ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 4 : Day 5 จิ่วจ้ายโกว Jiuzhaigou 九寨沟风景区 #2
Day 5 จิ่วจ้ายโกว Jiuzhaigou 九寨沟风景区 #2
30/10/2567
วันที่สองของจิ่วจ้ายโกว
วันนี้เรานัดเจอเพื่อนเวลาเดิม
คราวนี้ไม่เรียก Didi แล้ว รอเรียก Taxi ดีกว่า
รอบนี้ Taxi เรียก 10 หรือ 12 หยวน เนี่ยแหละ
แต่เรากดผิดเป็น 15 หยวน
แล้วคนขับก็บอกว่า อ๋อ 2 คน ต้องเป็น 15 หยวนนะ แหม่ เนียนเลยนะ ชริ 😕
จากนั้น ด้วยประสบการณ์จากเมื่อวาน
เราเลยเดินเข้าอุทยาน แล้วไปที่ชั้นบนเลย
ขึ้นมาปุ๊บ ก็เจอคนต่อคิวอยู่แล้วนิดหน่อย
มาเช้าเกิน ต่อคิวประมาณคนที่ 7 เลย
แต่ ... ก็ต้องรอจนถึง 7.25 อยู่ดี
นี่....เราได้ยืนต่อคิวนานกว่าคนที่มาสายๆ รึเปล่าเนีย 555
แต่ถ้ามาเช้า คนในอุทยานก็ยังน้อยๆ ไง 😎
เวลาเดิม 7 โมง 25 เค้าก็เปิดให้สแกนบัตร
เราเข้าแถวช่องเดิม ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ผ่านเข้าไปได้ เพราะอยู่คนต้นๆ ของแถวเลย
จากนั้นก็ไปรอรถที่ช่องเดิมอีก 5555
จริงๆ จะไปรถคันแรกก็ได้
แต่เราอยากเลือกนั่งฝั่งซ้ายอีก
เลยรอรถคันถัดไป
รถวิ่งมาประมาณ 15 นาที มาจอดที่ Nuroilang Center เป็นคนละจุดกับเมื่อวาน
แต่เราก็ยังไม่รู้ว่ารถคันนี้ไปไหน เลยลงมาก่อน
(เพราะไม่รู้ว่ารถไป Long Lake กับ Primeval Forest มันจอดคนละที่กัน)
เพื่อนเลยแวะไปเข้าห้องน้ำก่อน
แล้วไปรอตรงป้ายรถ ที่เขียนว่าไป Primeval Forest ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่รถบัสจอดส่ง
รออยู่สักพัก ก็สังเกตว่า รถมันไม่จอดตรงป้ายนี้เลย 😑
บังเอิญมีคนกลุ่มใหญ่ๆ มารอที่ป้ายนี้เหมือนกัน
เจ้าหน้าที่ก็เรียก ให้ไปรอ ตรงจุดเดิมที่รถบัสมันจอดให้ลงนั่นแหละ
สรุปคือ รถคันที่เรานั่งมา มันไป Primeval Forest อยู่แล้วนั่นเอง
รถที่มาตรงนี้ คือไปฝั่งขวาทุกคันอยู่แล้ว
ส่วนรถที่จะไป Long Lake มันจะไปจอดชั้นบนจ้าาาา
ก็เพิ่งรู้นี้แหละ ถือว่าแวะพักเข้าห้องน้ำไป 😅
เรากลับไปรอตรงทางโค้ง พอรถมาจอด ก็ขึ้นไปได้เลย
จุดแรกที่ลง คือ Mirror Lake
จริงๆ ตรงนี้ไม่มีป้ายรถนะ
แต่เค้าก็จอดให้ลงได้ ..ให้ลงอย่างเดียวนะ ไม่รับคนขึ้น
ตอนเช้าๆ คน ยังไม่เยอะ เดินสบายๆ
วันนี้ เมฆเยอะกว่าเมื่อวานมาก พระอาทิตย์ไม่โผล่มาเลย 😭
แถมเมื่อคืนฝนตก วันนี้อากาศเลยหนาวกว่าเมื่อวาน
ทะเลสาบกระจก Mirror Lake 镜海
เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามในจิ่วจ้ายโกว ตั้งชื่อเพราะผิวน้ำสงบราวกับกระจก
ทะเลสาบกระจกขึ้นชื่อในเรื่องความงามเมื่อยามผิวน้ำที่สงบ
ปกติจะไม่มีลมช่วงก่อน 9.00 น. และหลัง 17.00 น. ช่วงเช้าจึงเหมาะแก่การมาเยือนทะเลสาบแห่งนี้
สมชื่อทะเลสาบกระจกมาก
สะท้อนวิวภูเขากับใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก
ขนาดไม่มีแดดยังสวย
ตอนเช้า คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ มีช่างภาพมาตั้งกล้องถ่ายรูปประปราย เดินถ่ายรูปสบายๆ
แต่จากจุดนี้ ไม่สามารถนั่งรถขึ้นไปได้ รถมันไม่จอดร๊าบบบบบบ
เลยต้องลอดใต้ถนน แล้วนั่งรถจากป้ายฝั่งตรงข้ามเพื่อกลับไป Nuorilang Center อีกรอบ
ซึ่งก็ใช้เวลาแค่ 5 นาที
แล้วก็นั่งรถจาก Nuorilang Center ขึ้นไปฝั่งขวา
ตอนนั่ง นั่งฝั่งขวานะจ๊ะ จะได้เห็นวิวทะเลสาบ
มีรถแค่บางคันเท่านั้น ที่จะไปต่อยัง Primeval Forest
รถส่วนมากพอถึง Arrow Bamboo Lake จะจอดส่งคนลงจนหมด แล้ววนกลับลงไปด้านล่างเลย
คนที่จะไป Primeval Forest ต้องเดินจากตรงนี้ขึ้นไปอีกนิด นิดเดียวจริงๆ ถึงจะเจอป้ายรถ
แล้วก็รอรถคันที่จะไป Primeval Forest มารับ
ซึ่งตอนแรกเราตัด Primeval Forest ออกจากลิสต์ไปแล้ว
แต่เพื่อนอยากไป
ครุ่นคิดสักพัก 😕
ไปก็ไป อยากไปก็ไปให้เห็นซะ
รถใช้เวลา 10 นาทีจาก Arrow Bamboo Lake
ถนนค่อนข้างคดเคี้ยว
ระหว่างทางไม่ค่อยมีวิวอะไรให้ดู ส่วนใหญ่เป็นป่ากับภูเขา
พอใกล้ๆ ถึง Primeval Forest จะเจอทุ่งหญ้า กะทะเลสาบเล็กๆ
ซึ่งตรงนี้เริ่มมีคนเดินชมวิวกันแล้ว เดินกันมาไกลมาก
พอถึง Primeval Forest ก็ลง
ที่นี่จะมีจุดขายอาหาร ของที่ระลึก และถ่ายรูปชุดโบราณอยู่
คนค่อนข้างเยอะอยู่นะ แต่ทำไมไม่ค่อยมีรีวิว
การเดินทางในนี้ จะเป็นเส้นทางเดินป่าแบบเป็นวงกลม ระยะทางรวม 1 กิโล
ไปทางซ้ายหรือขวาก่อนก็ได้
และมันเป็นขั้นบันได 80% เลย แผนการเซฟขาของชั้นนนนนนนนน หมดไปตั้งแต่จุดที่สอง 😣
Primeval Forest / Virgin Forest 原始森林
เป็นป่าสนซึ่งมีอายุหลายร้อยหรือหลายพันปี
สิ่งที่เจอ ส่วนใหญ่ ก็จะเป็นบันได และต้นสน 😅
แต่เราไม่ได้เดินไปจนครบรอบนะ
เดินไปประมาณ 200 เมตร ก็เดินกลับ
แล้วก็ต้องเดินต่อไปที่ป้ายรถ (ป้ายรถขาขึ้น กับ ขาลงอยู่คนละจุดกัน)
หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับมายัง Arrow Bamboo Lake อีกรอบ
จากจุดนี้คือ เดินไกลมากกกกก
ทางเดินแบ่งเป็นสองฝั่งเหมือนเดิม
แต่รอบนี้เราเดินริมถนนนะ 😂
ทางเดินไม้เรียบๆ ริมถนน เดินง่าย แดดไม่แรงเพราะเมฆเยอะ
หยุดถ่ายรูปทุกๆ 10 เมตร 555
ตรงไหนมีคนมุง เราก็มุงบ้าง 😂
เมื่อวานบ่นว่าไม่ค่อยเจอตัวอะไรบ้างเลยนอกจากกระรอก
วันนี้เจอเป็ดละ เจอปลาด้วย
ทะเลสาบไผ่ลูกศร Arrow Bamboo Lake 箭竹海
ทะเลสาบขนาดใหญ่ ที่อยู่ท่ามกลางภูเขาสองฝั่ง มีต้นไผ่เจริญเติบโตมากมายบริเวณริมทะเลสาบ จึงเป็นที่มาของชื่อนี้
เดินไกลมาก ทะเลสาบค่อนข้างยาวเลย เดินเกือบ 1 กิโลได้
เจอต้นไผ่ประปราย แต่ด้านในน่าจะมีเยอะกว่าริมถนน
จากนั้นก็จะต้องเดินต่อไปยัง Arrow Bamboo Lake Waterfall
ซึ่งจะอยู่ตรงกลางระหว่างทางเดินฝั่งนอกกับฝั่งใน มีทางเชื่อมหากัน
Arrow Bamboo Lake Waterfall 箭竹海瀑布
น้ำตกที่อยู่ถัดจาก Arrow Bamboo Lake
มีความสูงไม่มาก 2-5 เมตร กว้างประมาณ 150 เมตร
แต่จากจุดนี้ จะมีทางเดินตรงกลางเพิ่มมา
และดูเหมือนจะไม่สามารถเดินฝั่งด้านในได้แล้ว
ทางเดินอาจจะโดนหินถล่มตั้งแต่ช่วงแผ่นดินไหว
ทางเดินตรงกลางเป็นทางเดินไม้ รอบๆ เป็นธารน้ำ ที่ไหลต่อมาจากน้ำตก
ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอด
พอมาถึงช่วง Panda Lake จะโดนบังคับให้ขึ้นไปเดินริมถนนข้างๆ อุโมงค์รถ
ทะเลสาบแพนด้า Panda Lake 熊猫海
เชื่อว่าเคยมีหมีแพนด้าลงมาดื่มน้ำในทะเลสาบแห่งนี้
ระดับน้ำของทะเลสาบมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ เนื่องจากมีทางไหลไปยังน้ำตกแพนด้าที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
ทะเลสาบนี้ค่อนข้างกว้างอีกแล้ว
แต่น้ำใส สีสวยด้วย
แต่เราไม่เจอหมีแพนด้าเลยสักตัว
เดินตามฝูงชนไป ระยะทางประมาณ 600 เมตร
จะเจอลานกว้าง ที่เต็มไปด้วยผู้คน
มีร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึก และถ่ายชุดโบราณ ที่นี่
เนื่องจากเกือบจะบ่ายโมงแล้ว
เราเลยตัดสินใจ กินมาม่าที่นี่แหละ
ค่ามาม่า 15 หยวน เติมน้ำร้อนให้เลย
ถ้าไม่มีที่นั่งว่าง ก็มีพนักงานเอาเก้าอี้มาให้นั่ง โอเคอยู่นะ
กินเสร็จ ก็เดินต่อไปยัง Panda Lake Waterfall 熊猫海瀑布
แต่เราไม่เห็นป้ายบอกน้ำตก
ถึงจะเห็นน้ำตกอยู่ไกลๆ ก็เหอะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า
จากจุดนี้ ไม่เจอเส้นทางที่จะเดินริมถนน หรือฝั่งด้านใน
เหมือนบังคับให้ต้องนั่งรถบัสไป
โดยเดินลอดใต้ถนนเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง แล้วนั่งรถต่อไปสถานีถัดไป Five Flower Lake
ทะเลสาบดอกไม้ 5 สี หรือ ทะเลสาบนกยูง Five Flower Lake 五花海
เป็นทะเลสาบปิดที่เกิดจากดินถล่มและน้ำที่ไหลมาขวางหุบเขาน้ำแข็งดั้งเดิม
เป็นทะเลสาบนี้มีชื่อเสียงและสวยงามที่สุด
ถ้ามองรอบด้าน จะเห็นสีสันสวยงาม เหมือนหางของนกยูงที่กำลังรำแพนอยู่
คุณกิตติคะ !! ตอนนี้นักท่องเที่ยวทั้ง 4 หมื่นคน น่าจะมารวมตัวกันที่ทะเลสาบแห่งนี้หมดแล้วค่ะ 😱
โดยเฉพาะตรงสะพานข้ามทะเลสาบ แม่งคนเยอะชิบหาย เดินยาก หาจุดถ่ายรูปยิ่งยากกว่า
สีสันของทะเลสาบ ไม่ได้มาจากสีของใบไม้นะ มาจากสีเสื้อนักท่องเที่ยวนี่แหละ 😂
เป็นจุดที่คนเยอะที่สุดแล้ว
แถมเรามาตอนบ่ายแก่ๆ อีกต่างหาก คนยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่
ถ้าไม่ชอบคนเยอะ ควรมาเป็นจุดถัดจาก Mirror Lake (แต่เค้าบอกว่า มาตอนเย็น แสงสวยกว่านะ)
รอบๆ ทะเลสาบ จะมีทางเดินวนรอบเลย ระยะทางครบหนึ่งรอบ น่าจะ 2 กิโล
ระหว่างทางจะมีระเบียงชมวิวหลายจุด
จากจุดนี้ นอกจากสะพานไปฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบแล้ว ยังมีทางเดินสำหรับวนไปทางซ้ายและขวา
ซึ่งมันคือวนรอบทะเลสาบนั่นแหละ
ถ้าเดินไปทางขวา แล้วกลับมาที่สะพาน จะมีระยะทางไม่น่าเกิน 500 เมตร
ถ้าเดินวนไปทางซ้าย วกกลับมาที่สะพาน จะต้องเดินประมาณ 1.3 กิโล
และ ใช่ค่ะ เราเลือกเดินฝั่งซ้าย 5555555555555 😂
ระหว่างทางเดินคือ ใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก ขออภัยถ้ารูปเยอะ มันเลือกยากจริงๆ
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ถึงสีของมันจะไม่ได้สดแปร๊ดแบบในรูปโฆษณา และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆ
แต่มันก็ยังสวย สวยมากกกกกกกกกกกกก
น้ำใสมาก แบบเห็นพื้นทะเลสาบทุกจุด
แล้วสีก็สวยมาก เหมือนหางนกยูงจริงๆ เลย
และตอนเดินไปวนทางซ้ายคือ เหมือนพวกนอกคอกอ่ะ
จะเดินสวนกับคนอื่น 90% เพราะไปทิศตรงข้ามกับชาวบ้าน
เดินเหนื่อยอยู่นะ เหนื่อยตอนเดินแทรกคนนี่แหละ
แต่มีจุดให้แวะถ่ายรูปเรื่อยๆ
เดินไปทางขวาต่อ
พอเดินไปจนสุดปลายฝั่งขวา สามารถเดินกลับไปขึ้นรถบัสด้านบน
หรือจะเดินต่อไปธารไข่มุกก็ได้
เราเลือกเดินต่อ
ทางเดินแบ่งเป็น 2 ทาง เป็นทางเดินในป่าทั้งคู่
ฝั่งด้านในสุด จะติดกับเขา และอยู่สูงกว่า
ส่วนอีกฝั่งจะขนานไปกับถนน แต่อยู่ต่ำกว่าถนนนะ เราเลือกเดินฝั่งนี้ เพราะเหมือนมันอ้อมน้อยกว่า
เดินไปเรื่อยๆ จะเป็นทางเดินริมธารน้ำ
ได้ยินเสียงและเจอน้ำตกเล็กๆ ตลอดเส้นทาง
สักพักก็จะเจอทางบังคับให้ขึ้นไปเดินริมถนน
และก็เจอทางลงไปยัง Pearl Shoal
คือจากรูปรีวิว นึกว่ามันจะเล็กๆ นะ
แต่ของจริง คือ กว้างมาก
ธารไข่มุก Pearl Shoal 珍珠滩
เป็นธารน้ำที่กว้างที่สุดในหุบเขาจิ่วจ้ายโกว พื้นผิวเกิดจากการสะสมของแคลเซียมคาร์บอเนต
มีความลาดเอียงเล็กน้อย โดยมีสาหร่ายและพุ่มไม้ที่ชอบน้ำขึ้นอยู่ตามธารน้ำ
กระแสน้ำยาวประมาณ 100 เมตรไหลผ่านหุบเขาหลายระดับ
เป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำเรื่องไซอิ๋ว
จากจุดนี้ จะมีทางเดินแยก 2 ทาง
คือ ทางลงบันไดไปยังธารไข่มุกกับเดินไปด้านในเพื่อไปยังน้ำตก
ซึ่งจริงๆ ทั้งสองทางมันเชื่อมกัน
เราเดินเข้าไปด้านในก่อน เพราะเห็นบันไดลงไปแล้วเหนื่อย 😅
ระหว่างทางก็จะเป็นธารน้ำกว้างๆ เนี่ยแหละ
เดินไปไกล กว่าจะถึงทางลงไปน้ำตก
แล้วก็พบว่า
ทางลงไปน้ำตกเนี่ย ก็ไม่ต่างกับทางลงไปดูธารไข่มุกหรอก
แค่อยู่คนละจุด
แต่ต้องเดินลงบันไดยาวๆ ไปข้างล่างเหมือนกัน
น้ำตกธารไข่มุก Pearl Shoal Waterfall 珍珠滩瀑布
น้ำตกที่เกิดจากการไหลของน้ำในธารไข่มุกมายังหน้าผา เกิดเป็นน้ำตกรูปพระจันทร์เสี้ยวกว้างๆ
น้ำที่ตกลงสู่ก้นหุบเขา ทำให้เกิดเสียงคำรามอันน่ากลัวและก่อให้เกิดกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
คนเยอะ แต่พื้นที่กว้าง เลยไม่แออัด
มีของขายเยอะด้วย
จากจุดนี้ ไม่ต้องเดินกลับขึ้นไป ให้เดินต่อไปเรื่อยๆ เลย
จะเจอทางที่เชื่อมกับทางลงมาธารไข่มุกได้
เมื่อถึงด้านล่างของธารไข่มุก
เราสามารถเลือกได้ว่า จะเดินกลับขึ้นด้านบน แล้วนั่งรถบัสไปต่อ
หรือเดินต่อไป เพื่อไปยังป้ายรถของ Mirror Lake
ซึ่งคนละจุดกับ จุดที่รถจอดให้ชม Mirror Lake ในตอนเช้านะ
ป้ายนี้จะอยู่ห่างจากจุดนั้นเป็นกิโลเลย
และเราก็เลือกเดินไปที่ป้ายรถ Mirror Lake
เดินไกลอยู่เหมือนกัน กว่าจะเจอลานจอดรถกว้างๆ
เรานั่งรถไปยัง Shuzheng Village เนื่องจากเมื่อวานไม่ได้แวะ
ที่หมู่บ้าน คนข้างคึกคัก
สามารถเดินลงไปจุดชมวิวด้านล่างได้ แต่เมื่อวานเราแวะมาแล้ว เลยไม่ไป
เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อสำรวจหมู่บ้าน
ซึ่งแปลกว่าที่อื่นซึ่งมักจะเป็นทางเดินลอดใต้ถนน แต่หน้าหมู่บ้านนี้จะเป็นทางม้าลาย
ในหมู่บ้านขายของหลายอย่าง
หลักๆ จะอยู่ที่ถนนเส้นกลาง
จุดอื่นจะเป็นบ้านหรือโรงแรมซะส่วนใหญ่
แล้วทางเดิน เป็นเนิน ชันมาก แต่ก็เดินไปถึงด้านในสุด
ที่เหมือนจะเป็นวัดทิเบต
เดินมาจนสุดทางก็เดินกลับ
จากนั้นก็ไปตรงทางขึ้นจุดชมวิว
แค่เห็นบันได ก็เหนื่อยแล้ว
เดินลากสังขารขึ้นไปถึงด้านบนสุด
โอย เมื่อย
แต่วิวก็สวยนะ
เราจะได้เห็นวิวของ Shuzheng Lake
ที่เป็นกลุ่มของทะเลสาบสีฟ้า หลายๆ ทะเลสาบ เรียงรายอยู่หน้าหมู่บ้าน
ด้านหลังของหมู่บ้านจะเป็นภูเขาสูง เต็มใบด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี
เราอยู่ที่นี่จนถึง 6 โมง ก็นั่งรถกลับ (เค้าปิด 1 ทุ่มจ้าาาา เมื่อวานไม่ต้องรีบก็ได้)
ตรงนี้ มีรถขาลง มาเยอะมากกกกกกกกกกกกกกก
เพราะเป็นเวลาที่ต้องกลับแล้วด้วยแหละ เน้นเก็บคนขาลง
รถใช้เวลา 10 นาทีก็มาถึงทางออก
คราวนี้เดินออกจากอุทยาน แล้วไปรอ Taxi ฝั่งตรงข้าม
แต่ Taxi ก็ไม่ได้เยอะ แล้วส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะไป
ระหว่างนี้ก็เรียก Didi ไปด้วย
แต่ระบบกากมาก ไม่รู้เพราะเน็ตรึเปล่า โหลดช้ามาก ว่าจะทำงานได้อย่างนึง เกือบ 5 นาที
รอสักพัก เพื่อนก็ได้รถมา และต้องนั่งกับคนอื่นอีกแล้ว
วันนี้ ขากลับได้ราคา 20 หยวน
ทำไม Taxi มันขึ้นราคาทุกครั้งเลยเนึ่ย 😟
หลังจากพักผ่อนในห้องสักพัก ก็เดินออกมาหาอะไรกิน
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว
นี่เรามาพักที่จิ่วจ้ายโกว โดยไม่มีโอกาสได้เห็นบรรยากาศของเมืองตอนฟ้าสว่างเลยนะเนี่ย 😑
ร้านอาหารแถวนี้จะคล้ายๆ กัน คือ เป็นอาหารตามสั่งแบบท้องถิ่น ไม่ก็หม้อไฟหมาล่า
แต่เรามาจบที่ร้านข้าวต้ม ดูเป็นอาหารง่ายๆ ดี
นอกจากข้าวต้ม เค้ามีหมาล่าเสียบไม้ด้วยนะ
ไม้ใหญ่ ราคาค่อนข้างสูง
แต่มีป้ายบอกราคาทุกอันนะ แฟร์ๆ ดี
สั่งมา 3-4 ไม้
หมาล่าที่นี้รสชาติออกไปทางเค็มๆ หน่อย เผ็ดและชาลื้นไม่มาก (กล้ามากที่กินหมาล่า ก่อนเดินทางวันพรุ่งนี้)
จากนั้นก็แวะซื้อขนม แล้วก็กลับโรงแรม
พอถึงห้องพักก็คุยกับพนักงานโรงแรม เรื่องเช็คเอาต์เช้า กับ เรื่องเปิดฮีตเตอร์
ถึงได้รู้ว่า ชั้น ลืม เปิดปุ่ม "On/Off" ตรงสวิตซ์
คือ มันต้องเปิดปุ่ม ขวาสุดให้ ไฟขึ้นเป็นสีเขียวก่อน ถึงจะเริ่มทำงาน
ฮืออออ นอนหนาวมาตั้งหลายคืน
ในที่สุดดดดดด ก็ได้ความอบอุ่นแล้ววววว
แต่เพื่อนบอกห้องมันอุ่นดี แล้วคือ ห้องแกก็ไม่ได้เปิดทั้งแอร์ ทั้งฮีตเตอร์ไง หลับสบายไปได้ยังไงเนี่ย 😑
🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼🐼
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น