กับ Non-Reserved







เราใช้ตั๋วบัสฟรี ที่ได้จากการสมัครสมาชิก JMB 3 ใบ
ซึ่งปกติค่ารถจะอยู่ที่ 1,000 เยน แต่ตั๋วนี้ทำให้เราได้นั่งฟรี



วิธีใช้งานก็ยื่นตั๋วให้พนักงานดูได้เลยจ้า
จำกัดกระเป๋าวางใต้ท้องเครื่องคนละใบเท่านั้นนะ

สามารถขึ้นได้จาก 2 ป้าย คือ ป้าย 7 หน้า Yaesu Central Exit
กับป้าย Keisei bus stop3 ซึ่งเดินไกลกว่า
เราเลือกป้าย 7 เพราะมันใกล้นั่นแหละ



ถึงแม้คนจะเยอะ แต่ว่ารอบรถก็ถี่มาก
10 นาทีมาคันนึง

แต่เนื่องจากป้ายนี้ไม่ใช่ต้นสาย บางคันมาถึงก็เกือบเต็มแล้ว
พนักงานจะให้คนที่จองที่นั่งขึ้นรถไปก่อน
แล้วค่อยปล่อยให้พวกไม่ได้จองที่นั่งตามขึ้นไปทีหลัง

เราได้รถบัสรอบ 16.20
บอกพนักงานว่าลง Terminal 2
เค้าก็จะเอา Tag ติดกระเป๋าให้
ตอนขึ้นรถก็ยื่นตั๋วให้พนักงาน เค้าจะเก็บตั๋วไป
ส่วนเราก็เดินไปเลือกที่นั่งได้เลย





รถใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
ก็มาถึงสนามบินนาริตะ Terminal 3 - Terminal 2 - Terminal 1 ตามลำดับ




🚩 Narita Airport
มาถึง Terminal 2 ตอนประมาณ 17.30



มองหาเคาน์เตอร์ N ของ Airasia
ค่อยๆ นับไป ... L M O P ... เห้ย!!!!! แล้ว N ไปไหนฟระ

มองดีๆ อ่าว N มันไปอยู่ทางขวามือ ระหว่าง M กับ O
ทำไมต้องทำอะไรต่างจากชาวบ้าน -*-





ซึ่งเคาน์เตอร์ N มันจะไม่ได้อยู่ให้เห็นตรงทางเดินหรอกนะ
ต้องเข้าห้องไปอีกที เคาน์เตอร์จะอยู่ด้านใน
ทำอะไรประหลาดๆ
เจอผู้โดยสารยืนงงกันหน้าประตูหลายคนเลย
ดีว่า คนที่เค้าเช็คอินเสร็จแล้วเค้าออกมาบอก




แถวเช็คอินไม่ยาวเท่าไหร่
แต่ตรวจกระเป๋าค่อนข้างละเอียด
แชร์น้ำหนักกันไม่ได้
ชั่งกระเป๋าทุกใบ ทั้งใบที่โหลด และใบที่นำขึ้นเครื่อง

คิวก่อนหน้า มีผู้สูงอายุที่ต้องการใช้วีลแชร์
คนที่ขอวีลแชร์ เค้าจะถามคำถามละเอียดมาก ประมาณว่าทำไมต้องใช้ ป่วยเป็นอะไร เข้ารพ. อะไร เมื่อไร บลาาาาๆๆๆๆ จนต้องหาคนมาช่วยแปล
โห ความคิดที่ว่ารอบหน้าจะเอารถเข็นมาด้วย แม่จะได้ไม่ต้องเดิน นี่หายวับไปเลย 5555

พอเช็คอินเสร็จ สบายค่ะ
ซื้อน้ำหนักมา 45 โล ใช้ไป 20 กะ 13 โล เหลือโครตๆ เสียดายตังค์เลย
มาเข้าส่วนของตม.
ผ่านตม. มาได้ ก็เดินยาวววววววววว ยาวโครต ยาวจนเหนื่อย ถ้าเจอรถบริการฟรี ให้ขึ้นไปนั่งเลยนะ



ก่อนจะลงบันไดเลื่อนไปทางเข้าเกตต่างๆ จะมีร้านของฝาก คนเยอะมาก คิวยาวมาก
แนะนำว่า ลงไปซื้อร้านอื่นด้านล่างก็ได้
มีหลายร้านเลย ร้านอาจจะไม่ใหญ่เท่า แต่ว่าไม่มีคิว ของคล้ายกัน แถมของบางอย่างไม่หมดด้วย
เช่น เฟรนฟรายด์ ซึ่งเราซื้อของฝากจากร้านนี้แหละ แล้วเฟรนฟรายด์หมด
ลงไปข้างล่าง ร้านข้างล่างมีขายเต็มเลย

เกตเราอยู่ที่ประมาณ 97 เรียกว่าเกือบสุดทางเลย
เดินไกลชิหาย หน้าเกตมีร้าน Blue Sky เล็กๆ อยู่ และมีห้องน้ำใกล้ๆ
นั่งรอประมาณ 1 ชม.กว่า ก็เรียกขึ้นเครื่อง



กัปตันคนเดิม พ่อจำหน้าได้
เครื่องบินลำเดิมไหม? แม่บอกคนละลำ
ทำไมล่ะ? แม่บอกว่า ตอนขามามันขับนิ่มกว่า ..... = ='''

ขากลับเจอสภาพอากาศแปรปรวนไปหลายรอบ
ช่วงเกือบเที่ยงคืน พนักงานมาเสริฟอาหาร
เป็นข้าวเหนียวไก่ย่าง ... มาเสริฟข้าวเหนียวกันตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ = =



ประมาณ ตี 1 ก็มาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
ตี 2 ถึงหอพัก
โชคดีวันนี้วันหยุด เลยได้นอนยาวๆ



สรุปวันนี้


1. Tokyo Skytree ที่เห็นว่าอยู่ไม่ไกล มันหลอกลวง!

2. ตื่นเช้าคือดี

3. สถานี Tokyo หาล็อคเกอร์ว่างๆ ยากชิบหาย

4. ควรมาสัมผัสงานเทศกาลบ้านเค้าบ้าง สนุกดี

5. ตลาดนัดมือสองคือดี อีกแล้วววววว ควรไปแต่เช้าจะฟินกว่านี้

6. ควรเผื่อเวลากลับสนามบินไว้เยอะๆ อย่างน้อย ก่อนบิน 3 ชม. ควรถึงสนามบินแล้ว โดยเฉพาะคนที่นั่งรถไฟกลับ เพราะบางทีมันก็หยุดวิ่ง

7. แอร์เอเชียที่นี่โหด

8. ร้านของฝากที่เป็นร้านขนมในสนามบินมีเยอะแยะ ไม่ต้องไปออกันอยู่ร้านเดียวก็ได้

9. เกตเดินไกลชิบหาย ควรหารถฟรีแล้วเกาะเค้าไป (ถ้ามี)

10. สุดท้าย ทริปนี้จ่ายไปทั้งสิ้น ฿103,950 (คิดเรทประมาณ 0.29)







ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง


👉 Day 1 มุ่งสู่ Matsumoto
👉 Day 2 ตะลุย Japan Alps
👉 Day 3 Kamikochi
👉 Day 4 Say Hi! Tokyo
👉 Day 5 ไปสบตา Fujisan
👉 Day 6 บ๊ายบายเจแปน


👉 โรงแรม Premier Hotel CABIN Matsumoto
👉 โรงแรม Sotetsu Fresa Inn Tokyo-Kinshicho

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

☞ ประสบการณ์ทำเควส "ตรวจสุขภาพ ศูนย์แพทย์พัฒนา" ☜

ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่าจีน ด้วยตัวเอง <ก.ย 2561 & ส.ค 2562>