ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 4 : Day 8 Back to เฉิงตู





Day 8 Back to เฉิงตู
02/11/2567



ตอนเช้าเราตื่นมายังทานอาหารเช้าทันอยู่

อาหารเช้าคล้ายกับเมื่อวาน
แต่มีของเหลือเยอะกว่า เพราะแขกชุดใหญ่กลับไปแล้ว

หลังกินเสร็จ
รถ Taxi ก็มารับพอดี
ราคาแพงหน่อย แต่ได้รถคันใหญ่ ก็โอเค
แต่กลิ่นบุหรี่แรงมาก



รถขับมาประมาณ 10 นาที ก็ถึงสถานีรถบัส
พอจ่ายเงินด้วย WeChat เสร็จ ก็เดินเข้าไปด้านใน
ระหว่างนั้นมีคนมาทัก ถามว่าเหม่าเสี้ยนๆ 
เราก็งงๆ แต่ก็เดินผ่านเค้าเข้าไปด้านใน 😕




ซื้อตั๋วรอบเช้าสุด ที่นี่ไม่ต้องใช้ Passport แหะ
มีจอบอกรอบรถและจำนวนคงเหลือ
ซึ่งตอนเราซื้อเสร็จไป มันเหลือแค่ 5 ที่นั่ง



และเจอลุงคนเดิมมาถามว่าเหม่าเสี้ยนรึเปล่า
เราก็งงว่าเค้าถามทำไม

พอได้ตั๋วมา ลุงคนเดิม ก็พาเราเดินไปที่รถ
อ้อ สรุปว่า เค้าคือคนขับรถไปเหม่าเสี้ยนนั่นเอง 😁



แต่รอบเช้าสุด
รถจะเป็นรถตู้ ประมาณ 12 ที่นั่ง ไม่ใช่บัส 
มิน่า ที่นั่งถึงเหลือน้อยมาก 

ที่วางกระเป๋าไม่ค่อยมีนะ แต่เรามาคนแรกๆ เลยได้วางกระเป๋าด้านหลังรถ





จากนั้นก็นั่งรอรถในรถได้เลย
ระหว่างรอ ก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสภาพความพร้อมของรถ
คนขับต้องแสดงอุปกรณ์ที่จำเป็นให้เจ้าหน้าที่ดู เช่น ถังดับเพลิง โซ่พันล้อ ฯลฯ 
(ตอนนั่งบัสไม่เคยเห็นตรวจแบบนี้)

พอได้เวลา รถก็ออกตามกำหนด
มีรับคนตามทาง ซึ่งน่าจะจองตั๋วไว้

รถใช้เวลา 2.30 ชม. ก็มาถึงสถานีรถบัสเหม่าเสี้ยน
โดยรถไม่ได้จอดด้านในที่จอดรถของสถานี แต่จอดแค่ตรงประตูลานจอดรถ

เราซึ่งไม่รู้วิธีเดินทางไปสถานีรถไฟ
ก็เลยเดินเข้าไปที่สถานีรถบัสเหม่าเสี้ยนอีกรอบ





แล้วเดินไปถามที่เคาน์เตอร์
ซึ่งเค้าก็ให้รอที่เคาน์เตอร์นั่นแหละ
สักพักก็พาไปที่ลานจอดรถ
ซึ่งมีรถตู้ หน้าตาเหมือนที่พาเรามาจากสถานีรถไฟวันก่อน



บนรถมีแค่ 2 คน คือ เรากับเพื่อน 
ยังคิดอยู่ว่า เค้าจะคุ้มค่าน้ำมันหรอ 
รถต้องวิ่งครึ่งชม. เลยนะ กว่าจะไปถึง

แต่ปรากฎว่า รถคันนี้ไม่ได้พาเราไปที่สถานีรถไฟจ้า
เค้าพาไปขึ้นรถตู้อีกคันนึงแทน




ซึ่งตรงนี้จะมีคนขึ้นเยอะกว่า
ค่ารถคนละ 10 หยวน สแกนจ่ายกับคนขับได้เลย

รถใช้เวลา 30 นาทีก็มาถึงสถานีรถไฟ
จากนั้นก็ตรวจกระเป๋าตามปกติ





ยังเหลือเวลาอีก 1 ชม.
เลยหาอะไรกินในสถานีเลย

สถานีค่อนข้างเล็ก
มีมินิมาร์ทอยู่แค่ร้านเดียว
มีที่กดน้ำไว้บริการ
ห้องน้ำสะอาดดี

พอถึงเวลา ก็เดินเข้าแถว ในช่องที่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการอยู่








รอที่ชานชาลาสักพัก รถไฟก็มา

โบกี้ที่เราจองมา อยู่โบกี้สุดท้าย
แต่เราไม่สามารถเข้าตรงประตูหลังสุดได้ เนื่องจากมันเป็นพื้นที่ของ Business class
เลยต้องเข้าประตูหน้าของโบกี้แทน

แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าได้
เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วด้วย เพราะเค้าไม่ให้คนนอกเข้า
เราก็ยื่นหน้าที่จองในแอพ 12306 ให้ดู แต่ว่า มันเป็นหน้าภาษาอังกฤษ 
เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้างง
แต่เค้าก็กดๆ มือถือตัวเอง แล้วยื่นข้อมูล Passport เรามาให้ดู
พอเราบอกว่าใช่ เค้าถึงให้เข้าไป

แต่ที่นั่งที่จองมา มีคนนั่งแล้ว
อ่าว งง อีก 😑
พอเราทำมือชี้ๆ ที่เลขที่นั่ง
คนที่นั่งอยู่ เค้าก็ลุก แล้วเดินออกไป

เอ่อ สรุปก็ให้คนที่ไม่ได้จองเข้ามาเนียนนั่งได้นี่นา 

ที่นั่งชั้น 1 ดูไม่ต่างจาก ชั้น 2 มากนัก
ดูเป็นส่วนตัวกว่า ที่นั่งเป็นแบบ 2-2 เบาะดูหนากว่า มีที่เสียบปลั๊ก




พื้นที่วางกระเป๋าน้อยมาก กระเป๋า 28 นิ้ววางด้านหน้าไม่ได้เลย
จะวางด้านหลังสุด ก็เต็ม
แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็มาช่วยจัดๆ ให้จนเอากระเป๋าไปวางด้านหลังสุดได้สำเร็จ

ระหว่างนี้ ก็หลับตลอดทาง ไปจนถึงเฉิงตู

รถไฟมาถึง Chengdudong ประมาณ บ่ายสองครึ่ง
ในสถานีคนเยอะมากกกกกกกกกกก





เราจะไปเรียก Taxi เอา
เพราะว่ารร. มันอยู่ห่างจากสถานี Metro ค่อนข้างเยอะ
ตอนแรกจะเรียก Didi แต่ว่า เดินไปเดินมา มันมาถึงจุดรอ Taxi ที่เค้าต่อคิวกันแล้วอ่ะ
ก็เลยตามเลย เรียก Taxi ตรงนี้แทนก็ได้







เรายื่นแมพของโรงแรม ซึ่งเปิดจาก แอพ Trip.com ให้คนขับดู
โรงแรมของเราจะอยู่แถวๆ สะพานอันชุน

แต่คนขับก็เหมือนจะไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
แต่จำเป็นต้องรับคน และขับออกจากจากจุดรอรถ

พอออกไปนอกสถานีได้แป๊บตึง เค้าก็หยุด แล้วพยายามหาตำแหน่งของโรงแรม
หาอยู่สักพักถึงเจอ



รถใช้เวลาเกือบครึ่งชม. มาถึงโรงแรม เสียไป 24 หยวน 




กดลิฟต์ไปชั้น 4 
ก็จะเจอล็อบบี้พอดี

พนักงานพูดภาษอังกฤษได้ ตอนเช็คอิน เค้าก็เอารูปห้องกับคลิปมาให้ดู เพื่อบอกว่า ห้องที่เราจองมา มันเล็กมากนะ อยู่ได้รึเปล่า
หลังจากดูจบ เราก็บอกว่า โอเค (จริงๆ มันเล็กพอๆ กับ flipflop อ่ะแหละ)

เค้าก็จัดการเช็คอิน แล้วให้คีย์การ์ดมา แล้วบอกให้ขึ้นลิฟต์อีกตัว ไปชั้นบนสุด (ชั้น 14)
พอมาถึงก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเจอทางเข้า
หลังจากเก็บของเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทาง


ที่แรกที่จะไปคือ Taikoo li
เพราะว่า วันแรกเรามาดึกไป อด

การเดินทาง สามารถนั่งรถบัสไปได้ 1 ป้าย
แต่เราไม่มีแบงค์ย่อย ส่วนเพื่อนมีแบงค์ 10 หยวน

จากที่เคยไปฮาร์บินมา รถมันไม่รับ Alipay, WeChat
แต่เราอยากลอง

เลยขึ้นไปบนรถ
สรุปก็ได้จ่าย 10 หยวนอ่ะแหละ 555
แกนั่งรถบัสในราคารถ Taxi เลยนะ

จริงๆ มันมีป้าย Union pay อยู่ ไม่รู้แตะบัตรเครดิตได้รึเปล่า
และเราเพิ่งรู้ว่าใน Alipay มันมีเมนู Transport อยู่ สามารถซื้อตั๋วรถได้



รถบัสมาจอดที่ป้ายถัดจากป้ายแรก
เราก็ลงจากรถ หมดแล้ว 10 หยวนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน



จากตรงนี้ เดินต่อไปอีกนิด ก็ถึง Taikoo li แล้ว
เป็นแหล่งช้อปปิ้ง สถานบันเทิง และไลฟ์สไตล์ยอดนิยมใจกลางเมืองเฉิงตู






วันเสาร์แบบนี้ คนมาเดินค่อนข้างเยอะทีเดียว
ร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นของพวกแบรนด์เนมซะส่วนใหญ่

มีร้านอาหารหลายร้านเช่นกัน

นอกจากร้านค้าแล้ว ที่นี่ยังอยู่ติดกับวัด Daci ด้วย เรียกว่าล้อมวัดเลยล่ะ 
ระหว่างเดินรอบๆ Taikoo li เราจะเจอกำแพงวัดอยู่เรื่อยๆ






สามารถเข้าไปด้านในของวัดได้จากถนนตรง Taikoo li ด้วย






เราเริ่มเดินไปทางฝั่งขวาก่อน
แล้วค่อยเดินวนกลับไปฝั่งซ้าย

ตรงชั้น 2 
จะมีมุมที่ช่างภาพมาถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ
เพราะว่าจะเห็นมุมหลังคาวัดซ้อนกัน ดูสวยดี






จากนั้น เราก็เดินต่อไปยังตึก IFS
มาถึงที่นี่แล้ว มองเห็นตรูดแพนด้าแล้ว จะไม่มองหน้าน้องเลยก็กระไรอยู่ เลยต้องขึ้นไปดูสักหน่อย




จากตรูดน้องแพนด้า ให้เดินไปทางขวามือ จะเจอบันไดเลื่อน
พอขึ้นมา ก็มองหาลิฟต์ทางซ้ายมือ กดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 7 ก็ถึงเลย




แต่ตอนเรามาถึง คิวยาวมาก แล้วลิฟต์ มันใช้กับทุกชั้นในห้าง ทำให้นานๆ มาที
เลยตัดสินใจ ขึ้นบันไดเลื่อนไปก็ได้ 

พอถึงชั้น 7 ให้เดินออกไปนอกอาคาร จะเป็นสวนขนาดเล็ก
มองหาจุดที่คนไปออกันเยอะๆ นั่นแหละ เค้าต่อคิวถ่ายรูปกันอยู่




จากนั้นก็ไปโครงการ SKP เพื่อไปดู ตึกไผ่

ต้องนั่งรถ Metro จากสถานี Chunxi ไปสถานี Jincheng Plaza East



สถานี Chunxi คนเยอะมากกกกกกกกกกกก
ต้องแบ่งแยกประตูสำหรับเข้าและออกจากสถานีกันเลยทีเดียว



ด้านในสถานีก็วุ่นวายมาก



เราใช้เวลาค่อนข้างนาน และเปลี่ยนขบวน 2 ครั้ง กว่าจะไปถึง

เมื่อถึงสถานี  Jincheng Plaza East
ก็เดินออกทางออก B

พอออกมา จะเห็นอาคาร Global Center อยู่ทางขวามือ 
และมองเห็นตึกไผ่ อยู่ทางซ้าย



เดินไปเรื่อยๆ ไปทางไหนก็ได้ มันเชื่อมกันหมดแหละ เดี๋ยวก็ถึง



ยิ่งเดินเข้าใกล้ จะยิ่งเปียก เพราะไอน้ำกระเด็นมาโดน
เลยถ่ายได้แบบไกลๆ




จากนั้น ไปสถานี Financial City
เพื่อดูตึกแฝด



จริงๆ แล้วจากตึกไผ่ มองเห็นตึกแฝดอยู่ไกลๆ นะ 
ถ้าขี้เกียจนั่ง Metro ก็นั่ง Taxi ไปน่าจะได้

เรานั่ง Metro ไปถึงสถานี Financial City
ออกประตู B

จะออกมาตรงใต้ตึกแฝดพอดี
แต่ถ้าอยากถ่ายรูปมุมไกลๆ ต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วเดินไปเรื่อย





จริงๆ กะจะไปให้ถึงสะพานลอยสีแดง
แต่ตอนนี้ เมื่อยขามาก
เลยมาถึงแค่สี่แยก ที่อยู่ในระยะที่มองเห็นตึกแฝดชัดๆ





นั่งถ่ายสักพัก ก็เดินทางกลับ

จากนั้นก็เดินกลับสถานี Financial City
หาบันไดเลื่อนไม่เจอเลย แถมจะไปเส้น  ต้องเดินอ้อมขึ้นๆ ลงๆ บันได เพื่อไปชานชาลาอีกฝั่งด้วย
โครตเมื่อยเลย

สถานี Dongmen Bridge คือสถานีที่ใกล้สะพานอันชุนที่สุด แต่เราก็ต้องเดินต่ออีกเยอะ
แล้วตอนนี้เมื่อยมาก

เราเลยเปลี่ยนใจ ไปสถานีที่อยู่ใกล้ริมน้ำที่สุด โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานี แล้วปั่นจักรยานไปดีกว่า 
นั่ง Metro ไปลงสถานี Huaxiba station ของ Line 1
จากตรงนี้ กว่าจะไปถึงสะพานอันชุน คือ อีก 2 กิโล



พอออกจากสถานี เราก็เจอรถจักรยานสีเหลือง ซึ่งพอแสกนดู พบว่าเป็นของ Didi



ที่เมืองจีน เค้าจะมีจักรยานหลายเจ้า เช่น Didi Alipay สามารถดูได้จากสติกเกอร์บนจักรยาน

สำหรับ Didi เรามีปัญหาตั้งแต่ Taxi แล้ว
พอมาจักรยาน ก็เจอปัญหาอีก
เนื่องจากระบบช้ามาก และยังให้เรา verify ด้วย passport ด้วย
แน่นอนว่า ไม่ผ่าน ระบบไม่ไปไหน เหมือนเน็ตไม่วิ่ง

ก็เลยตัดใจ
เดินต่อไป จนเจอจักรยานสีฟ้า
คราวนี้เป็นของ Alipay 
ซึ่งปลดล็อคง่ายมากกกกกกก



แค่สแกน QR code แล้วกดปุ่มแดงไปเรื่อยๆ ค่อยๆ แปลไปทีละหน้า จนถึงหน้าที่ให้เอาจักรยานออกมาได้
ก็ลองดึงจักรยานดู
จะพบว่ามันไม่ได้ล็อคแล้ว เอารถมาใช้ได้เลย

ปั่นไปเรื่อยๆ เพลินๆ ดี 
เออ รู้งี้เอามาปั่นตั้งนานแล้ว น่าจะปั่นตั้งแต่ตอนไป Jinli




พอปั่นมาใกล้ถึงสะพาน ก็หาที่จอด
ซึ่งแถวๆ นี้ จะมีจักรยานจอดอยู่เยอะมากกกกกกก
เราแค่หาที่ว่างๆ เอาจักรยานไปวาง แล้วกดปุ่มคืนจักรยานบนแอพ 
มันจะคิดเงินให้

เราเสียค่าบริการไป 2.6 หยวน 
ถูกเวอร์ ปั่นมาครึ่งชม. มิน่าคนชอบใช้กัน

พอมาถึงสะพาน ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
แต่ไม่ได้ข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำนะ ขี้เกียจแล้ว





เดินข้ามถนน ไป Lan Kwai Fong แทน
ตอนแรกคิดว่าเหมือน Taikoo li
แต่ดูดีๆ นี่มันผับนี่หว่า





คนเยอะมาก
ช่วงฮัลโลวีนด้วย มีคนแต่งคอสเพลย์กันเต็มเลย

คนเยอะ เบียดยิ่งกว่าถนนคนเดินซะอีก 




ดินไปจนถึงสะพานข้ามคลอง ก็เดินข้ามสะพาน แล้ววกกลับมาที่โรงแรม



ถ่ายรูปต่ออีกนิด




ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

พอมาถึงห้อง ก็เจอผลไม้กับขนม เป็นของขวัญต้อนรับของทางโรงแรมวางอยู่



อาบน้ำเสร็จก็นอนเลย 
พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามากอีกแล้ว




Day 9 กลับบ้านนนนน
03/11/2567


วันรุ่งขึ้น
เวลาประมาณตี 5 
ก็เช็คเอาต์ออกจากโรงแรม

แล้วเรียก Taxi จาก Didi ไปส่งที่ถนนหน้าตึก IFS
เช้านีเรียกง่าย เพราะว่าใช้ Wifi โรงแรม
และบริเวณนี้ Taxi เยอะมาก
เพราะว่าฝั่งตรงข้ามมันเป็นผับไง คนเพิ่งกลับบ้านกัน

รถ Taxi มาส่งที่ฝั่งตรงข้าม ตึก IFS
ตรงที่มีตู้รอรถบัสไปสนามบินตั้งอยู่

จากตรงนี้ เราเดินข้ามไปอีกฝั่งได้เลย
จะเห็นคิวรอรถไปสนามบิน คนต่อคิวค่อนข้างยาว
อยู่ใต้ตรูดหมีพอดี




ตรงคิวแรก จะมีป้ายรถบัสตั้งอยู่ 
เราสามารถซื้อตั๋วรถโดยสแกน QR Code เพื่อเข้าระบบซื้อตั๋วได้ เหมือนกับตอนแรกที่มาจากสนามบิน
แต่ว่า ระบบมันต้องใช้เบอร์จีนอ่ะ เราเลยซื้อไม่ได้




แต่ไม่ต้องห่วง สักพักจะมีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจทีละคน น่าจะแจกตั๋วด้วย
ถ้าไม่สามารถซื้อตัวได้ เค้าจะให้ QR code มาสแกนจ่าย แล้วก็ให้ตั๋วมาเอง 
ค่าตั๋ว 25 หยวน เพราะเรานั่งรอบก่อน 6 โมง หลังจาก 6 โมงจะเสีย 15 หยวน (แง อีกนิดเดียวเอง)




พอรถมา เค้าจะนับคนขึ้นรถให้พอดี

เนื่องจากเป็นบัสคันใหญ่ เลยสามารถวางกระเป๋าใต้ท้องรถได้
รถไม่ระบุที่นั่ง เลือกนั่งได้ตามสบาย

ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ครึ่งก็มาถึงสนามบิน
โดยมาส่งที่ T1 ก่อน
ซึ่งจริงๆ เราต้องลงที่นี่

แต่ตอนที่เค้าจอด เค้าพูดอะไรไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่มีใครลงเลย เราก็เลยไม่ได้ลง

รถขับต่อไปยัง T2
ทุกคนบนรถก็ลง ... สรุปคือ ทั้งรถ มีแค่เรากะเพื่อนที่จะลง T1 สินะ



แต่เทอมินอล มันเชื่อมกัน
สามารถเดินไปได้ ก็ไกลนิดนึง แต่เวลายังเหลือเยอะ เลยเดินไปเรื่อยๆ







มาถึงหน้าเคาน์เตอร์ Spring Air แล้ว แต่ยังไม่เปิดระบบ และไม่มีใครเข้าไปต่อคิวเลย
ก็เลยเดินไปในแถว




หลังจากเช็คอินเรียบร้อย
ก็เข้าไปผ่านขั้นตอนต่างๆ เพื่อไปยังเกต

ซึ่งรอบนี้ถือว่าเร็วมาก ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชม. ก็มาถึงขาออกได้

บริเวณ ของขายค่อนข้างน้อย มีร้านไม่กี่ร้านเอง
เราแวะกินข้าวเช้ากันก่อน






จากนั้นก็ไปรอที่หน้าเกตเลย
ใช้เวลารอสักพัก ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง



รอบนี้เป็นบัสเกต
ต้องนั่งรถบัสต่อไปอีก



นั่งคราวนี้ลำบากกว่ารอบแรก เพราะเด็กเยอะ เสียงดัง
ที่สำคัญ ที่นั่งชั้น เจอเด็กทั้งหน้าและหลังเลย
ไม่ต้องนอนกันเลย



ใช้เวลา 3 ชม. ก็ถึงสนามบินสุวรรภูมิ
เป็นอันจับทริป

ค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 บาท ไม่รวมค่าเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างที่ซื้อจากไทย
 










ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : ประสบการณ์การซื้อยา Diamox ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 8 ภูเขาหิมะมังกรหยก [Jade Dragon Snow Mountain 玉龙雪山]

ʕ•ᴥ•ʔ ♡ ยืนงงในดงจีน ปี 2 : Day 6 ภูเขาหิมะสือข่า [Shika Snow Mountain 石卡雪山] & วัดซงจ้านหลิน [Songzanlin Monastery 颂赞林寺]