ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 4 : Day 3 Huanglong 黄龙风景名胜区
Day 3 Huanglong 黄龙风景名胜区
28/10/2567
วันนี้ตื่นเช้าหน่อย
เพราะต้องเดินทางด้วยรถไฟเพื่อไปเที่ยวหวงหลงแต่เช้า
การเดินทางไปหวงหลง และจิ่วจ้ายโกว
สามารถเดินทางได้โดยรถไฟความเร็วสูง
โดยไปลงที่สถานี Huanglongjuizhai Station 黄龙九寨站 (เพิ่งเปิดช่วงปลายสิงหาคม 2567)
การเดินทางไปหวงหลง
Chengdu East Railway Station (Chengdudong) 成都东站 - Huanglongjuizhai Station 黄龙九寨站
ใช้เวลา 1.5 - 2 ชม.
จากนั้นต่อรถบัส จากสถานีรถไฟ ไปที่อุทยานหวงหลง
ใช้เวลา 30 - 45 นาที
ด้วยวิธีนี้ ทำให้เราสามารถเดินทางจากเฉิงตูไปหวงหลงด้วยระยะเวลาเพียง 3 ชม.
สำหรับคนที่เดินทางไปที่จิ่วจ้ายโกว
ก็สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานีนี้ แล้วต่อรถบัสไปอีก 2 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีรถบัสที่วิ่งระหว่าง หวงหลงและจิ่วจ้ายโกวด้วย ใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง
*** เนื่องจากการเดินทางอาจเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น ควรเผื่อเวลาเดินทางเพิ่ม 1-2 ชั่วโมง ไม่งั้นอาจจะตกรถไฟได้
*** ช่วงที่เราไปเป็นช่วงพีค จะมีรถวิ่งรับส่งตลอด และรอบค่อนข้างถี่ ช่วงเวลาอื่นรอบรถอาจจะน้อยลง
*** รถบัสสามารถจองผ่าน trip.com ได้ แต่มีรอบจำกัด
โดยการก่อนวันเดินทาง เราได้ทำการจองตั๋วรถไฟมาเรียบร้อยแล้ว
ถ้ามาช่วงพีค แนะนำให้จองด่วนๆ
เพราะตั๋วหมดไวมาก ภายในไม่ถึง 1 นาที (อาจจะเหลือตั๋วยืนบ้าง) ที่เปิดให้จอง
*** เวลาจีนจะเร็วกว่าไทย 1 ชม. ถ้าในระบบ trip.com เขียนว่าเปิดจอง 08.00 นั่นคือ เราต้องจองตอน 07.00 ของไทยนะ
แต่หลังจากนั้นเค้าก็มีเติมเพิ่มด้วยนะ
เดิมเราได้ตั๋วยืนของรอบเช้าสุดมา
แต่หลังจากนั้น 3-4 วัน ก็มีตั๋วเพิ่มมาในระบบ เลยยอมยกเลิกของเดิมไป เพราะอยากไม่อยากยืน
ไม่แน่ใจว่าตั๋วโดนกั๊กไว้ หรือว่าเค้าเพิ่มโบกี้ให้เพื่อรองรับคน 5555
รอบรถไฟที่ได้มาคือ 7.30 น. จะไปถึงสถานีปลายทาง 09.45 น.
สามารถใช้ Passport แทนตั๋วได้เลย ไม่ต้องไปแลกตั๋วอีก
นัดเพื่อนไว้ ตี 5 ครึ่งเพราะตั้งใจว่าจะไปให้ถึงสถานีประมาณ 6 โมง
เราเรียก Taxi ผ่าน Didi เหมือนเดิม
รอบนี้เรียกง่ายมาก อาจจะเป็นเพราะใช้ Wifi โรงแรม (กำลังคิดว่าเป็นที่ Sim2Fly รึเปล่า)
ได้รถตอนประมาณ 5.45 ไปถึงสถานีรถไฟ Chengdu East (Chengdudong) 6 โมงพอดี
เสียไป 28 หยวน
สถานีใหญ่มาก แต่ไม่ได้ซับซ้อน
ก่อนเข้าสถานี ต้องแสกน Passport ก่อน
ให้มองหาช่องที่มีเจ้าหน้าที่อยู่เท่านั้น
เพราะว่าเราไม่สามารถใช้ช่องปกติ ที่รับเฉพาะบัตรประชาชนจีนได้
พอเข้ามาได้ ก็แสกนกระเป๋า
และขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน
จะเป็นชั้นที่มีประตูทางเข้าไปยังชานชาลา (ชานชาลาจริง อยู่ชั้นล่างลงไปอีก)
แต่ตอนนี้ยังไม่เปิด
มีร้านอาหารเปิดอยู่หลายร้าน
ขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกชั้น จะมีร้านอาหารเปิดอยู่ แต่ไม่เยอะมาก
เลือกกินอาหารเช้าแบบง่ายๆ
ห้องน้ำค่อนข้างโอเค
จากนั้นก็กลับลงมาที่ชั้นที่ชั้นประตูทางเข้าเหมือนเดิม
ไปที่เกตของตัวเอง
และมองหาช่องที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ ซึ่งมักจะอยู่ซ้ายสุด หรือขวาสุดเสมอ
เพื่อสแกน Passport
หลังจากผ่านประตูมาได้
ก็ลงบันไดเลื่อน มาที่ชานชาลาด้านล่าง
มองหาหมายเลขตู้ที่ตรงกับใบจอง (จะมีรายละเอียดบอกไว้ในแอพที่เราจองมา)
แล้วก็นั่งตามเลขที่นั่งตัวเอง
รถไฟค่อนข้างสะอาด
มีคนได้ตั๋วยืนเค้าจะยืนตรงรอยต่อของตู้ ไม่ค่อยมายืนด้านใน
ด้านบนที่นั่ง มีที่ให้วางกระเป๋า พวกเป้ หรือกระเป๋า 20 นิ้วน่าจะวางได้
ที่นั่งกว้างดี
แต่ไม่เพียงพอกับการวางกระเป๋า 28 นิ้ว ถ้า 25 นิ้ว ยังพอไหว
พอดีว่าขาสั้น เลยเอามาวางด้านหน้าได้
มันมีที่วางกระเป๋าด้านหลังสุดของขบวน แต่พื้นที่ก็น้อยเลยเต็มไว
ถ้าเอากระเป๋าไว้ด้านหน้าไม่ได้จริงๆ อาจจะวางเบี่ยงไปข้างๆ ได้บ้าง
แต่ถ้าเกะกะทางเดิน เจ้าหน้าที่เค้าจะช่วยเอาไว้ข้างหลังให้
พอรถไฟออกเดินทาง
เจ้าหน้าที่จะเดินมาดูความเรียบร้อย
โดยเฉพาะชั้นวางด้านบน
เค้าจะเช็คขวดน้ำเป็นพิเศษ
กระเป๋าใบไหนมีขวดน้ำเสียบอยู่ด้านนอก เค้าจะเอาออกมาให้เจ้าของเก็บไว้
ระหว่าง ไม่ค่อยมีวิวให้ดู เพราะรถจะวิ่งอยู่ในอุโมงค์เป็นส่วนใหญ่
เราก็เลยหลับมาตลอดทาง
รถไฟใช้ความเร็วประมาณ 190 กิโลเมตรต่อชม.
ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. กว่าๆ ก็มาถึงสถานี Huanglongjiuzhai
ตอนออกมาจากรถไฟ
รู้สึกอากาศหนาวมาก ⛄ อากาศตอนนี้ คือ 1 องศา
หลายคนหยิบเสื้อมาใส่เพิ่มกันตรงชานชาลาเลย
จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อน ไปยังสถานีที่อยู่ด้านบน
ในสถานีมีห้องน้ำนะ แต่ข้างนอกก็มีเหมือนกัน
ถ้าคิวยาวมากๆ ไปเข้าข้างนอกก็ได้
หลังจากเดินเข้าไปในสถานี ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงประตูทางออก
มองหาช่องที่มีเจ้าหน้าที่อยู่
เพราะเราต้องยื่น Passport ให้เค้าสแกนเพื่อออกจากสถานีด้วย
เมื่อออกมาด้านนอก
จะต้องขึ้นไปยังด้านบน ซึ่งเป็นจุดจอดรถ และ Tourist Center
ไม่ต้องห่วงเรื่องแบกกระเป๋า เพราะเค้ามีมีบันไดเลื่อน และลิฟต์ด้วย
ถ้าหันหลังให้สถานีรถไฟ
อาคารทางซ้ายมือ จะเป็นอาคาร Tourist Center II หลังใหญ่ๆ ข้างในจะมีร้านอาหาร ห้องน้ำ ด้านหน้าอาคารจะเป็นจุดจอดรถ Taxi
ส่วนทางขวามือจะเป็น Tourist Center อีกแห่งซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่า
รอบๆ จะเป็นจุดจอดรถบัส รวมทั้งรถบัสที่จะพาเราไปยังจิ่วจ้ายโกว หรือหวงหลงด้วย
ระหว่างที่ขึ้นมาด้านบนจะมี Taxi เข้ามารุมล้อมเราตลอด เรียกว่าตื้อเลยดีกว่า ใจแข็งเข้าไว้นะ 😅
พอขึ้นมาด้านบนปุ๊บ ให้เดินไปทางขวามือ แถว Tourist Center
สอบถามเจ้าหน้าที่ แถวนั้นหรือฟังเสียงเรียกเอา เพราะจะมีคนขับรถ มาประกาศเรียกอยู่
ตอนเราไป
รถบัสแพนด้า คันสีน้ำเงิน ที่จะไปจิ่วจ้ายโกว จะจอดอยู่ด้านหลังอาคาร Tourist Center
รถบัสสีเขียว ที่จะไปหวงหลง จะจอดอยู่หน้าอาคาร Tourist Center
เรานั่งบัสสีเขียว ค่ารถคนละ 15 หยวน จ่ายด้วย WeChat Pay ก่อนขึ้นรถ
บัสมีขนาดเล็ก กระเป๋าต้องวางไว้ข้างๆ เก้าอี้ แล้วจับไว้เอง
ถนนทางขึ้นหวงหลงสภาพค่อนข้างดี
แต่ว่าเป็นทางขึ้นเขา ค่อนข้างคดเคี้ยว เจอหลายโค้งมาก
แอบเมารถ และปวดหัวนิดๆ เพราะว่าขึ้นเขาไปค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
แล้วต้องคอยจับกระเป๋าไม่ให้ไหลอยู่ตลอด
รถใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็มาถึงหวงหลง
อุทยานแห่งชาติหวงหลง
Huanglong National Park
黄龙风景名胜区
หรือ หุบเขามังกรเหลือง (Yellow Dragon)
อุทยานแห่งชาติ ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน
และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก อีกด้วย
มีลักษณะเป็นธารน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขา ไหลลดหลั่นกันลงมา เกิดเป็นแอ่งน้ำน้อยใหญ่เป็นชั้นๆ หลายพันชั้น
มีความสูงอยู่ที่ 2900 - 3500 เมตรจากระดับน้ำทะเล (เสี่ยงต่อการแพ้ที่สูง)
ค่าเข้า
ช่วงพีค 170 หยวน
ช่วงอื่น 60 หยวน
ค่ากระเช้า (ขาเดียว)
ช่วงพีค 250 หยวน
ช่วงอื่น 80 หยวน
ค่ารถกอล์ฟ
20 หยวน
เวลาทำการ
7:30 - 17:00 (อาจจะมีเวลาทำการต่างกันในแต่ละช่วง)
การเดินทางภายในอุทยาน
โดยปกติคนส่วนใหญ่จะเดินทางแบบนี้
1. ขึ้นกระเช้า ไปยังด้านบน
2. นั่งรถกอล์ฟหรือเดิน 2.5 กิโล ไปยังแถวๆ Huanglong Middle Temple
3. เดินต่ออีก 700 เมตร ไปจนถึง Multi-colored pond ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยาน
4. แล้วเดินลงมาเรื่อยๆ จนถึงทางออก ระยะทางประมาณ 4 กิโล

รถบัสจากสถานีหวงหลงจิ่วจ้าย จะมีจุดจอด 2 จุด
คือ หน้า Tourist Center กับ จุดขึ้นกระเช้า
เราลงที่หน้า Tourist Center ซึ่งเป็นจุดแรก
เพราะที่นี่จะมีที่รับฝากกระเป๋าฟรีอยู่ และอยู่ติดกับประตูทางออก
โดยเมื่อเราลงจากรถ มองไปที่จุดจำหน่ายตั๋วด้านหน้า
ทางขวามือจะมีตึก Tourist Center สูงๆ
และเมื่อมองไปทางตึก Tourist Center จะมีอาคารเล็กๆ อยู่ทางซ้ายมือ
ซึ่งก็คือจุดฝากกระเป๋าฟรีนี่เอง
ไปต่อคิวเพื่อฝากกระเป๋าได้
ถึงแถวจะยาว แต่ใช้เวลาไม่นาน
พอไปถึงเคาน์เตอร์ เค้าจะถามว่าฝากกี่ใบ
ให้เรากรอกข้อมูล Passport ชื่อ เบอร์ (เราใช้เบอร์ไทย) จำนวนกระเป๋า และเซ็นชื่อ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้แท็กเบอร์ติดกระเป๋ามา พร้อมแจ้งว่า ฝากได้ถึง 18.00 เท่านั้น
เมื่อฝากกระเป๋าเรียบร้อย
เราก็เข้าไปหาอะไรกินในตึก Tourist Center ที่อยู่ข้างๆ
ชั้น 1 จะเป็นมินิมาร์ท มีของกินเล็กๆ น้อยๆ ขาย สามารถซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋องได้ที่นี่
ชั้น 2 มีร้านอาหาร แต่ดูไม่ค่อยมีคน
ชั้น 3 เป็นร้านอาหารเช่นกัน แต่เหมือนเป็นบุฟเฟต์ และราคาค่อนข้างสูง
สรุปว่า ไม่มีอะไรให้กินเลยยยยย
เลยกลับมาที่ชั้น 1 ซื้ออ๊อกซิเจน ราคา 30 หยวน
หลังจากนั้นก็พบว่า หมวกหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หายไปตอนไหนนนนนน หงุดหงิดดดดดดดดด 😠😠😠😠
เดินวนหาอยู่รอบนึง ไม่เจอเลยตัดใจ
แล้วก็ไปที่จุดขึ้นกระเช้าเพราะเราซื้อตั๋วเข้าอุทยานจาก Trip.com มาแล้ว ไม่ต้องแลกตั๋วอีก
ซึ่งจริงๆ ต้องเดินไปยังจุดขึ้นรถบัสฟรีเพื่อไปสถานีกระเช้าก่อน (โดยหันหน้าเข้าตึกจำหน่ายตั๋ว แล้วเดินไปทางซ้ายมือ ประมาณ 200 เมตร)
แต่เรามัวหงุดหงิดกับเรื่องหมวกหายอยู่
เลยเดินไปตรงประตูทางเข้าที่อยู่ใกล้ๆ กับจุดจำหน่ายตั๋วเลย
พอเดินเข้าไป แล้วยื่น passport ให้เจ้าหน้าที่
ปรากฎว่า ไม่ผ่าน
เอ๊ะ !!! หรือต้องแลกตั๋ว
เลยกลับไปที่จุดจำหน่ายตั๋ว เพื่อแลกตั๋ว
พอได้ตั๋วมา ก็เอาตั๋วไปยื่นที่ทางเข้าเดิม
ปรากฎว่า ไม่ผ่าน อีก
เอ๊ะ ยังไง 😗
แต่เจ้าหน้าที่ชื้ไปที่จุดรอรถบัส
ถึงบางอ้อ ว่า ทางเข้าตรงนี้ มันมีไว้สำหรับ คนที่เค้าเดินขึ้น ไม่ได้ขึ้นกระเช้ามาแบบเรา 😓
โดยจุดรอรถ จะอยู่ห่างจากทางเข้านั้นไปอีกนิด
รถบัสขึ้นฟรี ไม่ต้องแสดงหลักฐานอะไร
รอสักพักรถก็ออก และใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดขึ้นกระเช้า
(ซึ่งรถบัสเขียว ที่มาจากสถานีหวงหลงจิ่วจ้าย จะมาจอดตรงนี้ด้วยเช่นกัน)
บริเวณนี้จะมีจุดจำหน่ายตั๋ว ร้านค้า ร้านอาหารอยู่ด้วย
จากจุดนี้ จะต้องต่อคิวเพื่อไปขึ้นกระเช้า
แถวจะค่อนข้างยาวเลยทีเดียว
ใช้เวลาเกือบครึ่งชม. กว่าจะไปถึงจุดสแกนตั๋ว แต่ข้างๆ มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ยืนดูน้ำไหล ก็เพลินดี
หมายเหตุ
ตรงช่องสแกนตั๋ว จะมีช่องซ้ายสุด เป็นช่องที่ใช้ Passport สแกนได้
แล้วก็ไม่มีคิวเลย นอกจากนี้ ยังมีประตูทางเข้าจากด้านข้าง ที่ไม่ต้องต่อคิวยาวเหยียดนั่นด้วย
มีคนแนะนำว่า คนที่ใช้ Passport ให้ลองเดินมาตรงนี้เลย ไม่ต้องต่อคิว
ถ้าเค้าให้เข้า และสแกนได้ ก็จะลดเวลารอคิวไปอีก
แต่ถ้าไม่ได้ ก็แค่วิ่งกลับไปต่อคิวใหม่ หรือไปออกตั๋วที่เคาน์เตอร์ (กรณีไม่ได้ออกตั๋วมา)
ซึ่งจะมีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วอยู่ก่อนจุดต่อคิวนิดเดียว (บริเวณที่รถบัสมาจอด) ไม่ต้องวนกลับไปที่จุดแรกนะ
พอใกล้ถึงคิวเรา ปรากฎว่าเพื่อนทำตั๋วที่แลกมา หาย !!! 😱
เพื่อนเลยแยกออกไปช่องสแกน Passport
ส่วนเราสแกนตั๋วตามช่องปกติ
ซึ่งก็เข้าได้ทั้งคู่
จากตรงนี้ก็เดินไปอีกนิด จะเป็นทางเข้ากระเช้า
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยตัดแถว ขึ้นกระเช้า
กระเช้านึงนั่งได้ประมาณ 8 คน
วิวบนกระเช้า ไม่ค่อยว๊าวมาก เป็นต้นไม้เขียวๆ ซะมากกว่า
พอมาถึงด้านบน
เดินไปอีกนิด จะเจอเคาน์เตอร์สำหรับซื้อตั๋วรถกอล์ฟ ราคา 20 หยวน
แนะนำว่า ควรซื้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
มันจะช่วยลดระยะทางการเดินได้ 2.5 กิโลเมตร
แถมเส้นทางขาขึ้น มันจะเป็นป่าสนซะส่วนมาก ไม่ค่อยมีวิว
แต่เราซ่าไง ไม่ซื้อ 😆 เลือกแต่เส้นทางทรมานตัวเอง
ตอนนี้เวลาประมาณเที่ยงครึ่ง หิวแล้ว เลยนั่งกินขนมแป๊บนึง แล้วเช็คว่ามีอาการแพ้ที่สูงรึเปล่า
พักสัก 15 นาที ไม่มีอาการอะไร ก็เริ่มเดิน
ทางเดินเป็นไม้ ทำออกมาดี
แต่ช่วงที่ไป ทางค่อนข้างลื่น เพราะก่อนหน้าหิมะเพิ่งจะตกไป
มีกระสอบปูเกือบตลอดทางเพื่อกันลื่น เราก็เดินเหยียบกระสอบไปเรื่อยๆ
วิวสองข้างทางจะเป็นป่าแทบตลอดทั้งเส้น
เห็นหิมะอยู่ประปรายระหว่างทาง
ห้องน้ำมีเป็นระยะ
ค่อนข้างสะอาด (สะอาดกว่าย่าติง) แต่กลิ่นแรงมากเหมือนเดิม
เป็นห้องน้ำที่ไม่มีระบบกดน้ำ หรือน้ำราด
เค้าจะมีถุงขยะสีเขียวๆ รองชักโครก หรือคอห่านไว้ พอเต็มก็เปลี่ยน
ทำธุระเสร็จก็ลุกออกมาได้เลย
น้ำล้างมือ ไม่ไหล ต้องพกทิชชู่เปียกมาเอง 😅
นอกจากห้องน้ำ ก็มีห้องอ๊อกซิเจน
คือถ้ารู้สึกแพ้ที่สูงหรือเหนื่อย ก็ไปนั่งพักในนั้น
มีอ๊อกซิเจนกระป๋องขาย
เส้นทางนี้จะมีจุดชมวิว ที่มองเห็นแอ่งน้ำหวงหลง ระยะโครตไกลลลลลลลลลลลลล
เป็นสิทธิพิเศษของคนเดินขึ้น 😂
จากนั้นก็เดินต่อยาวๆ เพราะเป็นทางเดินขึ้นเขา เดินเหนื่อยเหมือนกัน มีสูดอ๊อกซิเจนเป็นพักๆ
มีวิวให้ชมบ้าง
เดินไปประมาณ 1 ชม. ครึ่ง
ก็มาบรรจบกับจุดที่รถกอล์ฟมาส่งผู้โดยสาร
ซึ่งรถน่าจะใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็ถึงแล้ว
แล้วทำไมเราถึงไม่นั่งมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา 😑
จากจุดนี้ จะยังไม่ถึงที่หมาย
ต้องเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร เพื่อไปวัดหวงหลง หรือ 700 เมตร เพื่อเดินไป Multi-colored pond
ทางเดินยังคงเป็นทางเดินขึ้นด้านบนยาวๆ ไปเลย มีขึ้นบันไดเยอะมาก แต่เริ่มมีวิวให้ถ่ายรูปมากขึ้น
บริเวณหน้าวัดจะมีของกินขายด้วย
ถัดจากวัด เดินต่อไป จะเป็นทางเดินไป Multi-colored pond ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางในอุทยาน
โดยจะแบ่งเป็นสองเส้นทาง คือ
ทางเดินด้านล่าง เดินง่ายๆ เลียบสระไป กับ ทางเดินด้านบน ที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปด้านบน ซึ่งจะมองเห็นสระมุมสูงได้
เราเลือกเดินไปด้านบนก่อน (ชอบความทรมาน 😅)
คนเยอะมาก และเดินขึ้นเหนื่อยมากกก
พอเดินไปจนสุดทาง กำลังจะเดินมาเส้นด้านล่าง
หิมะตก 😲 แล้วลมแรงด้วย หนาวมากกกกก 😵
เริ่มเดินแบบรีบๆ กลับไปยังวัด
พอถึงวัด หิมะก็หยุดตก และแดดเริ่มมา
ถึงตรงนี้คือเมื่อยมากกกกกกก
แล้วคือ ต้องเดินกลับอีก 4 กิโลกว่า
ตอนนี้เวลาบ่ายสามกว่าๆ แล้ว แต่คนก็ยังอยู่แถวนี้เยอะอยู่
เริ่มการเดินลง 💪
เส้นทางจะเป็นทางเดินไม้เหมือนเดิม มีขั้นบันไดลงเป็นพักๆ
จะมีธารน้ำ ตลอดทาง
มาถึงแอ่งน้ำ
ตรงนี้จะเป็นแอ่งใหญ่สุด เป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันน้ำ
น้ำสีฟ้า ใสจนเห็นพื้น
ตอนขาลงจะเป็นวิวแบบนี้ตลอดทางเลย
แต่เจอขั้นบันไดลงเยอะมาก จนเริ่มปวดเข่า
พอเดินถึงน้ำตกใหญ่
เพื่อนเริ่มเดินไม่ไหวแล้ว
แต่มันใกล้จะหกโมงแล้ว กลัวจะเลยรับฝากกระเป๋า
ก็เลยให้เพื่อนค่อยๆ เดิน
ส่วนเราจะรีบไปรับกระเป๋า
เดินๆ วิ่งๆ แวะๆ ลงมาจนถึงทางออก
กว่าจะมาถึงทางออกคือ 5 โมง 40 นาที
ซึ่งทางออก ก็คือตรงประตูทางเข้าอุทยาน ที่เราเข้ามาไม่สำเร็จในตอนแรกนั่นแหละ
จากนั้นก็รีบไปตรงจุดฝากกระเป๋า รับกระเป๋า โดยโชว์ป้ายแท็กให้เจ้าหน้าที่
แล้วเดินไปด้านใน
เจ้าหน้าที่จะหากระเป๋าให้ แล้วให้เราลากออกมาเอง
พอออกมาตรงจุดขายตั๋ว
ให้เดินเลยจุดขึ้นรถบัสฟรี(ที่ไปส่งที่สถานีกระเช้า)ไปอีก
จะเจออาคารหน้าแบบนี้
และมีจุดจอดรถบัสหน้าอาคาร
บริเวณหน้าอาคาร จะมีเจ้าหน้าที่ตะโกน จิ่วจ้ายโกวๆ อยู่ตลอด
ให้เดินไปตรงเต้นสีฟ้า หน้าตึก
แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะไปจิ่วจ้ายโกว
เค้าจะเช็คจำนวนคน มีขอเบอร์ด้วย แต่เราไม่มี เค้าก็เขียนว่าไม่มี
จากนั้นก็จ่ายค่ารถ คนละ 55 หยวน
เราไม่เห็นป้ายบอกรอบรถนะ
แต่เดาว่ารอบสุดท้าย น่าจะพอดีกับช่วงอุทยานปิด
เป็นรถบัสขนาดใหญ่ สามารถเอากระเป๋าวางไว้ใต้ท้องรถได้
แล้วขึ้นไปนั่งได้เลย ไม่มีระบุที่นั่ง ไม่มีตั๋วด้วย คนขับใช้วิธีจำหน้าเอา
รอไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกมา
สรุปเวลาที่ใช้ในอุทยาน
เข้าอุทยาน 11.30 ออกจากอุทยาน 18.00 อยู่ให้คุ้มค่าตั๋วจริงๆ
(ความจริง คือ เป็นพวกเดินช้า คนอื่นเค้าใช้เวลาเที่ยว 4 ชม. ทางนี้ใช้เวลาไป 6 ชม. 😂)
ตอนนี้เหนื่อยมาก เมื่อยขามาก ขอหลับในรถแล้วกัน
แอบมองนอกหน้าต่างเป็นพักๆ ทางข้างนอก ค่อนข้างมืด
แต่เท่าที่ดู มีรถขึ้นไปจิ่วจ้ายโกวเยอะมาก
รู้สึกเหมือนหน้ารถบัส มีแต่รถ
แต่ไม่ถึงกับรถติด แค่เคลื่อนไปเรื่อยๆ เท่านั้น
รถใช้เวลา 2.5 ชม. ก็มาถึงบริเวณ จิ่วจ้ายโกว (ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง)
โดยรถจะจอดหลายจุด โดยเฉพาะโรงแรมใหญ่ๆ
จากรีวิว คือให้เปิด Baidu map ไว้ พอใกล้รร. เราก็บอกคนขับให้จอดรถให้หน่อย
แต่ของเรา มีคนให้จอดรถ ไม่ไกลจากโรงแรมพอดี ก็เลยลงตามเค้า
แล้วเดินต่อไป
มาถึงโรงแรมตอนเกือบ 2 ทุ่มครึ่ง
กว่าจะเก็บของเสร็จก็ 3 ทุ่มกว่าแล้ว
โชคดี ร้านอาหารที่นี่ปิดดึก
แถวชั้น 1 ของโรงแรมจะมีร้านเกี๊ยวน้ำ “หยวน จี้ หยุน เจี่ยว” (袁记云饺) อยู่
เป็นร้านเกี๊ยวน้ำชื่อดังที่เสิร์ฟไส้แน่นๆ เปิดมานานกว่า 30 ปี
เห็นหลายคนแนะนำให้ลอง ก็เลยตัดสินใจกินที่ร้านนี้แหละ
พอกินเสร็จ ก็ไปแวะมินิมาร์ทแถวๆ โรงแรม
ซื้อขนม กับน้ำไปด้วย
เพราะพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า เอาขนมไปกินในอุทยาน
การนอนวันแรก
นอนหนาวทั้งคืนเลย เนื่องจากงงกะแอร์เค้า
🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น